อีฟ ฟ้อง กานต์ 4 คดี เรียกเงิน7ล้าน ลั่น!หากมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ต้องเสียสักบาท

อีฟ อภิสร์ญา : ก็มีหมิ่นประมาท 2 คดี แล้วก็ขับไล่ เป็นการข่มขืนใจ และมีหมิ่นประมาทอยู่ในนั้นด้วย รวม 4 คดี

อีฟ อภิสร์ญา : เขาโพสต์เฟซบุ๊กด่าเรา ด่ารุนแรงถึงพ่อแม่ ทำให้เรายอมไม่ได้

อีฟ อภิสร์ญา : มีหลายคำ หนึ่งในนั้นคือคำว่า เหลือม ที่เขาใช้ด่าเรา

อีฟ อภิสร์ญา : น่าจะเข้ามาตอนพี่เสกมีอาการไบโพลาร์กำเริบ มีการไลฟ์ ตอนนั้นลูกชายพี่เสกกลับมาพอดี คบกันได้ปีกว่า ตอนนั้นเขาเริ่มติดต่อมาให้พาพี่เสกไปรักษา เพราะน้องเสือ ลูกชายเขา มีสิทธิ์เซ็นเป็นเจ้าของไข้

อีฟ อภิสร์ญา : ตอนนั้นอยู่กันแค่ 2 คน และเราอยู่ในฐานะคู่หมั้น เราไม่ได้มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของไข้ ตัวพี่เสกตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ยอมไป

อีฟ อภิสร์ญา : การอยู่ตรงนั้นก็เหมือนเราไม่ได้ออกไปทำงาน เพราะพี่เสกให้เราอยู่ตรงนั้น แล้วเขาบอกว่าการที่เราอยู่ตรงนั้นก็เหมือนเป็นการช่วยงานเขาไปในตัวด้วย เพราะเราได้ช่วยงานเขาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งงานคอนเสิร์ต เราก็อยู่กับเขาตลอด ก็เหมือนเราทำงานกับเขา เขาก็จ่ายเงินให้เราและแม

อีฟ อภิสร์ญา : มันเป็นความคิดของเขา ส่วนคำที่ว่าเราอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับเรา เอาความคิดนี้มาจากไหนไม่รู้

อีฟ อภิสร์ญา : เป็นชื่อพี่เสกค่ะ ต้องเท้าความว่าตอนเกิดเรื่อง ทางนั้นเข้ามาที่บ้าน พี่เสกเขาเอาเอกสารทางศาลมาให้ดูว่าเขามีสิทธิ์ครอบครองบ้าน จะให้ใครอยู่ก็ได้ แต่โฉนดเป็นของลูก ตอนที่หย่าพี่กานต์ก็ได้ไปซื้อบ้านอีกหลังหนึ่งให้เขาและลูกอยู่ หลังนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขาเลย

อีฟ อภิสร์ญา : พูดเยอะค่ะ อีฟก็เพิ่งตื่นเพราะเช้ามาก ตอนนั้นพี่เสกไม่อยู่ ถ้าตามสิทธิ์ตอนนั้นไม่ใช่บ้านพี่กานต์ อีฟไม่ได้อยากจะอยู่เหมือนที่เขาเข้าใจว่าเราอยากอยู่ อยากเกาะ พอมีปัญหา อีฟก็อยากกลับบ้าน เพราะอีฟก็มีบ้านอยู่ มีแม่อยู่ ก็บอกพี่เสกว่าขอกลับบ้าน เพราะตรงนั้นมันก็เครียด แต่เขาไม่ให้อีฟกลับ อีฟก็ปรึกษาทนาย ส่งให้เขาดูตลอดว่าเราพูดกับเขายังไง เราก็ยืนยันว่าตอนนั้นพี่เสกเป็นคนให้เราอยู่ เราก็ปรึกษาทนาย เขาก็บอกว่าขับไล่เราไม่ได้ ซึ่งฝั่งโน้นมีการฟ้องขับไล่ เหมือนใช้สิทธิ์ของลูกชาย แต่ตรงนั้นพอเราออกมาปุ๊บ เขาก็ไปถอนฟ้อง แต่จริง ๆ ตัวเขาไม่มีสิทธิ์จะไล่ อีฟก็ออกมาตั้งแต่วันนั้นและไม่ได้กลับไปเลย

อีฟ อภิสร์ญา : เหมือนตัวพี่เสกเขาไม่ชัดเจน และไม่เด็ดขาด

อีฟ อภิสร์ญา : ตอนแรกยัง พี่เสกเขาเหมือนให้เรารอ แต่ก็อย่างที่ทราบ พี่เสกเขาป่วย ทำอะไรไม่ได้ เราก็ให้เวลาตัวเองในการตัดสินใจจะรอหรือเดินหน้าต่อ ก็แป๊บเดียวก็เดินหน้าต่อ

อีฟ อภิสร์ญา : เรื่องเก็บที่นอน เป็นวันเดียวที่เขาเห็น เขาบุกไปที่บ้าน ตอนนั้นเป็นการนอนข้างล่างที่โซฟา 3 คน พี่เสกตื่นเป็นคนสุดท้าย พี่เสกเอาผ้าห่มไปเก็บที่ชั้นล่าง ซึ่งอีฟไม่ได้เป็นคนเก็บ เขาเห็นวันนั้นวันเดียว ซึ่งเราอยู่กันมาเป็นปี เขาไม่ได้เห็นตอนเราอยู่กัน 2 คน แล้วจะมาเหมารวมก็ไม่ถูก

อีฟ อภิสร์ญา : หลัก ๆ คือพาพี่เสกไปหาหมอ ดูเรื่องยา การดูแลสุขภาพ ทำกับข้าวให้บ้าง การทำความสะอาดจะมีแม่บ้าน เราอยู่กัน 2 คน พี่เสกเขาไม่ให้ทำ ตอนนั้นเขาป่วย ก็จะมีความคิดแปลก ๆ หน่อย (หัวเราะ)

อีฟ อภิสร์ญา : ทำหลายหน้าที่เลยนะคะ พี่เสกก็พูดว่าเหมือนอีฟทำให้ทุกอย่าง ทั้งขับรถพาไปเล่นดนตรีต่างจังหวัด อีฟขับทั้งไปทั้งกลับ ไปกัน 2 คนก็ไปมาแล้ว แต่คนอื่นไม่เห็นค่ะ

อีฟ อภิสร์ญา : วันแรกที่ออกมา โทรศัพท์เขาไม่ได้อยู่ที่ตัว เขาก็เอาโทรศัพท์ลูกน้องไลน์มาหาอีฟว่าอยู่ไหน ยังต่อว่าอีฟว่าพี่ให้เธออยู่ที่บ้านจะกลับบ้านไปทำไม พี่เสกเขาคิดว่าอีฟไม่อยู่บ้าน ทางนั้นถึงเข้ามา ซึ่งไม่ใช่ อีฟก็บอกว่าโดนไล่ออกมา เขาก็บ่น ๆ ว่าทำอะไรกัน อีฟก็บอกว่าทั้งหมดอยู่ในไลฟ์ ให้ไปดูเอง เขาก็บอกว่าขอไปจัดการก่อน ขอคิดก่อน

อีฟ อภิสร์ญา : เขามีแค่พูดปราม ๆ เขาให้เหตุผลว่ายิ่งเขาไปห้าม จะทำให้ฝั่งนั้นด่าเราเพิ่มขึ้น

อีฟ อภิสร์ญา : ในมุมอีฟ อีฟเข้าใจว่าพี่เสกไม่ได้รู้เรื่อง เพราะ ณ ตอนที่เรายังอยู่ เขาพยายามกดดันพี่เสกเพื่อให้เราออกจากบ้าน เราก็อยากออก ไม่ใช่อยากจะอยู่ แต่พี่เสกไม่ปล่อยเราไป

อีฟ อภิสร์ญา : พอเราออกมา ทางนั้นเข้าไปอยู่เลยกับลูกด้วย

อีฟ อภิสร์ญา : ไม่ค่ะ เป็นระยะเวลาหนึ่ง เขาเหมือนไป ๆ มา ๆ แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้พี่เสกมา เหมือนที่เขาพูดว่าถ้าจะรักกันให้ไปรักกันข้างนอก แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยพี่เสกออกมา

อีฟ อภิสร์ญา : อีฟไม่รู้ตอนเขาอยู่กับทางโน้นเขาพูดยังไง แต่ตอนเขาอยู่กับเรา ก็พูดให้เรามั่นใจว่าเลือกที่จะให้เราอยู่

อีฟ อภิสร์ญา : ตอนที่อยู่เราไม่ได้คิดอย่างนั้น

อีฟ อภิสร์ญา : เรารักใคร เราก็จริงจังกับคนนั้น เราก็ได้รับความรู้สึกตรงนั้นด้วย ก็ค่อนข้างจริงจัง อยู่กับเขาเพราะรักด้วย ใช้ชีวิตแบบคู่รักทั่วไปเลย

อีฟ อภิสร์ญา : ตอนนี้เราออกมานานแล้ว มันไม่แล้วค่ะ

อีฟ อภิสร์ญา : ไม่เลยค่ะ เฉย ๆ

อีฟ อภิสร์ญา : มันน่าจะไม่มีประเด็นต้องคุยค่ะ ไม่มีเรื่องต้องคุย แต่ไม่ได้โกรธค่ะ

อีฟ อภิสร์ญา : เป็นคดีต่อเนื่องกัน พอเราออกมาแล้วเขาให้นักร้องในค่ายแต่งเพลงว่าเรา วันเหตุการณ์ที่เขาไล่เราออกมา และมีเสียงเราอยู่ในเพลง เข้าข่ายหมิ่นประมาทค่ะ

อีฟ อภิสร์ญา : เราอยากให้เขาสำนึกผิดว่าการที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่เฉพาะอีฟ กับใครก็ได้ มันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ใช่นึกจะด่าใครก็ได้ แล้วก็อยากให้เขาขอโทษ

อีฟ อภิสร์ญา : ฟ้องครั้งแรก เรามีคำท้ายฟ้องว่าให้เขาขอโทษ ลบโพสต์ที่ด่าเรา และห้ามโพสต์ด่าเราอีก เราขอแค่นี้ มีการนัดไกล่เกลี่ย 2 ครั้ง ซึ่งเขาไม่มา เขาไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย ถ้าเขามา ณ ตอนนั้น คุยกันจบ ทำตามที่เราขอไป เขาไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท แค่ขอโทษ ลบโพสต์ที่ด่าเราเยอะ ๆ และไม่มีการพาดพิงอีก แต่ไม่มีการไกล่เกลี่ย ความตั้งใจของเราคืออยากให้เขาได้รับโทษมากกว่า

อีฟ อภิสร์ญา : ก็แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเลยค่ะ

อีฟ อภิสร์ญา : มีค่ะ ตั้งแต่ตอนอยู่กับเขา เราก็บอกเขาแล้วว่าขอให้อย่ามายุ่ง เพราะทางโน้นโพสต์ด่าเรา ไม่เกี่ยวกับพี่เสก ก็บอกว่าไม่ต้องมาขอให้ถอน ให้ยอม พอเราออกมาแล้วพี่เสกก็ให้คนมาคุยอีกครั้ง เหมือนอยากให้จบดี ๆ เราก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าเราไม่ยอม ณ วันที่อยู่ตัวพี่เสกก็ไม่ได้ปกป้องเรา การที่เราฟ้อง ก็ฟ้องเพื่อปกป้องตัวเอง เขาก็ไม่มีสิทธิ์ให้เราถอนฟ้องหรือยอมง่าย ๆ ค่ะ

อีฟ อภิสร์ญา : ทราบค่ะ เหมือนเราตัดใจแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว

อีฟ อภิสร์ญา : หลายๆ คนก็รู้ค่ะ เขาก็เคยพูดออกสื่อ ส่วนวันนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดก็ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ)

อีฟ อภิสร์ญา : สถานะตอนนี้เหมือนเป็นคนอื่นไปแล้ว ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เฉย ๆ เลย

อีฟ อภิสร์ญา : ไม่มีอะไรจะบอกค่ะ (หัวเราะ) ล่าสุดที่เขาไลน์มาให้อีฟถอนฟ้องคดี อีฟก็บล็อกไลน์เขาไปแล้ว เพราะไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว เราก็ขาดกันแล้ว

อีฟ อภิสร์ญา : คงต้องเป็นเหมือนเดิม มองว่าเป็นเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นความทรงจำในชีวิตช่วงหนึ่ง