นพ.พิสนธ์ เผยข่าวดี ไทยมียารักษาโควิดแล้ว ชี้!ใช้เฉพาะคนป่วยหนักจริงๆ

หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด ข่าว เหตุการณ์ การเมือง นพ.พิสนธ์ เผยข่าวดี ไทยมียารักษาโควิดแล้ว ชี้!ใช้เฉพาะคนป่วยหนักจริงๆ

รายการโหนกระแสวันที่ 20 มี.ค. "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ยังเกาะติดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กรณีที่ทางการจีนจับมือกับญี่ปุ่นผลิตยาตัวนึงชื่อว่าอาวิแกนขึ้นมา ว่าสามารถรักษาโควิด-19 รวมทั้งเรื่องกรุงเทพฯ จะปิดเมืองหรือเปล่า มีมาตรการคุมเข้มอย่างไร โดยวันนี้ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "ผศ.นพ.พิสนธ์ จงตระกูล" ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ "ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง" โฆษกกรุงเทพมหานคร

อาวิแกน ยาตัวใหม่ที่จีนกับญี่ปุ่นจับมือร่วมกัน ยาตัวนี้สามารถฆ่าโควิด-19 ที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ได้ทำให้ปอดดีได้ ถ้ากินยาตัวนี้ 4 วันดีขึ้น ถ้าไม่กิน 11 วันจะรักษาตัวเรา?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "ชื่อที่คุณหนุ่มพูดเขาเรียกว่าชื่อทางการค้า ชื่อสามัญทางยาคือฟาวิพิราเวียร์ ยาตัวนี้เป็นยาที่มีมานานแล้วนะไม่ได้เพิ่งค้นพบ เนื่องจากว่าทางบริษัทญี่ปุ่นเขาผลิตขึ้นเพื่อตั้งใจแก้ไขปัญหาเชื้อไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเขาเกรงว่ายาที่เรามีไว้อยู่เดิมจะเอาไม่อยู่ ยาตัวนี้เป็นยารักษาไข้หวัดใหญ่ที่มันกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เขาก็กลัวมันจะดื้อยา เขาก็ไปผลิตสต๊อก ไง้เพื่อว่ามีการระบาดไข้หวัดใหญ่ที่ดื้อต่อยา เขาจะมียาต่อสู้"

ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาตัวที่ 2 ที่เก็บไว้ ใช้ตัวแรกไปก่อน?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เขาสต็อกเก็บไว้ ทางจีนเขามีคนไข้เยอะ ก็เอายาตัวนี้ไปทดลองใช้ จนตอนหลังได้ข้อมูลชัดเจนว่ายาตัวนี้ดันมาออกฤทธิ์กับโควิด-19 ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีนะครับ เป็นการยับยั้งการเจริญเติบโต การแพร่กระจายตัวมันเพิ่มเรื่อยๆ ก็หยุดยั้ง การที่ไวรัสไปทำลายเนื้อปอดก็หยุดไว้ ภูมิต้านทานร่างกายจะเขมือบมันเอง"

เป็นข่าวดีจริงๆ?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เป็นข่าวดีอย่างยิ่ง เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจขึ้น"

เราใช้คำว่าเย้ได้หรือยัง?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เย้ได้ เย้ในเชิงว่าถ้าเรามีอาการมาก ต้องพูดก่อนว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่สบายโรคนี้ 80 เปอร์เซ็นต์จะไม่เจอยาตัวนี้เลย เพราะว่าเราเก็บไว้ใช้กับคนที่อาการหนัก อาการรุนแรง คนทั่วไปที่ไปเฝ้าในรพ. บางคนไม่เจอยาต้านไวรัสเลย ใช้แค่ยาบรรเทาอาการ"

เมืองไทยมีหรือยัง?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "นี่ก็เป็นข่าวดีอีก ประเทศไทยก็ได้ความร่วมมือ ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลนี่แหละ ได้ยามา 4 หมื่นเม็ดอยู่ในสต็อกเรียบร้อย"

ใช้รักษาได้กี่คน?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เราใช้ประมาณ 70 เม็ดต่อ 1 คน ประมาณสัก 500-600 คน ยานี้สำรองไว้ใช่กับคนบางคนที่อาการหนักเท่านั้น เราก็ใช้แค่ไม่กี่คนหรอก"

ขั้นไหนถึงเรียกว่าหนัก?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "คุณหมอก็จะดูอาการ หนักคือลงปอดนะ ไข้ไม่ยอมลดสักที เอกซเรย์ดูเนื้อปอดถูกกินไปเยอะ ภาวะความเข้มข้นของออกซิเจนก็ต่ำ ซึ่งระดับมีอยู่ว่าระดับไหน ขั้นตอนแบบนี้ใช้ยาแบบไหน"

ณ ตอนนี้มนุษย์เราหายใจนาทีนึงกี่ครั้ง?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "ประมาณ 20"

ถ้าคนติดเชื้อไวรัสโควิดธรรมดา ไม่หนัก หายใจกี่ครั้ง?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "ติดเชื้อธรรมดา 80 เปอร์เซ็นต์หายใจเท่าเดิมไม่เปลี่ยน แต่ถ้าหลังจากนั้นคุณหมอก็จะดู จะอยู่ที่ 30 ครั้งต่อนาที เพราะปอดเริ่มถูกทำลายโดยเชื้อไวรัส ซึ่งไม่ใช่ว่าไวรัสจะลงปอดทุกคนและทำให้เกิดอาการที่ว่า เมื่อมันลงไปได้สำเร็จ ปอดทำงานได้น้อยลงเมื่อไหร่ เราก็จะหายใจเร็วขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนให้ทัน"

หายใจเร็วขึ้น คือเรานั่งเฉยๆ ก็หายใจเร็วแล้ว?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องไปกังวลตรงนั้น ถ้าเป็นโรคและหายใจเร็วจะมีอาการประกอบ ไข้สูงด้วย ยานี้ไม่ได้ใช้ตัวเดียวด้วยนะ เวลารักษาโรคเขามียามากกว่า 1 ขนานเพื่อรักษา มียารักษามาเลเรียด้วย มีมานานมากแล้ว เขาก็เอายามากกว่า 1 ชนิดเข้าไป ตรงนี้อยากเตือนประชาชนว่า ยาที่เรามีอยู่แล้วดั้งเดิม ประชาชนบางคนไปหาซื้อ คือได้ยินมาว่ายานี้ช่วยได้ ก็พยายามไปหาซื้อ ขอเตือนว่าอย่าทำ เพราะยามีผลข้างเคียงเยอะแยะมากมาย คุณหมอต้องใช้อย่างระมัดระวังมาก ไปหาซื้อมาก็ไร้ประโยชน์เพราะต้องใช้ยาหลายขนานด้วยกัน คนอาการน้อยๆ ก็แทบไม่ต้องใช้ยาเลย"

แมทธิวบอกว่าก่อนหน้านี้เป็นไข้ เหมือนจะเริ่มดีขึ้น ผ่านไปวันเดียว หลังไข้ลดมันกลับมาอีก หมอเลยให้กินยา 4 ตัว 4 ตัวนั้นใช่หรือเปล่า?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "ตอบไม่ได้ แต่ดูภาพจากวิดีโอเขาไม่มีอาการหอบ ไม่มีสายระโยงระยางเยอะเหมือนคนอาการหนัก ฉะนั้นยานั้นอาจเป็นยาอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสโดยแท้"

ยานี้ต้องใช้กับคนมีสายระโยงระยางเหรอ?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "อย่างที่บอกเรามียาน้อย ใช้ในคนที่มีความจำเป็นจริงๆ ถ้าคนเป็นนิดหน่อยแล้วขอใช้จะพอได้ยังไง ต้องเก็บไว้ใช้ในยามที่คุณหมอคิดแล้วว่าต้องใช้ และให้สบายใจว่ารัฐบาลพยายามหายามาเพิ่ม อย่างน้อยอาจได้มาอีกแสนเม็ด ให้ประชาชนสบายใจเบื้องต้นก่อน ว่าคุณหมอพร้อมรักษา มีสถานที่รองรับ มียาพร้อม ถ้าถึงจุดนั้นก็มียาพร้อมรักษา เพียงแต่ว่าตอนนี้อย่ามารพ.เยอะเกินไป เพราะถ้ามาเยอะๆ ห้องก็ไม่มี ถ้าป่วยหนักต้องอยู่ไอซียู เครื่องช่วยหายใจห้องเราจะมีไม่พอ อยากให้เกิดขึ้นช้าๆ อย่างที่ได้ยินว่า 300 คนก็ไม่ใช่จะเจอยาตัวนี้เลย ไม่ต้องกินเลย นอกจากคนมีอาการหนัก คนอายุมากๆ คนที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ควบคุมได้ไม่ดี ส่วนเด็กเล็กๆ ขอให้สบายใจว่าเด็กอายุต่ำกว่า 9 ขวบไม่มีใครอาการรุนแรงเลย ให้สบายใจก่อนว่าส่วนมากไม่มีใครเป็นอะไร"

ทั่วโลกติดเยอะมาก เจ้ายาอาวิแกนจะเพียงพอประชากรโลกหรือไม่ แล้วเมืองไทยจะได้อีกแสนเม็ดเมื่อเทียบกับตารางคนป่วย มันจะเพียงพอมั้ย?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เชื่อว่าเพียงพอแน่นอน ยาเขามีอยู่ในสต็อกอยู่แล้วเพื่อแก้ปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่"

เราทำได้มั้ย?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เราทำไม่ได้ ทุกประเทศก็ทำไม่ได้ ทำจากบริษัทที่เขาสต๊อกไว้"

เอามาแกะ แล้วก็อป?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "ไม่ได้ มันผิดกฎหมาย ตอนนี้ไม่ต้องคิดเรื่องก็อปไม่ก็อปหรอก เพราะตอนนี้เราได้ตัวยามาแล้ว ปริมาณที่ผมพูด เป็นปริมาณที่กระทรวงเขาคงคำณวนกะแล้วว่าเราขอแค่นี้นะ เพียงพอแล้วสำหรับคนไข้หนักของเรา"

เรื่องการล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ขั้นตอนแรกที่ภาครัฐเสนอคือให้ผู้ว่าฯ ตัดสินใจดูความเหมาะสม มาตรการคุมเข้มเป็นยังไง?
ร.ต.อ. พงศกร : "ต้องอธิบายให้ฟังก่อนว่าสิ่งที่เราทำตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะสถานการณ์อาจเลวร้ายมากขึ้น เรายกเลิกงานสงกรานต์ และอีเวนต์ทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ป่วยยังไม่ถึงร้อยคน แต่ปรากฎว่าสถานการณ์ที่เราประเมิน มีการติดเชื้อมากขึ้น ผ่านสถานบริการ สนามมวย เราจึงมีการยกระดับมากขึ้น คำว่าล็อกดาวน์ที่แท้จริงในโลกมีแค่สองเมืองคืออู่ฮั่น และสองอิตาลี การล็อกดาวน์ที่แท้จริงคือให้ทุกคนอยู่กับบ้าน ไม่ออกนอกบ้าน ทุกคนต้องอยู่ในห้อง แม้จะซื้อของ อาหาร ก็ต้องซื้อสิ่งจำเป็นเท่านั้น ไม่ออกมา อย่างเช่นอิตาลีคุณออกนอกบ้านต้องมีการขออนุญาตจากรัฐ ต้องมีใบอนุญาต มีการกรอกแบบฟอร์มทางอินเตอร์เน็ต ผมพูดได้เลยว่ากทม.พร้อมล็อกดาวน์ทุกอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือล็อกดาวน์ต้องจบ และทุกหน่วยงานต้องให้ความร่วมมือ และสามการล็อกดาวน์จะทำให้คนไม่เคลื่อนย้ายทั้งหมด ไม่งั้นจะเร่งการแพร่กระจายเชื้อ สิ่งที่กทม.ทำได้คือตามพ.ร.บ. โรคติดต่อมาตรา 34-35 สิ่งที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครทำได้คือให้คนต้องสงสัยติดเชื้อ สัมผัสผู้ติดเชื้อมารายงานตัว สองคือการปิดสถานที่ ถ้าผู้ว่ากทม.โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ทำการปิดสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง นี่คือสิ่งที่เราสามารถทำได้ แต่การล็อกดาวน์ให้คนไม่ออกจากบ้านเป็นสิ่งที่หลายประเทศทำคือเคอร์ฟิว สิ่งนี้ไม่สามารถทำได้ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือปิดสถานที่ 1 2 3 4 แม้กระทั่งปิดสถานีทั้งหมด เราเกรงว่าผู้สื่อข่าวติดเชื้อ เราต้องมีเหตุในการพิจารณา บอกได้เลยเราพร้อมทำทุกอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำแล้วจบ ถ้าล็อกดาวน์ยิ่งนานยิงมีปัญหามากขึ้น แล้วการล้อกดาวน์ยิ่งเร่งแพร่การกระจายของเชื้อ ดังนั้นขออนุญาตยก 2 เคส คืออุทัยธานีและบุรีรัมย์ ซึ่งผมชื่นชมมาตรการผู้ว่าฯ สองจังหวัดมาก แต่สิ่งที่เราทำไม่น้อยกว่าเรา เราใช้อำนาจกับคนที่ไม่ยอม เราใช้กฎหมาย แต่บุรีรัมย์ออกมาตรการขอความร่วมมือ แต่เราไกลกว่านั้น เราขอความร่วมมือบางเรื่อง แต่นี่คือการสั่งให้ปิด ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่าเราจะทำทุกวิถีทางควบคุมโรคนี้ให้ได้"

ถ้าวันไหนที่กรุงเทพฯ ประกาศล็อกดาวน์ คนต่างจังหวัดกระจายกลับบ้าน เขาอาจเอาเชื้อไปติดต่างจังหวัด?

ร.ต.อ. พงศกร : "ใช่ครับ การล็อกดาวน์ที่ทำได้คือการปิดสถานที่ทั้งหมดแต่เราไม่สามารปิดได้ เพราะคนไม่สามารถปิดกั้นให้ทุกคนเดินทางได้ เช่นตั้งด่านในประเทศไม่ได้ เพราะผู้ว่ากทม.ไม่มีอำนาจในการสั่งตรวจ เราเรียกว่าเคอร์ฟิวแล้วกัน ซึ่งเราพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ต้องทำแล้วจบ อย่างมะนิลา ที่เขาออกมาตรการล็อกดาวน์ ปรากฎว่าคนออกมาเหมือนเดิม ทำให้การล็อกดาวน์ยาวนานขึ้นและคนติดเชื้อเหมือนเดิม ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเราอยากให้คนทุกวันนี้แม้ไม่มีการล็อกดาวน์ต้องเว้นระยะห่าง ถ้าคุณเจอใครแล้วมีการเว้นระยะห่างไม่มีทางติด สองคือการล้างมือสำคัญมาก เชื้อโรคไม่ได้อยู่ในอากาศแต่อยู่ในมือเราและมาสัมผัสหน้า และสุดท้ายไม่ไปอยู่ในที่รวมตัวคนหนาแน่น อย่างปัจจุบันเราสามารถให้คุณหยุดงานแต่ง งานบวช ปัจจุบันเราก็ขอร้อง เราไม่อยากไปขัดหรอก คนจะแต่งจะบวช แต่ต้องขอร้อง เพราะโควิดต้องให้พี่น้องตระหนักว่าโรคนี้คืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง เราทุกคนสามารถแพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วมาก"

เจอคนฝ่าฝืนมั้ย?

ร.ต.อ. พงศกร : "ฝ่าฝืนยังมี แต่ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ เราเข้าใจว่าการปิดสถานบันเทิง สถานบริการ สนามมวยทำให้คุณค่าทางเศรษฐกิจลดลงแน่นอน แต่สิ่งสำคัญอยากให้คิดถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ วันนี้สถานประกอบการเขาออกมาเรียกร้องแล้วว่าจะล็อกดาวนานเกินไปมั้ย 14 วัน แต่เราขอความร่วมมือจริงๆ เข้าใจว่าเดือดร้อนแต่ต้องร่วมมือกัน"

มีประเด็นที่หลายคนมองว่าทางกทม.พยายามขอความร่วมมือและสั่งปิดสถานที่ ก็มีกรณีคนที่ไปทำงาน ต้องขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ อาจมีการติดต่อตรงนั้นหรือเปล่า?

ร.ต.อ. พงศกร : "อย่างที่บอก เรามีอำนาจในการสั่งปิดบีทีเอช ไม่ใช่เอ็มอาร์ที เราสามารถสั่งได้เลย แต่ถ้าการปิดบีทีเอชไม่ได้หมายถึงคนไม่เดินทางไปทำงาน เราทำได้ แต่ถ้าผู้ติดเชื้อแทนที่จะไปบีทีเอช แต่ไปขึ้นแท็กซี่ มีการจามในแท็กซี่ ยังไม่เห็นติดรถสาธารณะนะ ส่วนนี้ติดในแท็กซี่ แล้วจะมีการเร่งการแพร่กระจายของเชื้อมั้ย วันนี้ขอเรียนเพิ่มเติม เราจะมีการคุยกับคณบดีแพทย์ศาสตร์หลายรพ.จุฬา ศิริราช เราอาจมีมาตรการขอร้องให้ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหารต่างๆ บังคับให้เว้นระยะ เราไม่อยากทำ แต่ต้องมีการปิดสถานที่จริงๆ เราต้องช่วยกันให้คนอยู่ห่างกันมากขึ้นเพื่อลดการแพร่ระบาด"

อาจเย้ได้?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "เย้นี่เป็นเพียงว่าคนไม่สบาย อาการมาก เรามียารักษาเขาไม่ให้เสียชีวิต แต่ต้องเย้จริงๆ คืออัตราเพิ่มของคนไม่สบายต้องมีน้อยๆ และค่อยๆ หมดไป มีเยอะเมือ่ไหร่เรายังเย้ไม่ได้"

ยาอาวิแกนที่เข้ามาอยู่เมืองไทย 4 หมื่นเม็ด และจะสั่งมาอีกแสนเม็ด พอมั้ย?

ผศ.นพ.พิสนธ์ : "ขณะนี้เหลือเพียงพอสำหรับคนไม่สบายอยู่ในขณะนี้ เราก็อยากให้คนไม่สบายเข้ามาทีละไม่มากนัก เพราะมีบางกลุ่มต้องใช้เตียง"