“แนท เกศริน” เปิดใจ! รับสนิทมากกว่าแค่รู้จักกับ “โอ๊ค พานทองแท้” (คลิป)
หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด คลิปดารา คลิปบันเทิงวาไรตี้ “แนท เกศริน” เปิดใจ! รับสนิทมากกว่าแค่รู้จักกับ “โอ๊ค พานทองแท้” (คลิป)
ยังคงเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นคือ "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ประกาศหาคู่ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา โดยมีแคปชั่น ว่า
"ประหยัดปนเหงามาหลายปี ปีนี้มีใครว่างให้ผมเลี้ยงข้าวบ้างครับ ขอคนเข้าใจคนไม่ค่อยมีเวลา ชอบฟังการเมือง อุดมการณ์คล้ายๆกัน นี่มาถึงจุดหาแฟนบนโลก social แล้วหรือ จะ 40 แล้ว เร่งได้เร่ง เหตุเกิดเพราะวาเลนไทน์"
จากนั้นอีก 4 วันต่อมา "โอ๊ค" ได้โพสต์รูปพร้อมแคปชั่นในไอจีว่า "เป็นคนหวานๆ" โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ได้มีนักแสดงสาวที่รู้จักกันในนาม "น้องแนท" เกศริน ได้เข้าไปคอมเมนต์ ในไอจีใต้ภาพนั้นว่า "ไม่ชวนเลย" และด้าน "โอ๊ค" ก็ตอบกลับไปว่า "มาม่ะ" ส่วน แนท ก็ได้คอมเมนต์ต่อว่า "อยู่ไหนอะ ไลน์ส่วนตัว" ทำให้หลายคนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าทั้งคู่ กำลังคบหาดูใจกันอยู่หรือไม่อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ หนุ่มโอ๊ค เพิ่งประกาศหาคู่ไปไม่นาน
ทำให้นักข่าวหลายสำนักพยายามจะติดต่อขอสัมภาษณ์ทั้ง 2 คน แต่ก็ยังไม่มีใครสะดวกจะให้สัมภาษณ์ จนกระทั่งล่าสุด แนท ได้ตั้งสเตตัสชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยใจความสำคัญ คือยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรกับฝ่ายชาย มากไปกว่าคนรู้จักที่สนิทกันมานานกว่า 10 ปี
โดย สาวแนท กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่ว่าหากรู้จักกันแล้วจะต้องมีอะไรกันเสมอไป โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
" ขณะที่บางคอมเมนต์ที่คิดว่าแนทรู้จักกับใครแล้ว จะต้องมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยถึงขั้นลึกซึ้งนั้น ก็บอกเลยนะคะว่ามนุษย์เราไม่ได้มีอวัยวะเพศไว้สืบพันธุ์อย่างเดียว เหมือนที่เดรัจฉานเขาทำกันโดยเ-าไม่เลือก แล้วการที่แนทจะต้องเอาตัวหรือต้องเสียตัวให้ใครสักคน เพื่อทำให้ตัวเองได้มาอยู่ในสังคมอีกระดับ แนทก็คงไม่ทำ เพราะทุกวันนี้ ต่อให้ไม่ทำก็มีคนมากมายเข้ามาพูดคุยด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่เคยสานสัมพันธ์ต่อไปในทางลึกซึ้งเหมือนคนบางคนคิด" นี่คือบางช่วงบางตอนในข้อความที่เธอโพสต์
"ประหยัดปนเหงามาหลายปี ปีนี้มีใครว่างให้ผมเลี้ยงข้าวบ้างครับ ขอคนเข้าใจคนไม่ค่อยมีเวลา ชอบฟังการเมือง อุดมการณ์คล้ายๆกัน นี่มาถึงจุดหาแฟนบนโลก social แล้วหรือ จะ 40 แล้ว เร่งได้เร่ง เหตุเกิดเพราะวาเลนไทน์"
จากนั้นอีก 4 วันต่อมา "โอ๊ค" ได้โพสต์รูปพร้อมแคปชั่นในไอจีว่า "เป็นคนหวานๆ" โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ได้มีนักแสดงสาวที่รู้จักกันในนาม "น้องแนท" เกศริน ได้เข้าไปคอมเมนต์ ในไอจีใต้ภาพนั้นว่า "ไม่ชวนเลย" และด้าน "โอ๊ค" ก็ตอบกลับไปว่า "มาม่ะ" ส่วน แนท ก็ได้คอมเมนต์ต่อว่า "อยู่ไหนอะ ไลน์ส่วนตัว" ทำให้หลายคนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าทั้งคู่ กำลังคบหาดูใจกันอยู่หรือไม่อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ หนุ่มโอ๊ค เพิ่งประกาศหาคู่ไปไม่นาน
ทำให้นักข่าวหลายสำนักพยายามจะติดต่อขอสัมภาษณ์ทั้ง 2 คน แต่ก็ยังไม่มีใครสะดวกจะให้สัมภาษณ์ จนกระทั่งล่าสุด แนท ได้ตั้งสเตตัสชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยใจความสำคัญ คือยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรกับฝ่ายชาย มากไปกว่าคนรู้จักที่สนิทกันมานานกว่า 10 ปี
โดย สาวแนท กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่ว่าหากรู้จักกันแล้วจะต้องมีอะไรกันเสมอไป โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
" ขณะที่บางคอมเมนต์ที่คิดว่าแนทรู้จักกับใครแล้ว จะต้องมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยถึงขั้นลึกซึ้งนั้น ก็บอกเลยนะคะว่ามนุษย์เราไม่ได้มีอวัยวะเพศไว้สืบพันธุ์อย่างเดียว เหมือนที่เดรัจฉานเขาทำกันโดยเ-าไม่เลือก แล้วการที่แนทจะต้องเอาตัวหรือต้องเสียตัวให้ใครสักคน เพื่อทำให้ตัวเองได้มาอยู่ในสังคมอีกระดับ แนทก็คงไม่ทำ เพราะทุกวันนี้ ต่อให้ไม่ทำก็มีคนมากมายเข้ามาพูดคุยด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่เคยสานสัมพันธ์ต่อไปในทางลึกซึ้งเหมือนคนบางคนคิด" นี่คือบางช่วงบางตอนในข้อความที่เธอโพสต์
ล่าสุด แนท เกศริน ยอมใจอ่อนให้ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ไปสัมภาษณ์และเปิดใจเธอเป็นที่แรก ถึงข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอก็ตอบในส่วนของฝ่ายชายได้ไม่มากนัก เนื่องจากได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดอะไรถึงอีกฝ่าย
"พี่ขอไม่ตอบประเด็นนี้ได้ไหม เพราะพี่คุยกับพี่เขาแล้ว เราสองคนมีความเห็นว่า เราไม่อยากให้ข่าวที่เราสองคนไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมกัน แล้วอันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพี่กับเขา เลยขอที่จะไม่คุยดีกว่า แต่จริงๆเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่พี่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบว่าพี่รู้จักกัน"
พอเกิดข่าวเราก็เลยคุยกับฝ่ายชายเลยหรือ?
"จริงๆคุยกันมาตลอด แล้วพอมีปัญหาแบบนี้เราก็รู้สึกสงสารพี่เขา เขาก็มีปัญหาของเขามีข่าวของเขาอีกมากมายที่ยังไม่ได้เคลียร์ แล้วเราก็ไม่อยากเอาปัญหานี้ไปเพิ่มให้เขา การที่เรารู้จักกันมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะพี่เขาก็รู้จักใครตั้งหลายคน เราก็รู้จักต่อๆกันผ่านจากเพื่อนๆมากมาย" การพูดคุยในไอจีดูเราสนิทสนมกันมาก "จริงๆมันสนิทอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติของคนสนิทกันเค้าคุยกัน"หลังจากเกิดข่าวนี้ได้มีการคุยกันไหมว่าจะคุยกันให้เบาลงหรือคุยกันส่วนตัวดีกว่า?
"คืออย่างที่พี่เขาบอก เขาไม่อยากให้เอาคอมเมนต์ไปเป็นบันไดในการเขียนข่าว ต่อไปเราก็คุยกันปกติดีกว่า พี่ก็ยังติดตามเขาอยู่ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปคอมเม้นต์ในส่วนที่จะทำให้เป็นปัญหากับเขา หรือกับการใช้ชีวิตของเขา"
ด้านความสัมพันธ์เราเป็นแค่พี่น้องหรือมากกว่านั้น?
"สำหรับพี่เราคุยกันมาตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์มันไม่ได้ชัดเจนว่าจะเป็นแฟนหรือเป็นอะไร คือคุยเหมือนคนที่รู้จักกันคุยกันมากกว่า ส่วนที่ว่าเขาจะคิดมากกว่าพี่น้องหรือไม่คิดต้องไปถามเขาเองอันนี้พี่ไม่รู้จริงๆ"
วิธีการคุยเป็นไปในเชิงชู้สาวไหม? "ก็คุยกันปกติ เพียงแต่ว่าของเรามันสนิทมากไปกว่าคำว่าเพิ่งรู้จักกัน"
เราโกรธหรือเปล่าถึงตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กยาวขนาดนั้น?
"คือหลังจากที่พี่ไปคุยกับเขา พี่ก็สงสารเขา เขาก็สงสารเรา เขาเป็นคนที่ให้เกียรติผู้หญิง แล้วมันก็เหมือนมีข่าวบางสำนัก ที่ใช้คำพูดกับเราไม่ดี เหมือนเอาเราไปอยู่อีกชั้นหนึ่งแล้วก็ยกระดับข่าวของตัวเองให้มันสูงขึ้น เค้าก็รู้สึกไม่พอใจ ถ้าจะมาสัมภาษณ์เขาหรือมาสัมภาษณ์เราแล้วใช้คำพูดไม่ดีก็ยังไม่มีใครอยากจะให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น พี่ก็เลยเอาคำพูดนี้มาพูดให้ฟัง อย่างที่บอกว่าพี่ไม่ได้ต้องการจะอัพเกรดตัวเองขึ้นมา เราเข้าใจว่าเรามาจากตรงไหน แต่มันควรจะเป็นคำพูดที่ดีกว่านี้ไหมในการที่จะเสนอข่าวหรือเขียนข่าว"
จะฟ้องสำนักข่าวนี้ไหม?
"ไม่นะ พี่ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหาเรื่องใคร แต่เราเขียนเตือน คือคนเราอ่านก็ต้องเข้าใจว่าต้องรู้สึกได้ แต่ถ้าเกิดว่าเค้าไม่มีจิตสำนึกแล้วยังทำอีก พี่ว่าก็เกินจะเยียวยาแล้วล่ะค่ะ พี่ก็ต้องปล่อยผ่าน ถ้าพี่ฟ้องอีกมันก็จะต้องมีอีกเรื่อยๆ เรื่องมันไม่จบง่ายๆ พี่ไม่เอาเวลาไปเสียกับตรงนั้นหรอกค่ะ ต่อให้พี่ฟ้องไปสื่อนี้เค้าก็ยังไปเขียนข่าวคนอื่นอีก เพราะตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาถูกฟ้องเยอะมาก แล้วเรื่องมันก็ยังไม่ไปไหน พี่คิดว่าสื่อดีๆที่ให้เกียรติพี่มีเยอะมาก กับแค่บางสื่อพี่ปล่อยผ่านดีกว่า"
แบบนี้มีคอมเมนต์แรงๆเข้ามาไหม?
เพราะมีบางประโยคที่เราโพสต์ลงเฟซบุ๊กแบบแรงมาก "มันก็จะมีบางคนที่คอมเมนต์เข้ามาว่า รู้จักกันแล้ว ได้กันแล้วมั้ง พี่จะบอกว่าการที่พี่รู้จักใคร ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีอะไรกัน เราไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ถ้าพี่จะเป็นผู้หญิงแบบนั้น พี่คงได้ระดับแบบใหญ่โตมโหฬาร เพราะพี่รู้จักคนเหล่านี้เยอะมาก แล้วทุกครั้งพี่ก็ปฏิเสธตลอด แล้วถ้าสมมติว่าพี่จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร พี่คงต้องเลือก"อยากจะบอกอะไรถึงคนที่เข้าใจเราผิดไหม?
"ไม่รู้จะบอกอะไรค่ะ บอกไปหมดแล้ว ไม่คิดที่จะบอกอะไรแล้วแล้วแต่ใครจะคิดเลยแล้วกัน เอาเป็นว่าทุกวันนี้สบายใจแล้ว"
"พี่ขอไม่ตอบประเด็นนี้ได้ไหม เพราะพี่คุยกับพี่เขาแล้ว เราสองคนมีความเห็นว่า เราไม่อยากให้ข่าวที่เราสองคนไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมกัน แล้วอันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพี่กับเขา เลยขอที่จะไม่คุยดีกว่า แต่จริงๆเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่พี่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบว่าพี่รู้จักกัน"
พอเกิดข่าวเราก็เลยคุยกับฝ่ายชายเลยหรือ?
"จริงๆคุยกันมาตลอด แล้วพอมีปัญหาแบบนี้เราก็รู้สึกสงสารพี่เขา เขาก็มีปัญหาของเขามีข่าวของเขาอีกมากมายที่ยังไม่ได้เคลียร์ แล้วเราก็ไม่อยากเอาปัญหานี้ไปเพิ่มให้เขา การที่เรารู้จักกันมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะพี่เขาก็รู้จักใครตั้งหลายคน เราก็รู้จักต่อๆกันผ่านจากเพื่อนๆมากมาย" การพูดคุยในไอจีดูเราสนิทสนมกันมาก "จริงๆมันสนิทอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติของคนสนิทกันเค้าคุยกัน"หลังจากเกิดข่าวนี้ได้มีการคุยกันไหมว่าจะคุยกันให้เบาลงหรือคุยกันส่วนตัวดีกว่า?
"คืออย่างที่พี่เขาบอก เขาไม่อยากให้เอาคอมเมนต์ไปเป็นบันไดในการเขียนข่าว ต่อไปเราก็คุยกันปกติดีกว่า พี่ก็ยังติดตามเขาอยู่ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปคอมเม้นต์ในส่วนที่จะทำให้เป็นปัญหากับเขา หรือกับการใช้ชีวิตของเขา"
ด้านความสัมพันธ์เราเป็นแค่พี่น้องหรือมากกว่านั้น?
"สำหรับพี่เราคุยกันมาตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์มันไม่ได้ชัดเจนว่าจะเป็นแฟนหรือเป็นอะไร คือคุยเหมือนคนที่รู้จักกันคุยกันมากกว่า ส่วนที่ว่าเขาจะคิดมากกว่าพี่น้องหรือไม่คิดต้องไปถามเขาเองอันนี้พี่ไม่รู้จริงๆ"
วิธีการคุยเป็นไปในเชิงชู้สาวไหม? "ก็คุยกันปกติ เพียงแต่ว่าของเรามันสนิทมากไปกว่าคำว่าเพิ่งรู้จักกัน"
เราโกรธหรือเปล่าถึงตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กยาวขนาดนั้น?
"คือหลังจากที่พี่ไปคุยกับเขา พี่ก็สงสารเขา เขาก็สงสารเรา เขาเป็นคนที่ให้เกียรติผู้หญิง แล้วมันก็เหมือนมีข่าวบางสำนัก ที่ใช้คำพูดกับเราไม่ดี เหมือนเอาเราไปอยู่อีกชั้นหนึ่งแล้วก็ยกระดับข่าวของตัวเองให้มันสูงขึ้น เค้าก็รู้สึกไม่พอใจ ถ้าจะมาสัมภาษณ์เขาหรือมาสัมภาษณ์เราแล้วใช้คำพูดไม่ดีก็ยังไม่มีใครอยากจะให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น พี่ก็เลยเอาคำพูดนี้มาพูดให้ฟัง อย่างที่บอกว่าพี่ไม่ได้ต้องการจะอัพเกรดตัวเองขึ้นมา เราเข้าใจว่าเรามาจากตรงไหน แต่มันควรจะเป็นคำพูดที่ดีกว่านี้ไหมในการที่จะเสนอข่าวหรือเขียนข่าว"
จะฟ้องสำนักข่าวนี้ไหม?
"ไม่นะ พี่ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหาเรื่องใคร แต่เราเขียนเตือน คือคนเราอ่านก็ต้องเข้าใจว่าต้องรู้สึกได้ แต่ถ้าเกิดว่าเค้าไม่มีจิตสำนึกแล้วยังทำอีก พี่ว่าก็เกินจะเยียวยาแล้วล่ะค่ะ พี่ก็ต้องปล่อยผ่าน ถ้าพี่ฟ้องอีกมันก็จะต้องมีอีกเรื่อยๆ เรื่องมันไม่จบง่ายๆ พี่ไม่เอาเวลาไปเสียกับตรงนั้นหรอกค่ะ ต่อให้พี่ฟ้องไปสื่อนี้เค้าก็ยังไปเขียนข่าวคนอื่นอีก เพราะตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาถูกฟ้องเยอะมาก แล้วเรื่องมันก็ยังไม่ไปไหน พี่คิดว่าสื่อดีๆที่ให้เกียรติพี่มีเยอะมาก กับแค่บางสื่อพี่ปล่อยผ่านดีกว่า"
แบบนี้มีคอมเมนต์แรงๆเข้ามาไหม?
เพราะมีบางประโยคที่เราโพสต์ลงเฟซบุ๊กแบบแรงมาก "มันก็จะมีบางคนที่คอมเมนต์เข้ามาว่า รู้จักกันแล้ว ได้กันแล้วมั้ง พี่จะบอกว่าการที่พี่รู้จักใคร ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีอะไรกัน เราไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ถ้าพี่จะเป็นผู้หญิงแบบนั้น พี่คงได้ระดับแบบใหญ่โตมโหฬาร เพราะพี่รู้จักคนเหล่านี้เยอะมาก แล้วทุกครั้งพี่ก็ปฏิเสธตลอด แล้วถ้าสมมติว่าพี่จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร พี่คงต้องเลือก"อยากจะบอกอะไรถึงคนที่เข้าใจเราผิดไหม?
"ไม่รู้จะบอกอะไรค่ะ บอกไปหมดแล้ว ไม่คิดที่จะบอกอะไรแล้วแล้วแต่ใครจะคิดเลยแล้วกัน เอาเป็นว่าทุกวันนี้สบายใจแล้ว"
ชมคลิป
VVVVVVVVV
VVVVVV
VVVVVVVVVVV
VVVVVVVV
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Cr::: amarintv.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น