ซึ่งลำไยก็บอกว่า "ภูมิใจมากค่ะ เพราะว่าหนูไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่คิดว่าจะมีเพลง แล้วจะมีคนหน้าเวทีจะให้ความสนใจมากขนาดนี้ค่ะ"
ล้วงลึกชีวิต ‘ลำไย’ แบกเงินสดๆ 10 ล้าน ซื้อบ้านหรู ถอยบีเอ็มป้ายแดง ทั้งที่ขับไม่เป็น?
"ใช่ค่ะ คือคุณแม่ชอบด้วย คือทุกคนจะมีความใฝ่ฝันค่ะ หนูก็อยากจะมีบ้านมีรถหรู อยากจะให้แม่มีเหมือนกัน ก็เขาอยากได้ เขาชอบแบบนี้ เขาบอกว่าสวย แต่คุณแม่กับหนูขับรถไม่เป็นนะคะ แต่คือซื้อมาก่อน แล้วค่อยไปหัดขับแล้วกัน รถซื้อเงินสด 4.3 ล้าน ให้แม่แบกเงินไปซื้อ เป็นชื่อแม่ ซึ่งบ้านก็ซื้อเงินสดค่ะ 4.8 ล้าน"
ทำงานทุกวัน ยอมเหนื่อยเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข
"ใช่ค่ะ เราต้องดูแลแม่ ตากับยาย แล้วก็พ่อด้วย แม่มาอยู่กับหนูที่กรุงเทพ ส่วนตากับยายอยู่ที่ต่างจังหวัด ตอนนี้ก็ให้พ่อดูแลตากับยาย เราก็จะให้เงินตากับยายทิ้งไว้ทีละหมื่นสองหมื่น ส่วนถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมเขาก็จะบอกเราเอง แต่ว่าพอเขาได้ไปเขาก็ไม่ใช้อะไร เก็บไว้เหมือนเดิม แล้วก็เอามาให้เราฝากธนาคารให้ ส่วนคุณแม่จะเป็นคนเก็บตังค์ให้หนู เพราะหนูเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ เลยพยายามซื้อเป็นของ อย่างบ้านกับรถ"
คนอาจจะดราม่ามองว่าเราใช้เงินเกินตัว
"น่าจะมีอยู่แล้วค่ะ หนูคิดว่านะ แต่อะไรที่เราทำแล้ว ครอบครัวเรามีความสุข ดีกว่าเราทำให้คนนอกมีความสุข แล้วครอบครัวเราไม่มีความสุข มันก็ยังไงอยู่ เราก็เอาครอบครัวเรา พ่อแม่เราให้มีความสุข ให้แฮปปี้ดีกว่า"
"มีคนพูดค่ะ บางทีเราทำงาน เราอาจจะไม่ได้ไปเทคแคร์คนใกล้ตัวหรือคนสนิทมากเท่าที่ควร ด้วยความที่เราทั้งหาเวลาพักผ่อนด้วย ทำงานหนักด้วย แต่หนูก็ไม่ได้ยินที่เขาพูดหรอก แต่เขาน่าจะคิดกัน อย่างคนที่เคยสนิท เพราะช่วงนี้เรามาทำงาน เราก็ทุ่มตัวเองให้กับงาน ให้กับครอบครัวด้วย ไม่ได้ไปเจอเค้าเท่าไหร่"
ช่วงชีวิตที่ลำบากที่สุด
"ตอนนั้นช่วงนั้นก็มีท้อแท้ เพราะเราก็ลำบาก แต่เราก็สู้ชีวิต ตอนนั้นยายมาขายของคนเดียว เรียกว่ายายเป็นเสาหลักของครอบครัวเลย ส่วนตาอยู่ต่างจังหวัด แม่ก็มาช่วยยาย หนูมาเรียนในกรุงเทพ แม่ไม่ได้ทำงานมาช่วยยาย หนูก็มาช่วยยาย ยายหาตังค์คนเดียวมาส่งหนูเรียน พอตอน ป.4 หนูก็ไปร้องเพลง ได้ค่าแรงวันละร้อยกว่าบาท ทุกวันนี้ครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้มีทุกวันนี้ เพราะหนูอยากให้ครอบครัวมีความสุข อยากให้เรามีเหมือนบ้านอื่นค่ะ ก็ต้องขยันเพื่อให้เรามีจุดนี้"
ด้วยความที่เราแต่งโป๊ และท่าเต้นเกินงาม เคยโดนลวมลามบ้างมั้ย
"ไม่มีค่ะ เขาไม่น่าจะลวนลามเราได้ เพราะเราอยู่บนเวทีสูง และเค้าอยู่ด้านล่าง แค่จับมือเราได้ค่ะ"
"ใช่ค่ะ อยากกลับไปเรียนนาฏศิลป์ เพราะว่าตอนก่อนหน้านี้หนูไม่ได้วางแผนชีวิตว่าจะเป็นนักร้องอาชีพ ตอนนั้นเราคิดไว้ว่าอยากจะเป็นครูสอนนาฏศิลป์ค่ะ คือหนูเรียนจบ ม.5 ค่ะ แต่ไม่ได้เรียนต่อ แล้วตอนนั้นหนูโดนกระแสพอดี หนูเองก็ไม่สบายใจและไม่อยากให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงด้วยค่ะ"
งานเยอะจนเกิดปัญหาสุขภาพเรื่องเสียง
"ตอนนั้นใหม่ๆ หนูยอมรับว่าใช้เสียงไม่เป็น แล้วตอนที่เราร้องเพลงหนูก็ใช้การตะโกนจนเสียงแหบ แต่หนูไม่รู้ว่าเพราะอะไร คิดว่ามันแหบเดี๋ยวก็หาย จากนั้นมาก็เริ่มเสียงหาย ไปหาหมอ หมอบอกว่าเส้นเสียงบวมค่ะ ทุกวันนี้ก็ไม่หายเป็นปกติค่ะ แต่ว่าไม่แย่ รักษาไปเรื่อยๆ แต่หมอบอกว่าถ้าใช้เสียงหนักมากมันจะขึ้นมาอีก"
ตอนนั้นร้องเพลงไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย
"ใช่ค่ะ คือเราตั้งใจจะร้องเพลงให้ทุกคนดู แล้วคนมารอดูเราเยอะมาก แต่เราไม่มีเสียงเลย วันนั้นน้องอาร์มที่แต่งเพลงผู้สาวขาเลาะให้หนูก็ไปช่วยร้องเพลง คนดูเขาก็เข้าใจค่ะ"
"ใช่ค่ะ ตอนนั้นยังใหม่ๆ เราดีใจที่มีงาน เขาจ้างงานเราเยอะมาก แล้วทีมงานก็ชลมุนวุ่นวาย ยังจัดคิวไม่เป็น ก็รับๆงาน มีคนรับงานสองคน มันเลยชนกัน กลายเป็นรับงานวันเดียวกัน เป็นคิวซ้อน เราก็ไปค่ะ พยายามไปให้ครบ ก็มีอาจจะไปช้าบ้าง บางที่อาจจะไปแววใกล้หมดเวลาแล้ว บางที่เหลือเวลาครึ่งชั่วโมง เราก็พยายามอัดๆเพลงให้เต็มที่ แต่ไม่ทัน เราก็ขอโทษเขา มาตอนนี้ลงตัวทุกอย่างแล้วค่ะ"