วันนี้ (31 ก.ค.) ที่วัดดงตาล ต.บางพลับ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีพิธีบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมศพ นายประยุทธ ฉันทดิลก หรือยู้ อายุ 71 ปี ที่ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคไตวายโดยเฉียบพลัน แต่ที่แปลกแตกต่างจากพิธีสวดพระอภิธรรมงานศพทั่วไป ซึ่งมีวงคนตรีแบบคาราโอเกะบรรเลงเพลงลูกกรุงแนวเพลงวงสุนทราภรณ์ หน้าที่ตั้งศพในศาลาเมรุ ชาวบ้าน และชมรมเพลงต่างๆ แห่ขอร่วมร้องเพลง เพื่อแสดงความไว้อาลัย และเสียใจเป็นครั้งสุดท้าย
จากการสอบถาม นายพิริยะ ฉันทดิลก อายุ 45 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ลูกชายคนโตของนายประยุทธเปิดเผยว่า พ่อของตนป่วยเป็นโรคไตวายโดยฉับพลัน เสียชีวิตมาตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งของวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ก่อนเสียชีวิต 1 สัปดาห์ พ่อได้สั่งเสียไว้ว่า ถ้าตายไปให้นำซีดีเพลงของ นายประยุทธ ที่ได้ร้องเพลงอัดแผ่นไว้ในแนวเพลงวงสุนทราภรณ์ และทูล ทองใจ นักร้องคนโปรด มาเปิดในงานสวดพระอภิธรรมศพ และแจกไว้เป็นที่ระลึกให้แบผู้ที่มาร่วมงาน ตนได้ปรึกษากับบรรดาพี่น้อง และญาติๆว่าควรจัดงานศพให้ตามคำสั่งเสีย จึงจัดวงดนตรีมาเล่นเพลงของวงสุนทราภรณ์ และทูล ทองใจ แสดงในงานศพ เพื่อเป็นความสุขของพ่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี บทเพลง และมีเสียงเพลงอยู่ในดวงใจ ในฐานะผู้ก่อตั้งวงดนตรี "บางลี่บอย" และชมรมอนุรักษ์สองพี่น้อง ซึ่งเป็นชมรมที่อนุรักษ์บทเพลงเก่าๆ เช่น สุนทราภรณ์ ทูล ทองใจ สมยศ ทัศนะพันธ์ ชรินทร์ นันทนาคร สุเทพ วงศ์กำแหง ฯลฯ. ส่วนร่างอันไร้วิญญาณของพ่อ ได้อุทิศไว้เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ รพ.ศิริราช กทม.
พระอธิการสุจิน กุสลจิตโต เจ้าอาวาสวัดดงตาล กล่าวว่า อาตมากับผู้ตายรู้จักกันมานาน ผู้ตายเป็นคนที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ รักความสนุกสนาน ก่อตั้งวงดนตรี และชมรมอนุรักษ์สองพี่น้อง เมื่อผู้ตายเสียชีวิตลงทางญาติก็มาปรึกษากับอาตมาว่าจะจัดงานศพ โดยมีดนตรีการแสดง เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งอาตมาก็เห็นว่าไม่ได้ผิดอะไร เพราะเป็นความปรารถนาของญาติ และเป็นความชอบของผู้ตาย
นายอาษา แสงจินดา อายุ 55 ปี เจ้าของวงดนตรี "เหมี่ยว-ต้อย มิวสิค" ที่เดินทางมาเล่นในงานศพ กล่าวว่า ไม่เคยรับงานลักษณะนี้มาก่อน ตอนที่เจ้าภาพมาว่าจ้างก็ยังกล้าๆกลัวๆ แต่เมื่อทางเจ้าภาพแจ้งว่าเป็นวัตถุประสงค์ของคนตายถึงยอมรับงาน