พระอาจารย์ เผย “พ่อแรม วรธรรม” มาบอกลา รู้วันตายตัวเอง

ล่าสุด ครอบครัวของพ่อแรม รวมถึงนักแสดงรุ่นใหญ่ โดยมีนีโน่ เมทนี บุรณศิริ ในฐานะคนสนิทของครอบครัว เดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของพ่อแรมที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ก่อนเคลื่อนย้ายร่างออกจากโรงพยาบาล เพื่อนำร่างของพ่อแรมมาตั้งยังศาลา 1 วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจ็ดยอด) ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประกอบพิธีทางศาสนาเป็นวันแรก

นางอรพิน กุญชร ณ อยุธยา หรือ แม่ปุ๊ อายุ 83 ปี ภรรยาของพ่อแรม กล่าวว่า ตนอยู่กับพ่อแรมมาเกือบ 60 ปี ตอนนี้กำลังใจดีขึ้น เพราะได้เจอญาติ ๆ หลายคน แต่ถ้าอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ก็มีเศร้าบ้าง แต่ปกติแม่ก็ไม่ค่อยจะได้คุยกับพ่ออยู่แล้ว เพราะพ่อเป็นคนไม่ค่อยพูด ซึ่งตนก็ทำใจไว้นานแล้ว คิดว่าตัวเองจะไปก่อนพ่อด้วยซ้ำ เพราะตนมีโรคประจำตัวคือความดันกับเส้นเลือดในสมองตีบ แต่พ่อแรมก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ หลังจากนี้ ถ้าต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นจริง ๆ ก็คงต้องคิดเรื่องขายบ้าน เพราะไม่มีใครดูแล

ตนเหงามานานแล้ว ตั้งแต่เสียลูกชาย "โอ วรุฒ" ไป ทั้งเหงาทั้งหว้าเหว่ แต่ก็ต้องสู้ ทุกครั้งที่คิดถึงโอก็จะมีกำลังใจ เลยไม่อยากจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่า ลูกชายไม่เคยมาเข้าฝันเลย

พระวินยาธิการ เฉลย อินทะปัญโญ หรือ พระอาจารย์เฉลย วัดป่าหว้าน เล่าว่า พระอาจารย์รู้จักกับพ่อแรมจากผลงานการแสดงมานาน พูดคุยกันในช่วงที่ "โอ วรุฒ" เสียชีวิต และได้คุยกันบ่อยขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

วันที่ 7 ธ.ค. วันที่พ่อแรมเกิดอาการหัวใจวาย พ่อแรมเดินทางมารับพระอาจารย์ตั้งแต่ 7.00 น. เมื่อพระอาจารย์เดินมาถึงทางออกสนามบิน พ่อแรมที่นั่งอยู่บนทางเท้าก็ลุกขึ้น จากนั้นพ่อแรมก็ล้มลง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นพระอาจารย์ก็พาพ่อแรมขึ้นรถกลับบ้าน ขณะนั้นพ่อแรมบ่นว่าเจ็บหน้าอกมาก ครอบครัวจึงนำตัวพ่อแรมส่งโรงพยาบาล ช่วงที่พระอาจารย์จะกลับ จึงบอกว่า "จะกลับแล้วนะ พ่อหายนะ" แต่พ่อแรมบอกว่า "ผมเป็นคราวนี้ พระอาจารย์มาหาผมครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้ายด้วย" พระอาจารย์ก็แย้งว่าทำไมพ่อพูดอย่างนั้น ซึ่งพ่อแรมก็ตอบกลับว่า "ผมรู้ตัวดี ผมจะไปวันนี้"

ในเวลาประมาณ 20.00 น. คืนนั้น ผู้ดูแลพ่อแรมโทรศัพท์มาบอกว่าพ่อแรมอาการทรุดหนัก ก่อนจะจากไป ทั้งนี้ เป็นเรื่องน่าแปลกที่พ่อแรมรู้ตัวเองว่าจะต้องไป พ่อแรมเป็นคนมีธรรมะในตัว รู้วันเวลาล่วงหน้าของตัวเอง ทั้งที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยสนทนาธรรมกัน

ด้าน นีโน่ เมทนี บุรณศิริ คนสนิทของครอบครัววรธรรม เปิดเผยว่า ตนไม่นึกไม่ฝันว่าคุณพ่อแรมจะจากไปเร็ว วันเกิดเหตุที่คุณพ่อแรมล้มหัวใจวาย วันนั้นพ่อแรมได้เดินทางไปรับพระอาจารย์ที่มีความสนิทสนมกัน ที่บินมาจากจังหวัดนครพนม โดยพระอาจารย์จะเรียกพ่อแรมว่าโยมพ่อ และมักจะคอยฝากปัจจัยไว้ให้พ่อแรมใช้ วันนั้นพ่อแรมบอกกับพระอาจารย์ว่า "ไม่สู้แล้ว จะไปแล้ว" แล้วพ่อแรมก็จากไปจริง ๆ

หลังจากนี้ คุณแม่คงต้องอยู่คนเดียว แต่ทางหลาน ๆ กำลังคุยกันว่าจะให้คุณแม่ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีใครดูแลที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนร้านกาแฟ "บ้านวรุฒ" คุณแม่คงจะตัดสินใจขายหรือไม่ ก็ต้องคุยกับญาติ ๆ อีกครั้ง นอกจากนี้ เงินที่เพื่อน ๆ รวบรวมไว้ให้พ่อแรมกับแม่อรพินตั้งแต่ครั้งงานศพของโอ วรุฒ ก็ยังเหลืออยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ก็เก็บไว้ให้คุณแม่ใช้จ่าย

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่คล้ายเป็นลางบอกเหตุของพ่อแรม คือ ในคืนวันที่ 7 ธ.ค. ตนนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนในบ้าน เห็นฝาถังน้ำแข็งอลูมิเนียม ซึ่งหนักมาก เหมือนมีคนยกฝาขึ้นแล้วปิด เพื่อน ๆ ทุกคนก็หันมามองหน้ากัน พูดว่า "โอ วรุฒ คงมาเล่นอะไร" ซึ่งในวันนั้นตนยังไม่ทราบว่าพ่อแรมล้มที่สนามบิน ตนมารู้เรื่องตอนวันที่พ่อแรมถูกปั๊มหัวใจ