หนุ่มปอดอักเสบรุนแรง ไอเป็นเลือด เชื่อเกิดจากพิษฝุ่น PM2.5 (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความ พร้อมภาพถ่ายเสมหะ ระบุว่า ตนเองมีอาการป่วยจนอาเจียนเป็นเลือด ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่าน ซึ่งเขาคิดว่ามีสาเหตุจากฝุ่น PM 2.5 เพราะก่อนหน้านี้ตนเองมีสุขภาพดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่หรือมีโรคประจำตัว

นายณฎฐพร เปรมมนัสไพศาล อายุ 25 ปี ผู้โพสต์ เปิดเผยว่า เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ช่วงแรกมีเสมหะ ไอ กระทั่งอาเจียนเป็นเลือด ต่อมาอาการไม่ดีขึ้น จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแรก เพื่อเอ็กซเรย์ปอด แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ แพทย์จึงให้ล้างท้องก็พบว่ามีเลือดอยู่ในกระเพาะอาหาร แต่ไม่พบความผิดปกติ แพทย์จึงส่งตัวไปให้ตรวจอีกโรงพยาบาล

ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลที่สองนั้นเอกซเรย์ปอดอีกรอบ พบว่าปอดขวามีจุด 2 จุด รพ.ก็บอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับโรคปอด หลังจากนั้นกลับมาบ้านก็มีอาการไอหนักขึ้น

จึงไปหาแพทย์โรงพยาบาลที่สามปรากฎว่าปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง ตนจึงสงสัยว่ามันอาจจะเกี่ยวกับปัญหาฝุ่นละอองตอนนี้

การรักษานั้นต้องรักษาด้วยการฉีดยาฆ่าเชื้อ 3 วัน วันละ 1 เข็ม จากนั้นอาการก็เริ่มดีขึ้น ไม่มีอาการไอ อาเจียน แต่ยังคงเหนื่อยและหอบอยู่

ล่าสุดวันนี้ตนเพิ่งไปพบแพทย์ซึ่งระบุว่า ตนเป็นโรคหลอดลมโป่งพอง อักเสบ เกิดจากเชื้อโรคในอากาศที่ทำให้เส้นเลือดในปอดอักเสบ จนกระทั่งเกิดช่องว่างขึ้นในปอด ส่วนตัวมองว่าเป็นโรคที่อันตรายมาก

ซึ่งแพทย์ไม่ได้ระบุกับตนชัดเจนว่าสาเหตุที่เกิดโรคนี้มาจากการสูดดมฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 แต่ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุ เพราะตนไม่มีโรคประจำตัว ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่ตนนั้นทำงานย่านพระราม 9 จึงต้องขับรถผ่านย่านคลองเตย พระราม 3 ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง โดยที่ตนไม่เคยสวมหนากากอนามัย เพราะไม่คิดว่าฝุ่นพวกนี้จะทำอันตรายต่อร่างกายตนได้

ด้าน นพ.สมิทธิ สุขทรัพย์ศรี แพทย์เวชปฏิบัติ ประจำห้องฉุกเฉิน รพ.บางมด ยืนยันว่า

หากสูดดมฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าไปเพียงไม่กี่วัน มันจะส่งผลให้มีอาการไอ อาเจียนเป็นเลือดได้ ส่วนตัวมองว่า การสูดดมฝุ่นละอองในความเข้มข้นระดับที่เป็นอยู่ในกรุงเทพฯขณะนี้ หากผู้ที่มีภาวะโรคเดิมที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเดินหายใจ มันยิ่งไปกระตุ้นทำให้โรคกำเริบได้ โดยเฉพาะผู้มีภาวะโรคปอดอักเสบ โรคมะเร็งปอด หรือวัณโรค รวมทั้งผู้มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคประจำตัว หอบหืด เมื่อสูดอากาศที่มีฝุ่นเข้มข้นเข้าไปโรคเหล่านี้จะยิ่งแย่กว่าเดิม

นอกจากนั้นนพ.สมิทธิ ยังเตือนอีกว่า ในกลุ่มบุคคลทั่วไปอาจจะไม่ทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ แต่ถ้าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีโรคต่างๆดังที่กล่าวมานั้น หากรักษาไม่ทัน อาจส่งผลให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ และวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุด คือการใส่หน้ากากอนามัยนั่นเอง