ถึงเวลาบังคับคนดื้อแพ่ง ไม่แคร์สังคม วอนอยู่บ้านเพื่อชาติ

"สิ่งแรกคือเป็นมาตรการบังคับไม่ให้คนเคลื่อนไหวมาก ซึ่งทางการแพทย์เป็นแนวทางเดียวเลยที่จะดีที่สุดในการไม่ให้คนติดเชื้อเพิ่มขึ้น เราถึงบอกว่าพยายามอยู่บ้านเพื่อชาติ ทำให้เราสามารถมีทรัพยากรในการดูแลรักษาพร้อมรับมือคนอาการหนักได้"

"ถึงเวลาแล้ว เราเห็นปรากฎการณ์ในหลายวันที่ผ่านมา บางคนก็ดื้อแพ่งไม่สนใจอะไร ฉันไม่เห็นต้องแคร์ซึ่งอันตรายมาก"

"ต้องยอมรับว่าการไม่ให้คนเคลื่อนไหวต้องมีผลกระทบกับคนหาเช้ากินค่ำ คนที่ออกไปทำงาน อีกกลุ่มคือพ.ร.ก. ฉบับนี้ต้องการเบรกคนดื้อแพ่ง ไม่ให้ออกมา การปิดสถานท่องเที่ยวก็เป็นมาตรการหนึ่ง แต่อย่างว่าพวกนี้ก็ไปรวมตัวกันที่อื่น"

"เมื่อกลุ่มคนจำเป็นมีจำนวนน้อยลง ก็เป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมไปในระดับหนึ่งแล้ว เช่นมีคนขึ้นรถเมล์ รถไฟใต้ดินน้อยลง อันนี้ทำให้เราได้ผลในระดับหนึ่ง คนไม่จำเป็นพักอยู่ที่บ้าน ผมเห็นว่ามันมีประโยชน์"

"เมื่อคนติดเชื้อน้อยลง คนอาการหนักน้อยลง ทางการแพทย์ก็สบายขึ้น จะได้มีทรัพยากรต่างๆ เพียงพอให้มีประสิทธิภาพตามที่เราอยากได้"

"อาจารย์มองเห็นภาพบางอย่างที่ผมมองเห็น มันไม่ได้พุ่งแบบจรวด ถ้าพุ่งแบบจรวด วันแรก 180 กว่า วันถัดมาต้อง 300 400 วันถัดมา 600 700 ตอนนี้เราสามารถทำให้มันแบนราบลงไปได้ เป็นสัญญาณที่ดี ที่หวังว่าเป็นศูนย์หรือยี่สิบคงยังเป็นไปไม่ได้ คนกลุ่มที่กำลังกลับบ้านไป บอกตรงๆ ความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่มคนสนามมวย เพราะเป็นชาวบ้านธรรมดา ท่านควรมีความรับผิดชอบ ซึ่งมีข่าวว่ากลับไปบ้านแล้วไปเลี้ยงฉลองเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่รับผิดชอบต่อสังคม"

"อันดับแรกต้องตามคนป่วยจริงๆ ก่อน เอาให้ได้ ถามจากคนนั้นและขีดวงออกไปว่าเขาจะไปทำอะไรในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อันนี้เป็นงานหนักของฝ่ายแพทย์ระบาดวิทยา เขาต้องติดตามในภาคสนาม อันนี้สำคัญมาก เขาเหมือนไปช่วยดับไฟที่กำลังกระจายเป็นจุดๆ เอากลับมาอยู่ในระบบให้ได้"

"อันนี้ดีครับ การทำงานฝ่ายระบาดวิทยาในการควบคุมโรคเร็วขึ้น เป็นการแข่งกับเวลา ถ้าปล่อยช้าไปอีก 2 วันเขาจะไปต่อเรื่อยๆ ส่วนใหญ่คนแพร่เชื้อมีอาการ 5-7 วัน ถ้าปล่อยไปอันนี้จะแพร่เชื้อมหาศาล"

"ผมคิดว่ามีมาตรการทางการแพทย์อยู่แล้วว่าคุณควรทำอะไร จากนี้ไปถ้าคุณไม่ทำตาม จะมีมาตรการตามกฎหมายตามมา ผมคิดว่าเป็นยาที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ว่าเราจะสามารถกด 3 แสนเหลือ 2-3 หมื่นเราก็พอใจ แต่ 2-3 หมื่นเป็นปีนะครับ ไม่ใช่เป็นเดือน ถ้าเป็นเดือนสองสามหมื่นเราก็รับไม่ไหว"

"อาจจะหลายร้อยด้วยซ้ำ ตอนนี้อาจมีเงินใช้ แต่ไม่กี่วันเขาก็จะหมด เราต้องเห็นใจนะ เขาไม่มีกินเขาก็ต้องกลับไปพึ่งคนทางบ้าน แต่ก็ขอให้ทำตามที่เราแนะนำ คุณเองก็ปลอดภัย คนที่บ้านก็ปลอดภัย"

"อสม.ของประเทศไทย ถือว่าเป็นบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ให้วงการสาธารณสุขอย่างมาก เขาเป็นด่านหน้าใกล้ชิดประชาชน เขาจะทำงานร่วมกับสาธารณสุขและมหาดไทย ดูแลในระดับหมู่บ้าน เขาทำได้ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้มีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยว ยกตัวอย่างเกาหลีใต้ เขาสามารถติดตามคนทำศาสนกิจได้เกือบหมด ถ้าทำได้แบบนี้ บอกได้เลยว่าจะมีความปลอดภัยสูงมาก"

"ต้องไม่ลืมว่ากลุ่มนี้ที่กลับบ้านยังสบายดีอยู่ แต่ทางการแพทย์เราต้องถือว่าอันนี้มีความเสี่ยงนะ อาจมีไข้สักวันนึงและมาแพร่เชื้อสู่เรา ก็ใส่หน้ากากเข้าไป แต่ไม่ต้องใส่โม่งเพราะเขาคือกลุ่มที่ยังถือว่าสบายดี"

"มีครับ ถ้ามองย้อนกลับไป ประเทศจีนเป็นประเทศแรก บุคลากรทางการแพทย์เขาติดไป 2 พันกว่าคน ที่อิตาลีสูงกว่านั้นอีก หลังจากติดไป 2 พันกว่าคนและเสียชีวิตเป็นร้อย เขาก็วิเคราะห์ดู พยายามไล่ดูว่าติดทางไหน ปรากฎว่า 80 เปอร์เซ็นต์ติดจากในชุมชน ครอบครัว ติดจากการทำงานแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นยุคที่ประเทศจีนติดคือยุคที่เขายังไม่รู้ ประมาณเดือนพ.ย. กับต้นเดือนธ.ค. เป็นช่วงระบาดหนักโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนไข้ปอดอักเสบเทมาหลายร้อย ตรงนี้เป็นคนไข้ที่อยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็ง ข้างล่างยังมีคนติดอีกเยอะเลย คนอยู่ในชุมชน ไปตลาดซื้อของติดไม่รู้ตัว ซึ่งเขาเสี่ยงพอๆ กับคนอื่น"

"ความเสี่ยงที่มาจากการทำงาน ตอนนี้เรารู้แล้ว ให้รู้ว่าเราติดเชื้ออะไร ดีกว่าเราไม่รู้ เราจะได้ระวังตัว"

"ใช่ครับ"

 

"กรุณาเซฟตัวเองก่อนครับ พอเซฟตัวเองก็ทำให้เซฟหมอได้ด้วย อยากให้ผู้ฟังทุกท่าน นี่เป็นปรากฎการณ์น้ำจิตน้ำใจ เช่นปรากฎการณ์ที่ผมเห็น เมื่อเช้านี้เห็นมา พระสงฆ์องค์เจ้าองค์หนึ่งทำข้าวเลี้ยงชาวบ้านตกงาน"

"ขอกราบวิงวอนท่านเจ้าอาวาสทุกวัด ศพเหล่านี้มีกระบวนการที่จะปกป้องไม่ให้เชื้อแพร่ออกไป แล้วมีการซีลถึง 3 ชั้น มีถุงใส่ ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อถึง 3 ชั้น แต่แนะนำว่าอย่าเปิดศพขอดูหน้า ขอให้งด เรารู้อยู่แล้วว่าเชื้อโรคจะแพร่เชื้อได้ก็ต่อเมื่อมีการไอจาม ศพไอจามไม่ได้"

"เชื่อนี้ทางการแพทย์บอกเลยว่าถ้า 60-70 องศา อยู่ได้แค่ 1-2 นาที ไม่ว่าจะน้ำหรืออุณหภูมิตรงไหนก็ตาม แต่เตาเผานี่ 800-1000 องศา ผมว่าปึ๊ดเดียวก็ตายหมดแล้ว สิ่งที่เป็นควันออกมาก็เหมือนคนไม่ได้ติดเชื้อนี้เหมือนกัน"

"ก็หลักการเดิม ห่าง 2 เมตรก็ปลอดภัย แต่คนเริ่มป่วยหรือไม่สบาย จะไม่ค่อยไหว ไม่เหมาะออกกำลังกาย คนออกกำลังกายเราคาดการณ์ว่าเขาน่าจะแข็งแรง ไม่น่าเป็นปัญหา เก็บระยะห่างไว้ 2 เมตร คุณก็ออกกำลังกายพื้นที่โล่ง ยิ่งคนอยู่ต่างจังหวัด อากาศเขาค่อนข้างดี ไม่มีปัญหาเลยครับ"

"อันดับแรกเซฟตัวเองอย่าให้ป่วย ถ้าป่วยมาหาแพทย์ให้บอกตรงๆ เราจะได้พยายามตรวจเพื่อบอกว่าคุณใช่ไม่ใช่ อันนี้จะเป็นการเซฟไปถึงครอบครัวและคนรอบข้าง ทางหมอเราก็เตรียมการเซฟ และเตรียมงานไประดับสูงสุดอยู่แล้ว"