สดใส รุ่งโพธิ์ทอง เผยอยากบวชตลอดชีวิต หลังต้องยุบวง เป็นหนี้หลายล้าน (คลิป)
โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งมานานกว่า 50 ปี สำหรับนักร้องดังรุ่นใหญ่ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง เจ้าของเพลงดัง 'รักน้องพร' ที่ล่าสุดได้มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง one31 ถึงประเด็นที่ว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นหนี้หลายล้าน พร้อมเผยเหตุการณ์เครียดขั้นสุดจนคิดอยากจะบวชตลอดชีวิต
พูดถึงสมัยก่อนคุณพ่อของคุณอาเป็นหมอทำขวัญนาคใช่ไหม แล้วทำไมคุณอาไม่อยากดำเนินรอยตามคุณพ่อ?
อาสดใส : "ไม่รู้นะ เขาว่าเราเลือกเองไม่ได้ เขาขีดเส้นมาให้อย่างนี้หรือเปล่าไม่รู้ คุณพ่อบันทึกเทปมาให้ตั้งแต่เริ่มพิธีการ จนกระทั่งเบิกบายสี สมัยก่อนเขาทำขวัญนาคทั้งคืนนะ เราก็คิดว่าเรานั่งพับเพียบไม่ค่อยถนัน พ่ออัดเทปมาให้ 5 ม้วน เอาที่อัดเทปมาแต่งเพลงดีกว่า ชอบเขียนเพลง ร้องเพลงลูกทุ่ง เริ่มเข้าวงการด้วยการแต่งเพลง หลังจากนั้นก็แต่งเพลงมาเรื่อยๆ"
คุณอาเคยมีวงดนตรีแล้วดังด้วย แต่ทำไมถึงยุบ?
อาสดใส : "ก็วงการลูกทุ่งเวลาเราไปประกวดร้องก็ตาม บันทึกเสียง มีชื่อเสียง ความหวังอย่างเดียวก็คือมีชื่อเสียง สมัยก่อนไม่มีหรอกมีวงแบ็คอัพไปตั้งแล้วนักร้องไปคนเดียว ไปขึ้นเครื่องแล้วกลับ อย่างรุ่นอา อาต้องเลี้ยงดูชาวคณะด้วยเกือบร้อยชีวิต งานมีทุกวัน งานจ้าก็มี งานเสี่ยงก็มี ช่วงนั้นก็เลยคิดว่าเมื่อเรามีโอกาสบันทึกเสียง คนเริ่มรู้จักแล้ว ก็ต้องมีวงดนตรี"
กระแสตอบรับเป็นยังไง?
อาสดใส : "โอ๊ย...คนตื่นเต้นมาก ช่วงพีคสุดเป็นช่วงหลังจากที่บันทึกเพลงรักน้องพร เคยวิ่งวันหนึ่ง 7 งาน"
งานเยอะขนาดนี้ทุกคนก็จะมองว่าต้องมีเงินเยอะ แต่ไม่น่าเชื่อว่าคุณอาเคยเป็นหนี้ เป็นสินด้วย?
อาสดใส : "นั้นแหละคือการทำวงสมัยนั้น ทำวงเราต้องรับผิดชอบทุกอย่างเลย เราก็พยายามหารายได้ให้ทีมงาน ไองานที่ได้เงินก็ค่อยยังชั่วไป งานไม่ได้เงินเราก็ต้องรับภาระไป ปรากฏว่าพอเล่นไม่ได้ปั๊บ เราก็ต้องติดแล้วค่ารถเช่าไป ค่าเครื่องเสียงเช่าไป เบี้ยเลี้ยงแดนซ์เซอร์ ทำอยู่อย่างนั้น เป็นหนี้ เป็นสินอยู่หลายปีนะ น่าจะเป็นหลัก 2-3 ล้าน"
เห็นบอกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งคุณอาลำบากเลย นั่นก็คือช่วงยุบวง?
อาสดใส : "ใช่"
เห็นว่าอยากจะหนีบวชเลยหรอคะ?
อาสดใส : "คือหลังจากที่ตระเวนแล้วรู้เลยว่าศรัทธาของคนน้อยลง ปี2525 ไปแสดงภาคอีสาน ไปอยู่ 7 วัน ตกเย็นก็ล้อมรั่วอย่างดี ตั้งเวที เปิดเครื่องเสียง พอ 3 ทุ่มเก็บเงินได้ 2 พัน เราก็ต้องประกาศคืนเงิน เพราะว่า 2 พันมันทำอะไรไม่ได้ ลงไปปุ๊บค่าเบี้ยเลี้ยงรุ่นน้องก็ไม่พอแล้ว เป็นอยู่อย่างนี้ 3-4 วัน พอทำท่าจะดีหน่อยฟ้ามา ฝนตก เก็บของ เป็นหนี้เขาจนกระทั่งพอออกรถจากงานก็ประกาศผมไม่มีความสามารถที่จะนำพาชาวคณะ จำเป็นต้องยุบวง ใครไม่มีที่ไปเดี๋ยวผมจะไปฝากให้"
อาสดใส : "ก็ยังไม่รู้ ช่วงนั้นก็เหมือนคนหูหนวก ตาบอด พอดังแล้วต้องมีวงดนตรี เราก็ทำวง พอหยุดทำวง น้องๆ ทั้งวงร้องไห้ เราก็ร้องไห้ สมัยก่อนมันผูกพันกัน อยู่กันแบบพี่น้อง"
คุณอาหยุดไปนานกี่ปี?
อาสดใส : "หยุดแล้วตึกเช่าก็คืนเขาแล้วกลับบ้านนอกเลย คิกไม่ออกว่าจะไปบวชดีหรือจะอะไรดี เดี๋ยวจะคิดว่าเวลาทุกใจก็เข้าวัด คิดอะไรไม่ออกเผอิญช่วงนั้นตลกดังมาก ลูกน้องที่เคยเล่นกับผมเขาก้ไปเล่นตลกมันก็วิ่งไปหาผมที่บ้านนอก บอกหัวหน้าเอาอย่างนี้ผมจะเอาตลกไปเล่น ตลกผมชื่อตลกปุยนุ่น คนไม่รู้จัก ผมจะบอกตลกปุยนุ่นปะทะสดใส รุ่งโพธิ์ทอง พอเล่นไปสักพักก็เชิญผมไปร้อง 2-3 เพลง ให้วันละ 300 บาท เอาไหม จากวันละ 3-4 หมื่น มาวันละ 300 ก็ต้องเอา"
หลังจากนั้นก็กลับมากับผลงานเพลงที่โด่งดังแล้วก็เปรี้ยงมาก ค่าตัวเป็น 10 ล้านจริงไหม?
อาสดใส : "อย่าไปคุยอย่างนั้น สรรพากรมองหน้าอยู่ เขาเรียกว่าเพลงช่วยชีวิต ลูกทุ่งถ้าไม่มีผลงานออกเลยเป็น 10 ปี คือตายแล้ว ตอนนั้นอาหยุดวงเสร็จกลับไปอยู่บ้าน ตลกชวนมาเล่น หลังจากนั้นอาก็มาร้องห้องอาหารอยู่ 10 กว่าปี ก็อาศัยว่าเลี้ยงชีพตัวเองก็เผอิญมาเจอเพื่อนๆ ศรเพชรมาคุยบอกว่าเราจะอัดเสียงมาดูนะ เราก็ไม่ได้ทำอะไรก็ไปดู ศรเพชรมาถึงเขาก็เอาเนื้อเพลงให้ ชื่อเพลง รักน้องอร ซึ่งทั้งวันมันก็ร้องไม่ได้ จนฝ่ายควบคุมลูกทุ่งลองให้ผมไปร้อง ออกไปร้อง 3 เที่ยว นายห้างบอกกุเอาตรงนี้ คอยดูนะขายไม่ได้หรือมึงไม่ดัง กูจะลาออกจากบริษัท"
แล้วจากน้องอรมาเป็นน้องพรได้ยังไง?
อาสดใส : "คือแกมีแฟนบ้านเล็กชื่อพร เราก็แซวกันเหมือนกับเพื่อน ผมก็บอกว่าอาจารย์เป็นน้องอรทำไม เป็นน้องพรก็หมดเรื่องหมดราว"
เห็นว่าเพลงนี้ทำให้อาเดินสายแบบเวิลด์ทัวร์รอบโลก?
อาสดใส : "ใช่ๆ แทบจะไม่มีประเทศไหนที่ไม่ได้ไป ยุโรปไปมาทุกประเทศแล้ว"