เปิดคลิปนาที พ่อฝรั่ง เดินทางไปงานศพลูก 4 เด็กตกตึก ประชันหน้าแม่จังๆ

วันนี้ (4 พ.ค. 61) ที่วัดจันทวงศาราม (วัดกลาง) เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ สถานที่ประกอบพิธีรดน้ำศพเด็กชายคณัธชา ริคกี้ โบเรล หรือ น้องอเล็กซ์ ซึ่งเสียชีวิตจากการพลัดตกอาคารพร้อมกับพี่รวม 4 คน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

โดยบรรดาเพื่อนครูของนายมาร์เชล เลออง โบเรล ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเพื่อน ๆ เรียกว่า มาร์ซี่ ต่างพร้อมใจกันเดินทางมาให้กำลังใจนายมาร์เชล ซึ่งนายมาร์เชลถึงกับร่ำไห้และยังมีอาการนั่งเหม่อมองดูร่างของลูกชายอยู่ตลอดเวลา ขณะที่นางสาวรัตติกาล ประกายแก้ว แม่ของเด็กมีท่าทีไม่ยินยอมให้นายมาร์เชลแตะต้องร่างของลูก แต่ผู้เป็นพ่อก็ไม่สน ยังคงจับเนื้อต้องตัวลูกอยู่ตลอดเวลาด้วยความอาลัย

โดยนายลาร์ส ฟิสเชอร์ เพื่อนนายมาร์ซี่ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า พวกเขาต้องการให้สื่อมวลชนนำเสนอความจริง เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีการบิดเบือนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การบอกว่านายมาร์ซี่ทอดทิ้งลูก ซึ่งเรื่องนี้เพื่อนครูชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย

เพราะนายมาร์ซี่เป็นคนรักลูกมาก จนขนาดสักชื่อลูกเอาไว้หลายที่ของร่างกาย เช่น แขน และเท่าที่เคยเห็นลูกๆ ก็ไม่เคยกลัวพ่อตามที่มีข่าว นอกจากนี้ที่นายมาร์ซี่พยายามเดินหน้าติดต่อทนายเพื่อขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกบ้าง ไม่ใช่ลักษณะเป็นการพรากลูกพรากแม่ แต่เป็นการขอแบ่งเวลาเลี้ยงดูลูกบ้าง เพราะเด็กต้องการทั้งพ่อและแม่

ส่วนเหตุผลที่นายมาร์ซี่ยังทำงานอยู่ในประเทศไทยก็เพราะลูก อยากเจอลูก แต่นางสาวรัตติกาลผู้เป็นแม่กลับพาลูกย้ายบ้านหนี กีดกันไม่ยอมให้เจอหน้าพ่อ และยังปลูกฝังเด็กๆ ว่า พ่อไม่รักแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นการสานความสัมพันธ์ระหว่างนายมาร์ซี่กับลูกก็เป็นไปได้ยาก นายมาร์ซี่ไม่มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ลูกฟังว่ารักลูกแค่ไหน มีเพียงแม่เท่านั้นที่บอกเล่าข้อมูลเพียงด้านเดียว

-----
ด้านนางอำพัน อินทรประเสริฐ เพื่อนนายมาร์ซี่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่นายมาร์ซี่เลิกกับภรรยาคนนี้ไป ก็ไม่เคยมีแฟนใหม่อีกเลย ด้านอุปนิสัยส่วนตัวของนายมาร์ซี่เป็นคนน่ารักและรักเด็กมาก มักจะซื้อขนมแจกเด็กเป็นประจำ เพราะความคิดถึงลูก หลายครั้งที่นายมาร์ซี่มาเล่าปัญหาให้ตนฟัง เช่นเรื่องการติดต่อทนายหลายต่อหลายคน เพื่อจะเดินเรื่องขอสิทธิ์เลี้ยงดูบ้าง ซึ่งตนก็ให้คำปรึกษาตลอด เพราะกลัวทนายจะหลอกเอาเงินนายมาร์ซี่ และนายมาร์ซี่ก็เคยมาเล่าให้ฟังด้วยว่า ภรรยาพาลูกย้ายหนีไปแล้ว เพราะกลับไปหาก็ไม่เจอ แต่เขาก็พยายามหาทางติดต่อตลอด

นอกจากนี้ นายอี๊ด ประกายแก้ว ตาของเด็กลูกครึ่ง ทั้ง 4 คน เปิดเผยว่า ตนเลี้ยงดูน้องอเล็กซ์ตั้งแต่มีอายุประมาณขวบกว่า แต่พักอยู่คนละห้องกับเด็กๆ คุณตาบอกว่าน้องอเล็กซ์เป็นเด็กดีมาก เป็นเด็กอ่อนน้อม พูดจาไพเราะ ซึ่งตอนนี้ตนยังทำใจไม่ได้ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลของเด็กทั้ง 4 คนตอนนี้ตนไม่ทราบ เรื่องนี้แม่เด็กจะรู้ดี แต่รายรับนั้นมาจากหลายฝ่ายหลายหน่วยงาน มีคนช่วยเยอะมาก พยาบาลและหมอก็ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนเรื่องพ่อเด็กให้ความช่วยเหลือหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่หลังจากนี้หากนายมาร์ซี่จะขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ตนบอกเลยว่า "ไม่ได้" เพราะนายมาร์ซี่ไม่ส่งเสียมา 5-6 ปีแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลว่านายมาร์ซี่พยายามทำเรื่องขอเลี้ยงดูบุตรมาตลอด คุณตาจะว่าอย่างไร เรื่องนี้ตาของเด็กตอบว่า ต้องแยกเป็นอีกประเด็น เพราะตนไม่รู้เรื่องด้วย และถึงแม้นายมาร์ซี่จะมีฐานะที่พร้อมในการเลี้ยงดูบุตรมากกว่า ตนตัดสินใจไม่ได้ เพราะตนก็เลี้ยงดูหลานมาเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ขออย่างเดียว ขอให้เลี้ยงดูหลานให้ดี ตนจึงจะพอใจ แต่ถ้าพาไปเลี้ยงแล้วลำบาก ตนไม่ให้ แต่ถึงอย่างไรแม่เด็กก็คงไม่ยอม ดังนั้นต้องไปถามความสมัครใจของหลานๆ ทั้ง 3 คนที่เหลือว่าอยากไปอยู่กับพ่อหรือเปล่า ตนไม่มีสิทธิ์จะไปตอบแทน ส่วนปัญหาส่วนตัวกับนายมาร์ซี่นั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะตนไม่ชอบวุ่นวายกับใคร