เปิดใจ นศ.จบใหม่ น้ำตาตกในเจอใบสมัครงาน “ไม่รับเพศเบี่ยงเบน”(คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่ภาพใบสมัครงานเข้าเป็นครูโรงเรียนเอกชน ใน จ.ปทุมธานี ที่มีการระบุในใบสมัคร โดยเน้นตัวอักษรหนาว่า "ไม่รับบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ" โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า

 "นี่คือการตัดสินการทำงานจากเพศ โดยไม่ได้มองศักยภาพในตัวของคนนั้นเลย ไม่คิดว่าการกรอกใบสมัครงานจะต้องมาเจอเหตุผลเเละคำถาม ที่ต้องตอบลงในใบที่สมัคร ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนเเรง #นี่หรือคือประเทศไทยยุค 4.0 ยุคที่บอกว่าทุกคนทุกเพศมีสิทธิเท่าเทียมกัน เเต่ในโลกของความเป็นจริง!!มันไม่ใช่ มันคือความโหดร้ายที่สุด #โรงเรียกเอกชนเเห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี #ไม่รับบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศเข้าทำงาน เป็นข้อความที่เห็นเเล้วสะเทือนใจจริงๆ!! เป็นการปิดกั้นโอกาสมากก"

วันที่ 5 ก.ย. 61 คุณนัยนา สุภาพึ่ง ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ หรือ FOR-SOGI เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อคนที่มีการแสดงออกไม่ตรงกับเพศสภาพ ซึ่งสิทธิความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยมีการออกกฎหมายลูก คือพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 ที่ระบุว่า ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศชาย เพศหญิง รวมถึงเพศทางเลือก กรณีที่มีการระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่า "ไม่รับผู้ที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศเข้าทำงาน" จึงถือว่าผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยใครที่ถูกบังคับให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ขัดแย้งรัฐธรรมนูญ ก็สามารถไปฟ้องร้องให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิของตัวเองได้ ซึ่งศาลปกครอง และคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) ได้มีการดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง

เมื่อถามว่าปัจจุบันสังคมไทย ยอมรับความหลากหลายทางเพศมากน้อยเพียงใด คุณนัยนา ตอบว่า ทุกวันนี้เราจะเห็นว่ามีบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศอยู่ในทุกอาชีพ บางคนก็อยู่ในพื้นที่สาธารณะ โดยขณะนี้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ในฐานะที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ ก็กำลังมีการทำการวิจัยและริเริ่มที่จะให้มีกฎหมายรับรองเพศ รวมไปถึงกฎหมายแต่งงาน ส่วนทางด้านของมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ หรือ FOR-SOGI ก็มีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความเข้าใจต่อคนในสังคม

ทั้งนี้ คุณนัยนา ฝากว่า อยากให้คนในสังคม ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ส่วนคนที่มองว่าผู้ที่มีความเบี่ยงเบนคนไม่ดี ตนก็อยากให้คิดเสียใหม่ ควรต้องแสดงความยินดีกับคนที่กล้าเผยตัวตนด้วยซ้ำ เพราะคนเหล่านั้นค้นพบความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง

นายเจม (นามสมมติ) ผู้โพสต์ เผยว่า ตนจบคณะครุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎ จึงตัดสินใจหางานทำ โดยตนอยากเป็นครู วันเกิดเหตุ ตนเดินทางไปสมัครงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยเมื่อทำข้อสอบเสร็จก็ได้กลับมาอ่านที่หน้าแรกอีกครั้ง จึงพบกับข้อความสีดำ ตัวหน้าว่า "ไม่รับบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ"

นายเจม ยอมรับว่า เมื่ออ่านเจอข้อความดังกล่าวก็ตกใจ โดยตอนแรกตนก็คิดว่าเข้าใจผิด แต่เมื่อพลิกไปอ่านหน้าที่สองก็มีการคำถามที่ถามเรื่องเพศ โดยมีข้อความที่ถามถึงเรื่องความรักว่ารักแบบใด เช่น รักร่วมเพศ, ชอบเพศตรงข้าม หรือชอบทั้งสองเพศ ซึ่งตนมองว่า การถามถึงความชอบเหล่านี้ ไม่จำเป็นในการสอบสัมภาษณ์ เนื่องจากไม่ได้เป็นการวัดความรู้ และไม่จำเป็นต้องถามเรื่องเหล่านี้ เนื่องจากเรื่องรสนิยมทางเพศเป็นเรื่องส่วนตัว

นายเจม กล่าวว่า เมื่ออ่านเจอเช่นนี้ ตนก็หันไปบอกกับเพื่อนทันทีว่า "น้ำตาตกใน ซึ่งเป็นความรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมา แต่อยู่ภายในใจ เพราะคล้ายกับการถูกปิดกั้นคน" นอกจากนี้ หากจะไม่มีการรับบุคคลที่เบี่ยงเบนทางเพศ ก็ไม่ควรจะระบุในกระดาษเช่นนี้ แต่เปลี่ยนเป็นให้โอกาสในการมาเขียนข้อความหรือสัมภาษณ์ แล้วในตอนสุดท้ายก็ไม่ต้องให้ผ่านก็ได้

อย่างไรก็ตาม นายเจม ทิ้งท้ายว่า ที่ตนโพสต์เพราะรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งอยากให้มองว่ายุคปัจจุบันเป็นยุคที่พัฒนาแล้ว จึงอยากให้จิตใจของแต่ละบุคคลพัฒนา และเปิดใจให้กว้างมากขึ้น และมองถึงว่าทุกคนมีสิทธิและความยุติธรรมเท่าเทียมกัน

>>>>>>
Cr:::amarintv.com