ฮารุ ยอมรับต่อหน้ากายหากย้อนเวลาได้คงไม่อยากท้องก่อนแต่ง..(คลิป)
โดยบอกว่า แรกๆ ที่เจอกันนั้นไม่ชอบหน้ากันเลย จนได้มาเป็นเพื่อนกัน เล่นหนังด้วยกัน และเป็นแฟนกัน จนกระทั่งมีข่าวโด่งดัง ณ ตอนนั้นว่า ฮารุนั้นท้องก่อนแต่ง ซึ่งเรื่องนี้โดนวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูมาก หากจะย้อนเวลากลับไปได้ ฮารุบอกว่า ก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องก่อนแต่ง จะทำให้ถูกต้องตามประเพณี
ตอนนี้อายุเท่าไร?
กาย "30 ครับ เท่ากันทั้งคู่เลย"
เจอกันครั้งแรกรู้สึกยังไง?
ฮารุ "ตอนนั้นอายุประมาณ 15-16 แล้วสมัยก่อนเทรนด์ผู้ชายจะเป็นผอมๆ สูงๆ ไม่ใช่แบบมีกล้าม ครั้งแรกที่ฮารุเจอพี่กายเนี่ย คือสะดุดตามาก ไม่ใช่หล่อ ไม่ใช่อะไรเลย แต่คือกล้ามใหญ่มาก"
กาย "คือเขาไปเทียบกับอายุ 13-14 ที่ปกติ แต่กายอาจจะไม่ปกตินิดหนึ่ง คือกายอาจจะกล้ามใหญ่กว่าคนอื่นเล็กน้อย เพราะเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นตัวใหญ่กว่าคนอื่น"
แต่ก็ทำให้ฮารุสะดุดตา?
ฮารุ "สะดุดตาแต่ไม่ได้สะดุดตาด้วยความแบบ.. ฉันชอบคนนี้นะ ไม่ใช่แบบนั้น และอีกอันหนึ่งที่สะดุดด้วยเพราะว่าเขาพูดภาษาไทยไม่ชัด คือแบบว่าพูดภาษาไทยไม่ชัด แล้วก็กล้ามใหญ่ๆ จำได้ว่าหน้าตาดีแต่ไม่ได้ถึงขั้นว่าชอบจังเลยคนนี้"
แล้วกายล่ะ?
กาย "จำเขาไม่ได้เลยครับ จำไม่ได้เลยจริงๆ คือตอนนั้นเราเริ่มถ่ายโฆษณากัน เหมือนเด็กแคสติ้งโฆษณา แล้วก็ได้รับไปเล่นละคร แต่เป็นแบบตัวประกอบหลัก มันจะรวมแก๊งกันอยู่แล้ว
ก็ถ่ายกับ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ที่เขาเป็นตัวหลักในแก๊งนั้น มันก็จะเจอกันอยู่ประมาณ 4-5 ครั้ง กายจำเขาไม่ได้
แต่เขาจำกายได้เพราะว่ามันมีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่มันมีคิวไปถ่ายด้วยกัน กายกับอเล็กซ์เนี่ยจากเกษตร-นวมินทร์ จะมาเที่ยวที่สุขุมวิท ไม่รู้จะมายังไง แล้วฝนก็ตก ก็เลยจะเรียกแท็กซี่
แต่พอดีวันนั้นคุณแม่ฮารุ เขาไปรับฮารุ เขาก็ถามว่าจะไปไหนกัน เราก็บอกว่าจะไปสุขุมวิท นั่งแท็กซี่ไป คราวนี้ด้วยความที่เขาเป็นแม่เนอะ
อุ๊ย อะไรเด็กอายุ 13-14 จะมาสุขุมวิทเอง นั่งแท็กซี่ได้ยังไงเดี๋ยวแม่ไปส่ง เราก็สบายใจแล้วเว้ยอเล็กซ์ เรานั่งกับแม่ไปดีกว่า เราก็นั่งหลังรถกันไป ก็จบเหตุการณ์นั้น เพิ่งมารู้ทีหลังครับว่า
เอ้า ที่ไปส่งเนี่ยคือรถของแม่ฮารุเหรอ แล้วก็เพิ่งมารู้ทีหลังอีกว่า ห้ะ..นี่บ้านเขาอยู่เกษตร-นวมินทร์ แล้วเราถ่ายที่เกษตร-นวมินทร์ แล้วเขามาส่งเราถึงสุขุมวิท แล้วขับกลับไปใหม่เนี่ยนะ ก็เป็นชอตแรกที่ได้เจอกัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตรงนั้นนิดนึง"
คนนี้ที่เราเล่นละครด้วยกันนี่ แค่นั้นเลยจริงๆ แต่ว่ามาคุยกันจริงๆ ตอนที่เล่นภาพยนตร์ด้วยกัน อันนี้คือจริงจังเลย"
กาย "ผ่านงานกันล่ะ ฮารุเขาก็ไปเป็นสตอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก ผมก็ไปเป็นอะไรไม่รู้ มั่วซั่ว ได้เงินผมก็เอาหมด ใครอยากให้ทำอะไร ร้องเพลง ร้องเป็นครับ เต้น ผมเต้นเก่งครับ
ผมทำหมด และมาเจอกันอีกทีตอนเล่นหนังของพี่พจน์ อานนท์"
เป็นหนังพี่พจน์?
กาย "ใช่ครับ พี่พจน์ อานนท์ครับ กายเล่นหนังของพี่พจน์มา 3-4 เรื่องแล้ว อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เล่นกับพี่พจน์เนอะ ได้มาเจอกับฮารุ"
ฮารุ "แต่เจอกันด้วยความรู้สึกเหมือน..พูดตรงๆ คือ ไม่มีความประทับใจเลย คือเกลียดผู้ชายคนนี้มาก เกลียดมากๆ ใช้คำนี้ได้เลย"
ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?
ฮารุ "ตอนนั้นพี่พจน์นัดมาว่าเดี๋ยวเราไปเจอกันที่ห้างห้างหนึ่งนะ เดี๋ยวฮารุจะได้เล่นกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นพระเอก แล้วคือเราตอนนั้นก็
อ๋อค่ะๆ เล่นๆ ไม่ได้ถามว่าใครเป็นพระเอก พี่พจน์ก็นัดที่ห้างประมาณ 4 โมง ฮารุก็ไปถึง 4 โมง สักพักหนึ่ง 5 โมงก็แล้ว 6 โมงก็แล้ว 1 ทุ่มก็แล้ว ก็นั่งอยู่แบบนี้เฉยๆ ทีมงานก็นั่ง"
แล้วพี่พจน์อยู่ด้วยหรือเปล่า?
ฮารุ "อยู่ค่ะ ทุกคนอยู่ ทีมงานอยู่ ก็นั่งเฉยๆ นึกในใจเราทำอะไรวะเนี่ย 2 ทุ่มก็แล้ว ฮารุก็เริ่มถาม พี่คะ...ขอโทษนะคะ เรารออะไรกันอยู่เหรอ เขาก็บอกแป๊บนึงๆ
พระเอกกำลังมา รอพระเอกอยู่แป๊บนึง คิดในใจตอนนั้นคือ พระเอกคือใครวะ ทำไมวะ"
ไม่รู้เหรอ?
ฮารุ "ไม่รู้จริงๆ เพราะหนูไม่ได้ถามว่าใคร หนูก็แค่นั่งรอ 2 ทุ่ม คิดในใจโอ้โห..คนนี้ไม่ได้เลย คนนี้คือใครอะไร นัด 4 โมง 3 ทุ่มก็แล้ว โผล่มา 3 ทุ่มครึ่ง พระเอกมาแล้ว
เราหันไปมองใครวะพระเอก อ้าว.. ไอ่นี้นี่ คือจำได้เลยแม่เราไปส่งเขา บวกกับเราเคยเห็นเขาผ่านๆ กาย รัชชานนท์โห อะไรวะเนี่ย คิดในใจว่าไม่โอเคเลยอะ แล้วพี่พจน์ก็เรียกมา ฮารุกับกายมายืนคู่กันซิ ยืนเสร็จปุ๊บ โอเค กลับบ้าน แค่นั้นเลย มาดูเฉยๆ ว่ามายืนด้วยกันแล้ว ความสูง
ความเหมาะได้ไหม ได้ๆ โอเค คู่นี้ผ่าน กลับบ้านได้ คิดในใจแค่นี้เหรอ ให้หนูมาทำแค่นี้เหรอ ใช่ๆ ที่รอเนี่ยพี่ต้องการแค่นี้จริงๆ คอนเฟิร์ม เดี๋ยวเราลงคิวถ่ายเลย"
ดูความสูงทางไลน์ก็ได้นะ?
กาย "สมัยก่อนยังไม่มีไลน์ครับ"
แล้วถามจริงๆ ไปไหน เอาความจริงนะ อย่าแก้ตัว?
กาย "คืออันนั้นเขานัดกันที่ลาดพร้าว ผมเรียนอยู่ที่มหิดล ศาลายา แล้วเรียนคาบสุดท้ายมันเสร็จ 6 โมงเย็น
ผมก็ไม่เข้าใจนัดฮารุทำไมตอน 4 โมง ทั้งๆ ที่รู้กันว่าผมเรียนเสร็จ 6 โมง ผมก็ถาม
ทุกวันนี้ยังถามอยู่เลย ไม่มีใครโกธรเลยเหรอ ไม่มี แล้วพี่พจน์ไม่โกธรเหรอ ไม่โกธร ผมบอกว่า ทุกคนต้องไปนั่งคิดว่า
ทำไมเขาถึงไม่โกธร เพราะเขารู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าผมต้องมาช้าแบบนี้ ไม่อย่างนั้นทุกคนต้องแบบ แล้ว กาย รัชชานนท์ มันสำคัญขนาดไหนอะ นึกออกไหม พระเอกเยอะแยะ
เขี่ยไอนี่ออกไป จ้างคนใหม่ก็ได้ ถูกกว่ามันอีก"
ฮารุ "ไม่รู้อะ แต่สมมติว่าเหตุการณ์นี้ ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ด้วยความผิดพลาด เหตุการณ์ที่ 2 ก็ตามมาติดๆ หลังจากนั้นปุ๊บ พี่พจน์นัดเวิร์คช็อป
ก็อ๋อๆ ไปเวิร์คช็อป ฮารุเดี๋ยวไปเจอกันนะ ประมาณ 11 โมง ฮารุก็อ๋อได้ค่ะ ก็มา 11 โมง ฮารุก็นั่ง
กาย "สาย"
กายมันรับโทรศัพท์ มันกำลังมา แป๊บนึงๆ โผล่มาประมาณเกือบ 4 โมง นัด 11 โผล่มา 4 โมง"
กาย "โอย ตาย ไม่ได้งานก็คราวนี้แหละ"
คำถามเดิม กายไปไหน?
กาย "อันนี้ผมไม่มีข้ออ้าง มันคือความผิดพลาด ผมเนี่ยเมาหนักมาก เพราะว่าอาทิตย์นั้นมันคือบิ๊กเมาเท่นที่เขาใหญ่ แล้วความผิดนั้นมันคือความผิดพี่โดม ปกรณ์ ลัม
ตามจริงแกต้องสแคลชแผ่นประมาณตี 2 แล้วแกสแคลชไปได้ 2 นาที เครื่องพังอะไรสักอย่างไม่รู้ มันก็เงียบ แล้วสแคลชได้อีกทีตี 4 ผมก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่โดมถึง 6 โมงเช้า"
เขาขอให้อยู่ไหม?
กาย "เขาไม่รู้จักผมครับ ก็เหลือผมอยู่คนเดียวนั่นแหละ อย่างน้อยมันยังมีไอ้บ้านี่เต้นอยู่คนเดียว"
ฮารุโกธรไหม?
กาย "ไม่เหลือครับ"
ฮารุ "ที่พีคกว่านั้นคือ โผล่มา 4 โมง พี่..ผมเมามากเลย ผมขอกินข้าวก่อน นางกินข้าวมันไก่ ร้านที่ฮารุกินตอน 11 โมง กว่าจะได้เริ่มเวิร์คช็อป 6 โมง
คิดในใจ โอ๊ยตายแล้วฉันต้องเล่นกับผู้ชายคนนี้จริงๆ เหรอ"
ตอนนั้นเราไม่รู้สึกเกรงใจเหรอ พี่ไม่ได้ด่านะ (หัวเราะ)?
กาย "คือถามว่าเกรงใจมั้ย ณ ชั่วโมงนั้นอ่ะ เอาจริงๆ ผมอ่ะ สติสตางค์ไม่ได้อยู่กับตัว มันแฮงก์ มันหิว มันใกล้เคียงยังเมาอยู่เลย คือมันยังไม่ได้ข้ามเวลาที่มันแฮงก์ได้อ่ะ
ในคิวถ่ายของหนังเรื่องนี้เราจะไม่เป็นแบบนี้อีก ผมก็โชว์ให้ทุกคนห็นว่า ในตอนที่ผมอยู่เกาหลี ผมไม่สายแม้แต่วันเดียว"
ฮารุ "เขาไปแงะเธอถึงห้องทุกวัน"
เห็นบอกว่าการไปถ่ายทำที่เกาหลีทำให้มีเวลาเรียนรู้กันได้มากขึ้น?
ฮารุ "อันนี้จริง ฮารุว่ามันเหมือนเป็นไฟต์บังคับปนความโชคดี ตอนไปคือรู้สึกไม่ดี แค่เหมือนไปทำหน้าที่ให้เสร็จ คือในกองถ่ายมันไม่มีใครเลยที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน
มันมีแค่ 4-5 คน ที่เหลือก็ผู้ใหญ่แล้ว และก็ทีมงาน มันก็เหมือนถ้าเราไม่คุยกับเขา แล้วจะอยู่ได้ยังไง 1 เดือน ก็คุยตามปกติเหมือนเพื่อนกัน"
ก็คือไม่ชอบเลยเหรอ?
ฮารุ "ก็คือรู้สึกไม่ดี แล้วต้องมาทำงานกับคนนี้ คือไม่มีความรับผิดชอบ แล้วมาถึงเราก็รู้สึกไม่โอเค ก็ทำงานไปก็คุยเป็นยังไงบ้างนู่นนี่นั่น กลายเป็นเหมือนเพื่อนกันจริงๆ มีไรเล่าให้ฟัง"
กาย "ด้วยความที่ไม่ชอบกัน คือเขาก็ไม่ได้ชอบผม ผมก็รับรู้ได้ว่า เขาไม่ได้ชอบอะไรผม ผมก็ไม่ได้ชอบเขา เราก็คุยกันแบบเพื่อนจริงๆ มันจะไม่มีการเก๊กทำหน้าหน้าใส่เขา เขาต้องสวยต่อหน้าเรา"
ฮารุ "ฮารุว่ามันดีที่เริ่มต้นกันแบบนั้น เพราะถ้าเริ่มต้นมาแบบคนสองคนที่ชอบกัน เราไม่ต้องพยายามแบบ ฉันสวยหรือยัง ฉันต้องใช้เสียงสอง ฉันต้องดูดี
อันนี้คือด้วยความที่เราไม่ได้ชอบกันจริงๆ มันสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เขาก็ใส่มาเลย เขาคุยกับคนนี้อยู่ คนนี้มีแฟนอยู่แล้วเขาไปจีบจะไปแย่งมา อะไรก็ไม่รู้ ให้ฮารุดูหมดเลย ฮารุบอก เฮ้ยคนนี้ดี เฮ้ยคนนี้ไม่เอาอย่าเลย เขาก็จะขอคำแนะนำว่า
กลับไปจะชวนเที่ยวยังไงดี ถ้าเป็นฮารุจะทำแบบนี้ เป็นเพื่อนกันแบบสนิทไปเลย"
ตอนนั้นต่างมีแฟนไหม?
ฮารุ "ฮารุมีค่ะ"
กาย "ไม่มีครับ มีคนคุยเยอะ แต่ไม่มีแฟน"
ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นเราเป็นคนเจ้าชู้ไหม?
กาย "ผมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไง แต่ผมคิดว่าผมไม่เจ้าชู้ เพราะผมไม่ได้คบใครเป็นแฟน แล้วผมก็บอกทุกคนด้วยว่าผมคุยกับทุกคน"
ผู้หญิงที่คุยด้วยยอมเหรอ?
กาย "ก็มีคนที่โอเคและไม่โอเค คนไหนไม่โอเคเราก็เคารพการตัดสินใจของเขา เรายังไม่ได้คบกับใคร"
แล้วการคุยกันแบบเพื่อนมันเปลี่ยนแปลงตอนไหน?
ฮารุ "น่าจะอาทิตย์สุดท้ายของการถ่ายหนัง ก็เริ่มรู้สึกดี รู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วเป็นตัวของตัวเอง แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ประทับใจคือ ฮารุก็มีแฟนอยู่แล้ว
และคบกับแฟนไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็รักกันดี แต่พอมาเจอผู้ชายคนนี้ เรารู้แล้วว่าเราขาดอะไร คือเหมือนเราก็ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ 13-14
ทำงานดูแลที่บ้านมาตลอด คือเรานำมาตลอด สุดท้ายมานั่งคิดว่า เราก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งบางครั้งก็อยากได้คนมาดูแลเราบ้าง ตัดสินใจอะไรแทนเราบ้าง
เป็นผู้นำในชีวิตเราบ้าง ไม่ใช่เราคนเดียวที่ต้องนำ ตอนที่อยู่เกาหลีเราเห็นภาวะความเป็นผู้นำเขาเยอะ ตัดสินใจแบบอันนี้ดีกว่า อันนี้ทำแบบนี้ อย่างนี้ เราก็เฮ้ย สบายจังเลย
แล้วแฟนเรา เราก็รู้สึกว่า เขาก็ดูแลเทคแคร์เราดี แต่เรารู้สึกเหมือนถ้าเราใช้ชีวิตอยู่กับคนนี้ไปเรารู้แล้วว่ามันใม่ใช่ แต่กับผู้ชายคนนี้คือไม่ได้หวังว่าจะคบกันเป็นแฟนเลย
ก่อนกลับมาเรา ก็คุยกันว่านี่ไม่ใช่ความจริง ความจริงของเราอยู่เมืองไทย ที่เราอยู่เกาหลีมันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง กลับไปทุกอย่างก็กลายเป็นปกติ"
กาย "มันก็เริ่มรู้สึกดีครับ กลับมาเราก็คุยกันอยู่เลยว่า มันคงเป็นเพราะว่าเราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง มา 1 เดือน พอกลับมา กายก็มาเจอเพื่อน
เขาก็กลับไปเจอแฟนเขา เดี๋ยวมันก็ห่างไปเอง อยู่ไปอยู่มามันก็ตัดไม่ขาดจริงๆ เพราะมันก็ยังมีคิวถ่าย 2-3 คิว จริงมันเหมือนเป็นข้ออ้างมากกว่าที่ต้องมาเจอกัน
ถึงแม้เราไม่ได้เจอกันแต่มันก็ยังมีความห่วงใยอยู่ตลอด"
กายประทับใจอะไรตัวฮารุ?
กาย "ตอนนั้นผู้หญิงที่คุยด้วยส่วนมากจะเป็นแบบ ชอบไปเที่ยว แล้วแอ๊บสวยตลอดเวลา แต่ฮารุเขาสบายๆ อย่างที่บอกว่ามันน่าจะเริ่มมาจากเพื่อนกัน
กายชอบความที่เขาแบบไม่แอ๊บ หัวเราะ มันน่ารักดี ดูจริงใจ ในขณะที่ผู้หญิงบางคนมัน.. ก็ชอบตรงนั้น พอกลับมาก็แบบ.. เหมือนคิดถึงกันตลอด"
มันมีสัญญาณอะไรที่รู้ว่าเปลี่ยน?
กาย "มันเหมือนมันรู้ๆ กัน มองหน้ากันแล้วมันรู้ อธิบายอะไรไม่ได้"
กายเขาโสด แล้วแฟนฮารุล่ะ?
ฮารุ "เราตัดสินใจตั้งแต่ก่อนกลับเมืองไทยแล้วว่า ยังไงกลับไปถ้าคิดว่า คบต่อก็คบได้ แต่ถ้าจะให้ใช่คนนี้ไหมก็ยังไม่ใช่ ไม่อยากเสียเวลาก็กะจะกลับไปบอกเขาเลย
แต่เราเลิกกับแฟนเราไม่ใช่ว่าเราจะไปคบกับผู้ชายคนนี้ แต่คนนี้ก็ตัดไปเพราะกลับไป เราก็ไปใช้ชีวิตธรรมดา ทำงานอยู่กับเพื่อนเรา"
ต่างคนต่างมีปม กายก็กลัวการคบกันแบบความสัมพันธ์ที่สั้นๆ?
กาย "ใช่ครับ คือกายคบกับใครก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ บ่อยครับ ตอนหลังมาเปลี่ยนใจไม่คบกับใครเลยดีกว่า เคยคบกันนานที่สุดน่าจะประมาณ 11 เดือน
ตอนแรกมันก็รักแหละ พอนานไปมันก็เบื่อ ผมอาจจะเป็นคนเบื่อง่ายด้วย ตอนนั้นอายุประมาณ 17-19 ครับ
ถามว่าเคยเสียใจมั้ย เคยครับ ตอนที่คบ 11 เดือนนั้นคิดว่ามันดีครับ เพราะไม่เคยคบใครมาก่อน แล้วที่ต้องมาจบความสัมพันธ์เพราะว่าพ่อแม่ไม่โอเคกัน เราก็ไม่ใช่คนที่เค้าต้องการ เลยรู้สึกเฟลจังเลย
การคบกันไม่ใช่คน 2 คนเหรอ เป็นคนหลายคนเหรอ ก็เลยเฮิร์ต จากนั้นมาก็เลยคบแบบนี้ รักๆ เลิกๆ ไปเรื่อยๆ พอได้มาคุยกับฮารุ เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำให้เค้าเฮิร์ตด้วย เพราะว่าเค้าก็เป็นเพื่อนที่ดี"
กาย "ใช่ครับ เพราะว่าเราเริ่มกันมาแบบเพื่อนที่ดีมาก แล้วมีความจริงใจสูงมาก ถ้าคบกันเป็นแฟน แล้วผมไม่สามารถทำให้เค้ามีความสุขได้ ความเป็นเพื่อนก็จะหายไปด้วย แล้วเราชอบเห็นเค้ามีความสุข
หลังจากคบกันเป็นยังไงบ้าง?
กาย "ไม่ทะเลาะกันเลยครับ"
ฮารุ "ทะเลาะกันน้อยมาก แต่กลายเป็นปัญหาของผู้หญิง คือฮารุกลายเป็นผู้หญิงที่ขี้หึงที่สุดในโลก ซึ่งปกติไม่ได้เป็น อาจจะเป็นปมของตัวเองที่มาคบกับเค้า
และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชียลถึงการมาคบกับเค้า ว่าทำไมกายมาคบกับเรา แฟนเก่าเค้าสวยหมดเลย ซึ่งเราก็คิดในใจว่าเราเอาอะไรไปเทียบกับแฟนเก่าเค้าแต่ละคน
ช่วงนั้นกว่าจะผ่านมามรสุมที่คบกันได้ ก็มาเจอมรสุมขี้หึงเนี่ย คือเป็นหนักมาก เพราะไม่มั่นใจในตัวเองเวลาที่ยืนข้างเค้า"
แล้วกายสร้างความมั่นใจอะไรให้กับฮารุ?
กาย "ผมก็บอกว่า คนเรามีความสวยที่ไม่เหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าคนสูงจะสวยกว่าคนเตี้ย คนที่เราคบมาแต่ก่อนจะดีกว่าคนนี้ เค้าก็มีความสวยของเค้า
อย่างบางทีเค้าจะชอบหึงแบบเวลาคนมอง
คือเราไม่สามารถบอกเค้าว่าห้ามมอง แต่เราทำได้กับตัวเราว่า เราจะเล่นอะไรต่อกับเค้ารึเปล่า คือถ้าเรายิ้มให้เค้าธรรมดามันก็จบ แต่ถ้าเรายิ้มให้เค้าต่อแบบมีความนัย
เหมือนตบมือข้างเดียวมันก็จะไม่ดัง ผมก็บอกเค้าตลอด"
ฮารุ "แต่คนที่มีปมมันจะพูดยังไงก็แล้วแต่ เราคิด"
แค่มองก็หึงเหรอ?ฮารุ "อย่าเรียกว่าหึง คือฮารุเป็นคนที่รู้สึกไม่ปลอดภัยอ่ะ ไม่ปลอดภัยตลอดเวลาที่คบกัน คือเราจะไม่ได้หึงว่ามองทำไม แต่เราจะนอยด์แบบไม่มั่นใจเลยจริงๆ
ขนาดคนนั้นยังเลิกมาได้ แล้วกับเราล่ะ มันน่าจะไปได้ไง ก็คิดแบบนั้น"