สะพรึง!!หนุ่มกดเงินตู้เอทีเอ็มได้ตะเกียบแทน
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. พ.ต.ท.สุทธิชน ธงชัยภูมิ สารวัตรเวร สภ.บางปูสมุทรปราการ รับแจ้งมีคนมากดเงินที่ตู้บริการเงินด่วนของธนาคารไทยพาณิชย์
ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบริษัท ชิน อี เมลทัล จำกัด ภายในเขตส่งออกนิคมอุตสาหกรรมบางปูซอย E6 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ แต่เงินไม่ยอมออกมาแต่กลับมีไม้ตะเกียบออกมาแทน จึงไปตรวจสอบพบนายไพรัตน์ สุขแก้ว อายุ 38 ปี ผู้เสียหายยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าตู้ดังกล่าว เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับขี่รถ จยย. มาส่งแฟนทำงานกะดึกที่บริษัท เดวต้า 5 เขตส่งออก และวันนี้เป็นวันเงินเดือนของแฟน จึงได้ไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มจำนวน 17,000 บาท เพื่อจะนำไปจ่ายค่างวดรถในวันพรุ่งนี้ ตนจึงมากดเงินตู้ดังกล่าว ซึ่งระหว่างกดเงินตามขั้นตอนจนจบ ได้เอื้อมมือมารอหยิบเงินที่ช่องจ่ายเงินที่อยู่หน้าตู้ ปรากฎว่ากลับมีไม้ตะเกียวยาวประมาณ 7 นิ้วออกมาแทน ส่วนเงิน 17,000 บาทของตนที่กดออกมากลับถูกดูดคืนกลับเข้าตู้ไปเหมือนเดิม ตนพยายามใช้มืองัดช่องจ่ายเงินเพื่อที่จะดูว่าเงินคาอยู่ที่ช่องหรือไม่ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ รปภ.ของบริษัทดังกล่าวได้เดินออกมาดูและบอกว่าเดี๋ยวสัญญาณเตือนภัยจะดัง พร้อมทั้งแนะนำให้ตนไปแจ้งความที่โรงพัก
นายไพรัตน์ เล่าต่อว่า ด้วยความสงสัยตนเองจึงกดเช็คยอดเงินพบว่ายอดเงินได้หายไป 17,000 บาทตามที่ตนกดเอาไว้เหลือยอดเงินเพียง 15 บาทเท่านั้น
ห่างกันประมาณ 6-7 นาทีในระหว่างที่เตรียมตัวจะไปแจ้งความที่โรงพัก ได้มีพนักงานของบริษัทซ่อมตู้เอทีเอ็มเป็นชาย 3 คนเดินทางมาซ่อมตู้เอทีเอ็มตู้ดังกล่าว โดยอ้างว่าจะมาเปลี่ยนสายพานในตู้เอทีเอ็ม ตนจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแต่พนักงานทั้ง 3 ได้บอกว่าให้ตนไปแจ้งความและนำใบแจ้งความไปติดต่อที่ธนาคารในช่วงเช้า แต่ระหว่างนั้นตนได้สังเกตเห็นพนักงานที่เข้าไปเปิดตู้เซฟด้านหลังมีธนบัตรใบละพันกว่า10 กว่าใบตกอยู่นอกกล่องบรรจุเงิน แต่ตนก็ไม่กล้าถามจึงเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจจะมีคนจงใจที่จะเอาไม้ตะเกียบไปแหย่ขวางช่องจ่ายเงินของตู้เอทีเอ็มดังกล่าวเอาไว้เมื่อมีคนมากดเงิน
ซึ่งเงินที่กดออกมาจะชนอยู่กับไม่เสียบลูกชิ้นทำให้เงินไม่ไหลออกมา หลังผู้เสียหายออกจากตู้ไปคนร้ายก็จะย้อนกลับมาทำทีกดเงินและดึงเอาไม้เสียบลูกชิ้นออกเอาเงินของผู้เสียหายไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป