หลายๆ คนบอกว่าเป็นหนุ่มรวยพันล้านซื้อรถสปอร์ตทีละหลายคันจริงหรือเปล่า?
"ไม่จริงครับ คือรูปที่เห็นมันเป็นผลงานของร้านผมครับ เป็นร้านที่ผมทำกับเพื่อน ผมเป็นผู้จัดการร้าน ร้านที่ว่าเป็นร้านแต่งรถซูเปอร์คาร์ ผมเป็นผู้จัดการร้าน ผมต้องดูแลทุกอย่าง การตตรวจรถ การขับรถ เพราะรถพวกนี้มูลค่ามันสูงเป็นหลักหลายสิบล้าน เพราะฉะนั้นต้องมีความรับผิดชอบสูง"
‘หลวงศรียศ’ เผยปม ถูกผจก.ส่วนตัวกักขังหน่วงเหนี่ยว ตอบชัด! เป็นมหาเศรษฐีรวยพันล้าน จริงหรอ?
"ด้วยภาพลักษณ์มั้งครับ เพราะผลงานในโซเชี่ยลผมคือเวลามีลูกค้ามาทำรถผมก็จะถ่ายรูปลงว่าเรามีรุ่นนี้มาแต่งนะ เหมือนเป็นเครดิตเราและก็ให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่ามาแต่งกับเรามีรถแบบนี้ๆมาแต่งกับเรานะ แต่ผมก็ลงชัดเจนนะไม่เคยกำกวมว่าเป็นรถของผมเลย ถ่ายบอกตลอดว่าคันนี้มาทำอะไร เพื่ออัพเดตให้เจ้าของรถรู้ด้วย ส่วนกระแสที่คนบอกว่าเราอวดรวย ผมคิดว่ามีคนรักก็ต้องมีคนชัง ผมรู้ว่าตัวผมทำอะไร ครอบครัวผมรู้ดีว่าผมทำอะไรอยู่ การที่เค้าคิดไม่ดีกับผมผมไม่โกรธนะ เพราะผมไปบังคับความรู้สึกใครไม่ได้"
แล้วประเด็นที่ผู้จัดการส่วนตัวเขากักขังหน่วงเหนี่ยวเราล่ะ เขาเป็นเพศอะไร?
"เขาเป็นเพศที่สามครับ ต้องบอกว่าคนที่สองนี่เขาเป็นเหมือนฝรั่งเลยเรื่องความคิดเขาให้เกียรติผม งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว ผมว่าเขาแค่หวังดีแต่ใช้วิธีผิดมากกว่า จริงๆ คนที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวเป็นเหมือนพ่อแม่ พี่น้อง เราผิดพลาดอะไรก็มาแนะนำ มาไกด์กันใหม่ แต่เขาอาจจะหวีงดีแต่ใช้วิธีที่เข้มเกินไปหรือเปล่า"
เกิดเหตุการณ์อะไรที่เขาจะต้องมากักขังหน่วงเหนี่ยวเรา?
"ผมคิดว่าตอนนั้นมันมีบริษัทที่ดูแลผมอยู่สองบริษัทซ้อน เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในบริษัทนึง เขาก็คงหวังในตัวผมเยอะว่าจะประสบความสำเร็จเร็วๆ นี้ คงจะได้ตังค์หรือผลตอบแทนเร็วๆ นี้ แต่พอสิ่งที่มันออกไปไม่ได้อย่างที่หวัง เขาคงผิดหวัง แต่ฟีดแบ็คเขาทำมันไม่ถูก ถามว่ากักขังยังไง ก็ยึดเงินรายเดือน ให้ไปพักที่บ้านเขา ไม่ให้ทำไรเลย ให้อยู่แต่บ้านจะออกไปก็เฉพาะตอนเรียนแอ็คติ้ง"
"ผมไม่ได้คิดขนาดนั้น ผมคิดว่าผู้ใหญ่อาจจะหวังดีกับเราหรือเปล่าหรือเราอาจจะไม่ดีจริงๆ"
แล้วเขาหวังกินมั้ย?
"เขาไม่เคยครับ ผมพูดตรงๆ ไม่เคยทำแบบนั้นเลย เขาค่อนข้างให้เกียรติผม ถามว่าจุดไหนทำให้เราคิดว่าเราต้องหลุดออกมาจากตรงนี้ ผมทนไม่ได้ครับ คนเป็นแม่เขาร้องไห้ทุกวัน แม่เขาโทรหาเราทุกวันว่าเป็นยังไงบ้าง ผมรู้สึกว่ามันใช่ตัวตนเราหรือเปล่าในวงการ เส้นทางนี้เราพยายามจริง แต่เราไม่รู้ตัวเองหรือเปล่า ก็เลยตัดสินใจว่าต้องบอกแล้วหละ ว่าผมไม่ไหวแล้ว พี่จะตัดสินใจยังใจกับผมยังไงก็แล้วแต่ ผมขออกไปแล้ว ผมขอกลับไปอยู่กับแม่ แล้วก็ให้แม่มาคุย เขาก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่หรอก"
"คงไม่ดีกว่า คงความสัมพันธ์ไว้เป็นคนรู้จักดีกว่า หรือเป็นพี่คนนึงที่นับถือกว่า เป็นเพื่อนร่วมงานกันคงไม่ได้ ตอนนั้นโกรธนะ แต่ตอนนี้ผมอโหสิกรรมให้แล้ว
สมมติ ณ วันนี้เราดังขึ้นมา เขามาแฉเราหลายๆ เรื่องขึ้นมาล่ะ?
"ผมไม่กลัวครับ ผมรู้ว่าเส้นทางที่ผมเดินมาเป็นยังไง เรารู้ตัวเองดีครับ"
แล้วเรื่องภาพหลุด พอเราดังปุ๊ปนานมั้ยกว่าจะมีภาพนี้หลุดออกมา?
"ก็ประมาณ 3 วันครับ ประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ส่วนตัวก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดว่าคนทำก็เก่งนะด้านการตัดต่อ เพราะรูปนั้นมันไม่ใช่ผมอยู่แล้ว ตอนนั้นมีคนรู้จักส่งรูปให้ ผมนึกว่ารูปละคร ผมกดเข้าไปดูมันเป็นรูปพาดหัวข่าวแล้วก็เซ็นเซอร์ประมาณจมูก ปากให้เห็นตรงตา แต่ดูจริงๆ แค่คิ้วก็ไม่ใช่แล้วครับ"
คนก็จะเม้าท์เอาภาพนั้นมาเทียบกับปัจจุบันเพราะเราไปทำศัลยกรรมจมูกมาแล้วหรือเปล่า?
"จริงๆ เขาเอารูปที่ผมถ่ายเองนั่งถ่ายที่ห้องสมัยเด็กๆ กับรูปที่ตัดต่อไปผสมเลยทำให้ดูเนียน ดูเหมือนเป็นเรา แต่ถ้าดูจริงๆ ตอนก่อนผมทำจมูกหน้าผมก็ไม่ใช่แบบนี้นะ"
"คือมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเกิดเราทำแล้วไม่ได้เดือดร้อนใคร ถ้าผมทำแล้วดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอาย คุณทำคุณสวยก็ทำไปเถอะ ถามว่ากลัวคนมองว่าทำศัลยกรรมแล้วไม่แมนมั้ย ผมว่าแมนไม่แมนอยู่ที่นิสัยมากกว่า มันไม่ใช่รูปร่างหน้าตา บางคนหน้าตาดีแต่ไม่แมนก็เยอะ"
เป็นไปได้ไหมที่ผู้จัดการคนเก่าเรา พอเราดังขึ้นมาเลยอยากแกล้งเรา?
"คือถ้าเขาาแกล้งเราก็ต้องหารูปอื่น เพราะผมไม่มีรูปแบบนี้แน่นอน ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้"