ดีเจนุ้ย เปิดความเชื่อถือพรหมจรรย์ เคลียร์ข่าวเมาท์ ดังแล้วหยิ่ง!
หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด คลิปดารา คลิปบันเทิงวาไรตี้ ดีเจนุ้ย เปิดความเชื่อถือพรหมจรรย์ เคลียร์ข่าวเมาท์ ดังแล้วหยิ่ง!
เจอหน้าแทบทุกช่องทีวี เรียกได้ว่างานเยอะงานปังสุดๆ สำหรับพิธีกรชื่อดังอย่าง ดีเจนุ้ย แต่กว่าจะก้าวมาถึงทุกวันนี้ เจอด่าเจอว่าเยอะมาก แถมล่าสุด ยังถูกเมาท์ว่าหยิ่งมาก ไปไหนมาไหนต้องปิดบังหน้าตาตลอด โดยล่าสุด พิธีกรชื่อดังได้มาเปลือยชีวิตพร้อมตอบทุกประเด็นดราม่า ทั้งหมด ผ่านรายการคุยแซ่บ show
ดีเจนุ้ย : "นุ้ยเป็นนักข่าวบันเทิง แต่สามารถบุกไปโรงพัก โรงพยาบาล ศาล วัด อะไรพวกนี้"
ข่าวไหนที่ภูมิใจที่สุด?
ดีเจนุ้ย : "ข่าวที่ซ่อนกล้องไปสถานีโทรทัศน์รายการหนึ่ง เพื่อจะไปถามความคืบหน้าความรักของนางสาวไทยคนหนึ่ง"
เห็นว่ายามโดนไล่ออก?
ดีเจนุ้ย : "ใช่ครับ แล้วนางงามคนนั้นก็มีโทร.ด่าเจ้าของบริษัท เราก็เลยตัดสินใจว่าอยู่ไม่ได้แล้ว ถึงขั้นไล่ยามออกแล้วก็โทร.ด่าเจ้าของบริษัท เราเป็นเด็กตัวเล็กลาออกก่อน นุ้ยรู้สึกมาตลอด นุ้ยเลยหยุดทำข่าวบันเทิงเลย"
แล้วตอนนั้นนางสาวไทยโกรธไหม?
นุ้ย : "จริงๆ แล้วความที่สมัยนั้นไม่ได้อยากพูดเรื่องความรักเท่าไหร่ เราก็รู้สึกว่าทำไมมาบอกเราอีกอย่างหนึ่ง ถ้ามาถามเราตรงๆ ก็ถามได้ไม่เป็นไร แต่ว่ามาบอกเราว่าจะสัมภาษณ์อย่างหนึ่ง แล้วมาบอกอีกอย่าง เราไม่ได้โทษคนทำงาน ก็เลยโทร.ไปหาคนที่คิดรายการขึ้นมา บอกว่าอย่าทำแบบนี้เลย"
ตอนนั้นเหมือนไปพูดข่าวแล้วโดนพี่เป็ก สัณชัย สายตรงเลย รู้สึกยังไงบ้าง?
ดีเจนุ้ย : "ใช่ๆ แต่คือนุ้ยโดนสายตรงเยอะมาก ตอนพี่เป็กโทร.มาก็กลัว เราก็ขอโทษไป แต่นุ้ยไม่ได้เจอแค่พี่เป็กนะ นุ้ยยังเจอสายที่โทร.มาขู่เลยนะ แบบว่านุ้ยถามเขาว่าได้เบอร์มาจากไหน เขาบอกไม่ต้องรู้หรอก นุ้ยบอกพี่ใจเย็นๆ นะ เขาบอกผมใจเย็นถ้าผมใจร้อนคุณก็รู้ผมเป็นยังไง ตอนนั้นก็ยืนสั่นอยู่ในลิฟท์ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เน้นความน่ารักสดใส นายมาบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องแรงมากก็ได้ ตอนแรกเราอินกับการจัดรายการ เต็มที่แฉก็คือแฉ พอนายมาบอกเราก็ดึงความเป็นตัวเรากลับมาเน้นความสนุก จนปีหลังๆ นุ้ยเบื่อข่าวบันเทิงแต่บอกใครไม่ได้ ณ ตอนนั้นนุ้ยยังนั่งอยู่ในตำแหน่งแฉแต่เช้าอยู่ จนวันหนึ่งเราตัดสินใจเซย์ กู๊ด บาย"
ดีเจนุ้ย : "ใช่ จะบอกว่าแฉแต่เช้าตอนนั้นดังมาก แล้วพี่กฤษณ์กับพี่มดดำทำได้ดีมาก แล้วถ้าคนอื่นมาจัดแทน เขาจะรับไม่ได้ ก็จะ sms มาถามว่ามานั่งในช่วงเวลานี้ได้ไง คือนุ้ยเป็นดีเจใหม่โนเนมไม่มีใครรู้จัก พอเข้าไปนั่งปุ๊บ 1 ปีเต็มๆ ไม่ใช่แค่ด่าผ่าน sms นะก็คือด่านุ้ยเป็นกระทู้พันทิป แบบเธอเป็นใคร หัวเราะน่ารำคาญมาก ตอนนั้นก็นอยด์ ท้อ แต่ก็ต้องทำผู้ใหญ่ให้โอกาสเราให้พิสูจน์ตัวเองต่อ แล้วหลังจาก 1 ปีผ่านไปคนเดินเข้ามาขอบันทึกเสียงหัวเราะหน่อยได้ไหม หัวเราะให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม"
กว่าจะมาถึงวันนี้ก็มีคนเม้าท์เยอะมากว่าแบบอยากเป็นดาราจนตัวสั่น?
ดีเจนุ้ย : "ถามว่าชอบงานในวงการบันเทิงไหม คือชอบงานในวงการ ตั้งแต่เด็กๆ มีความใฝ่ฝันที่จะเข้าวงการบันเทิง แต่พอส่องกระจกดูหน้าตัวเองก็ตกใจ ลำพังตัวเองยังตกใจแล้วคนอื่นคงตกใจแน่ๆ เมื่อก่อนอยากเป็นนักร้อง มีพี่โบ สุนิตา เป็นไอดอลพี่โบบอกเขาเป็นนักร้องเพราะความฝัน นุ้ยก็มีความฝัน นุ้ยเคยประกวดเดอะสตาร์ไม่ปี 1 ก็ปี 2 ที่คนยังไม่ต่อแถว คือเราเป็นคนมีความฝันแต่ไม่พยายาม ดึกไปก็กลับบ้าน เวที AF ก็เคยไป ตอนนั้นเป็นนักข่าวแล้ว"
ดีเจนุ้ย : "ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอเซ็กส์โฟน ถ้าเป็นยุคนี้จะรับสายฟังแล้วสู้กับมัน แต่ยุคนั้นมันตกใจยังเด็กอยู่ คือตอนนั้นเขาไม่พูด พอรับก็คางเลย สักพักเราก็วางแล้วเขาก็โทร.มาอีก เราก็ตัดสินใจโพสต์เบอร์ไปเลย แล้วแฟนๆ ที่ติดตามเราโทร.ไปด่าเขา จนเขาปิดเบอร์หนี กลับมารู้ตอนหลังเป็นแฟนคลับคนนึงของคลื่นวิทยุเรา เหมือนมีอาการทางจิต"
แล้วอะไรที่บอกว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ?
ดีเจนุ้ย : "เขามาบอกคนที่คลื่นว่าเขาตาบอด แล้วคนในคลื่นพยายามจะช่วยเขา แล้วเขาก็ไปงานคลื่นด้วยสมัยก่อน แต่ก็มานั่งคิดว่าทำไมตาบอดแล้วเดินได้ แต่เขาไม่ได้หลอกเงินหลอกทองอะไรเรา นอกจากใครอยากจะช่วยเขา"
ดีเจนุ้ย : "นี่ไงโพสต์เบอร์ไปเลย จริงๆ โรคจิตอย่างเดียว เราอย่าไปกลัวเขา นุ้ยเคยเจอบนรถไฟฟ้าด้วย คือมีผู้หญิง 2 คนเขากรี๊ดแล้ววิ่งไปอีกโบกี้นึง เราก็ไปนั่ง แล้วเขาก็ถือโทรศัพท์มานั่งข้างๆ เราเลย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหัวเราะฮึ ฮึ แล้วเราก็มองไปที่โทรศัพท์เขาเป็นคลิปหนังกำลังภายใน เป็นคิวบู๊กำลังแทงกันอยู่ ทางเราก็ตกใจ แต่ต้องตั้งสติ แต่ถ้าเป็นยุคนี้นุ้ยจะตะโกนเลยว่า อีโรคจิต แต่ยุคนั้นสิ่งที่เราทำมันกลายเป็นเขาตกใจเรา เพราะเราดูคลิปกับเขาไปด้วยพักหนึ่ง มันก็เลยตกใจเรา ว่าทำไมเราไม่ตกใจเหมือนผู้หญิงสองคนนั้น แต่หัวเราต้องคิดต่อว่าเราจะหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ยังไง โดยการที่ถึงสถานีพอดีประตูรถเปิดไม่ออก สู้ แต่เราหาจังหวะเวลาประตูกำลังจะปิดวิ่งกระโดดสวนประตูออกไปเลย ออกไปโทร.หาเพื่อนมือไม้สั่น"
อะไรแบบนี้คิดว่าเป็นบททดสอบเราไหมที่เราบอกว่าเราถือพรหมจรรย์?
ดีเจนุ้ย : "ถือตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เป็นบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต หลายครั้งที่เราเดินผ่านกระจกก็รู้สึกว่าเราสวยนะ ดูดี แต่เราเป็นบททดสอบของชีวิต และเป็นบททดสอบที่เราเชื่อว่าเบื้องบนทดสอบเราให้อดทน เพื่อแลกกับความสำเร็จ"
ดีเจนุ้ย : "คือนุ้ยไม่รู้นะ แต่ว่ามันมีอะไรพิเศษๆ ไม่งั้นเขาจะเอาไปแห่กันเหรอ คือเขาต้องเลือกคนบริสุทธิ์ก่อนจะไปทำพิธี พูดไปก็เป็นปมของนุ้ย ถ้าวันใดเราพลาดขึ้นมาก็เลยไม่อยากเชื่ออะไรมากมาย แต่ว่าเราสามารถหยุดฟ้า หยุดฝนได้ อีเว้นท์ไหนอยากไล่ฝน นุ้ยรับสตาร์ทที่ 3 แสนบาท งานรอดทั้งงาน แลกกับเงินแค่นี้ถือว่าคุ้ม"
มีอีกข่าวหนึ่งที่เขาเม้าท์กันว่าพอดังแล้วทำตัวเป็นเซเลป ปิดหน้า ปิดตา เดินตลาดไม่ได้?
ดีเจนุ้ย : "ไม่ได้หยิ่ง ตอนนี้เวลาไปไหนมาไหน นุ้ยชอบใส่แมสเอาไว้ เวลาขึ้นเครื่องบิน แล้วมีคนเดินมาบอกว่าจำได้นะใส่ทำไม โอ้ย ไม่ต้องใส่หรอก รู้อยู่แล้วว่าใคร แต่เจตนาของนุ้ยคือนุ้ยไอมาประมาณ 1 เดือน ก็คือนุ้ยพักผ่อนน้อย ป่วยง่าย ก็ฉีดวัคซีนไว้ตลอดเพราะไม่อยากให้ป่วยหนัก ไปหาหมอฉีดยาแล้วกำลังจะหายก็ป่วยซ้ำไปอีก ก็เลยแบบไปไหนมาไหนจะใส่แมส แต่เราก็เข้าใจแฟนๆ ที่เขาคิดว่าเราหลีกเลี่ยงเขาหรือเปล่า หรือเราไม่อยากคุยกับเขาหรือเปล่า ไม่ใช่นะคะ คือเราไม่สบาย ป่วยง่าย เราเลยจำเป็นต้องใส่แมสเอาไว้"
คลิ๊กชมคลิป
vvvvvvvvvvvv
vvvvvvvvvv
vvvvvvvv
vvvvvv
vvvv
vv
v
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น