เปิดใจ แอนโทเนีย เปลี่ยนคำดูถูก-บูลลี่ เป็นแรงผลักดัน เพื่อคว้ามงฯ เวที Miss Supranational
อยากทราบความรู้สึกที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ?
แอน : อยากขอบคุณแฟนนางงามทุกคนตั้งแต่สันแรกที่เชียร์กันช่วยโหวต คอมเม้นต์ ไลก์รูปจนกองที่ซูปราบอกว่าไม่เคยได้ไลก์เยอะขนาดนี้ ตอนนี้แอนยังตื่นเต้นอยู่
รอบตอบคำถามตอบคำถามได้เฉียบและกระแทกใจมาก ย้ำอีกสักครั้งว่าวันนั้นได้คำถามว่าอะไรและตอบว่าอะไร ?
แอน : คำถามที่หนูได้ก็คืออะไรที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในรุ่นนี้ที่จะพบเจอ คำตอบของแอนก็คือสิ่งที่ท้าทายที่สุดก็คือการที่คนเราไม่มีความเมตตาให้กันมากพอ เพราะเรายังติดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอกและไม่ใช้เวลาค้นหาคุณค่าที่อยู่ภายใน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเราควรให้กำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจและเคารพซึ่งกันและกันโลกจะได้เป็นที่ที่น่าอยู่และมีความสุขมากยิ่งขึ้น
คำตอบนี้ไม่ได้เซตเลยเป็นคำถามที่ได้เดี๋ยวนั้นแล้วก็ตอบเดี๋ยวนั้นเลย ?
แอน : ใช่ค่ะ ตอนช่วงที่ตอบมีเวลาแค่ 30 วินาที เลยคิดว่าเรามีเวลาน้อยขนาดนี้ต้องพูดจากใจ
ทำไมถึงเป็นคำพูดที่ออกมาแล้วกระแทกใจเหลือเกิน ชีวิตแอนเคยโดนคนตัดสินที่รูปร่างหน้าตามาก่อนมั้ย ?
แอน : เคยค่ะ หนูคิดว่ามีหลายคนที่เคยโดนมาแล้วตอนแอนพูดคิดว่าทุกคนเข้าใจสิ่งที่แอนพูดง่ายกว่า
แสดงว่าในสังคมตรงนี้แอนก็ตอบตรงคำถามเลยมันเป็นปัญหาที่คนอื่นจะตัดสินคนอื่นแค่ภายนอกที่เค้าเห็น ?
แอน : เวลาของเรามันง่ายกว่าที่จะตัดสินคนอื่น ไม่ได้มาเสียเวลามาศึกษากัน
สมัยเด็ก ๆ ที่เคยโดนบูลลี่มาคืออะไรบ้าง ?
แอน : รูปร่าง สีผิว แล้วก็เสียงเพราะแอนเป็นคนเสียงต่ำ ตอนเด็ก ๆ แอนจะอวบ ๆ หน่อยบางคนก็บอกว่าอ้วนเลย อ้วนเกินไปที่จะเข้าวงการ เข้าวงการไม่ได้
เราโดนคนพูดกับเราแบบนี้แล้วเรารู้สึกยังไง ?
แอน : ตอนนั้นก็ช่วงวัยรุ่น ไม่ได้มีเวลาร้องไห้ต้องกลับไปร้องไห้ที่บ้าน ตั้งแต่ตอนนั้นแอนเปลี่ยนความคิดของแอนคิดว่าในชีวิตจริงเราอาจจะโดนคนตัดสินเยอะ แต่ว่าถ้าเรารู้ความสามารถของตัวเอง แล้วเราคิดว่าเราสวยมีความสามารถดี เชื่อใจในความสามารถของเรา อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะเชื่อใจตัวเอง
ครั้งหนึ่งเคยโดนดูถูกว่าหน้าแบบนี้ไม่มีวันดังได้ ?
แอน : ใช่ค่ะ ช่วงนั้นกำลังเข้าวงการอยู่ ตอน The Face ก็มีคนคอมเม้นต์ว่าเข้าไม่ได้ อ้วนเกินไป ผิวไม่สวยประมาณนั้น
เศร้ามั้ย ?
แอน : ก็เศร้าค่ะ เพราะเราพยายามมาก บังคับตัวเองที่จะทำให้ดีที่สุด บางครั้งดีที่สุดของหนูไม่ได้ดีที่สุดของคนอื่น
เรารับเมสเสจแบบนี้มานานมั้ยกว่าที่จะแปรเป็นพลังแล้วทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นไปจากจุดเดิมที่เราอยู่ ?
แอน : แอนยังไม่ได้คิดแบบนั้น เค้าว่าหนูเราก็ทำอะไรไม่ได้ก็แบกเอาไว้ แล้วมันก็เปลี่ยนความคิดของหนูว่าคนที่คอมเม้นต์เรา เค้าอาจจะอยากให้เราพัฒนาตัวเองบ้าง หนูก็คิดแบบนั้น ไม่อยากคิดว่าเค้ามาว่าหนูตลอด เค้าอาจจะหวังดีก็ได้ถ้ามีอะไรที่หนูปรับได้ก็จะปรับ
พอจะก้าวไปเวทีโลกก็มีเสียน้ำตา ?
แอน : แอนเป็นคนเซนซิทีฟมาก เป็นคนที่กดดันตัวเองเยอะมากต้องไปถึงจุดที่แอนคิดว่าดีแล้ว คนอื่นอาจจะบอกว่าดีแต่ถ้าหนูคิดว่าหนูทำไม่ดีจะร้องไห้
เห็นว่าเคยจะถอนตัวแล้ว ?
แอน : ใช่ค่ะ ตอนที่กำลังจะประกวดมิสซูปราเนชั่นแนลไทยแลนด์ คุณพ่อเห็นหนูนั่งร้องไห้ พ่อเค้าถามว่าเป็นอะไรหนูก็บอกว่าไม่อยากประกวดแล้ว เพราะว่าหนูเห็นทุกคนสวย ผิวดี ผิวขาว หุ่นดี เค้าไม่เอาหนูหรอก หนูยังดัดฟัน ยังอ้วนอยู่ เค้าไม่เอาหนูหรอก คุณพ่อก็บอกว่ารู้ได้ยังไงว่าเค้าไม่เอา ลองหรือยัง คุณพ่อ คุณแม่บอกว่าถ้าจะทำอะไรให้ทำเต็มที่ ถ้าแพ้ให้เป็นการเรียนรู้ ถ้าชนะเป็นแรงผลักดันตัวเองขึ้นไปอีก ตอนคุณพ่อบอกก็คิดว่าเรายังไม่ได้ทำเลยจะถอนตัวได้ยังไง
แอนอยากบอกอะไรจากคนที่โดนตัดสินจากภายนอกแล้วก็โดนบูลลี่ ?
แอน : แอนเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว เคยนั่งในห้องร้องไห้แล้วคิดว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ตัวเองแฮปปี้ แอนอยากฝากเมสเสจไปให้ทุกคนว่าถ้ามีความฝันอะไรให้ตามเลย ถ้าคุณไม่เชื่อใจในความสามารถของตัวเอง อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ความคิดเห็นของคนอื่นอาจจะไม่ได้ดีที่สุด อาจจะเนกาทีฟก็ได้ แต่ว่าถ้าคุณรู้ว่าคุณมีความสามารถอะไรขอให้มั่นใจในสิ่งนี้อย่างเดียว แล้วผลักดันตัวเองให้ไปถึงจุดที่ฝันไว้