ดราม่าวงการเพลงลูกทุ่งสดใส ชี้เสรีลูกศิษย์เหยียบหัวครูชลธี
ทำไมเรื่องการฟ้องร้องเกิดขึ้นเป็นประจำ เจ้าของค่ายบ้าง ครูเพลงบ้าง นักร้องบ้าง?
"จริงๆ เรื่องนี้ต่อสู้กันมา 20 ปีแล้ว นานมากตั้งแต่เทปผีซีดีปลอม จนตอนนี้เขาไม่ขายซีดีกันแล้ว ทั้งคนทำคนปลอมเจ๊งไปด้วยกัน (หัวเราะ) คนทำลงทุนค่าจ้างนักร้องมาร้อง ซื้อเพลง จ้างนักดนตรีมาอะเร้นจ์เพลง บันทึกเสร็จแล้วยังไม่ทันตัดแผ่นขายเลย ไอ้ของปลอมออกขายแล้ว โอ้โห สุดยอด พวกนี้อยู่ตามห้องบันทึกเสียง พอมีมาสเตอร์ปั๊บ บล็อกมาเลย ส่วนมากเป็นสายของบริษัทใหญ่ๆ เราไม่อยากเอ่ยชื่อ ทำกันเองและขายก่อน ปรากฎว่าคนลงทุนไปร้องกันโวยวาย ช่วงนั้นผมมีโอกาสได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ปทุมธานี ปี 49 ก็เลยดำเนินเรื่องนี้ เข้าไปกรรมาธิการช่วยกันแก้ไข ก็แก้ไม่ตก ความผิดพลาดทั้งหมดอยู่ที่ศิลปินลูกทุ่งไม่มีการศึกษา ไม่ได้ไปดูถูกเขานะ แต่หมายถึงไปเซ็นให้เขาง่ายๆ เขาเอากระดาษมาให้เซ็น คิดว่ารับเงินก็เซ็นให้เขา ปรากฎว่าในนั้นมีข้อมูลอะไรต่อมิอะไร มีการยกกรรมสิทธิ์ให้ต่างๆ เขาไม่รู้เนื้อหา จะเงินมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเองได้มีผลงานออกสู่ตลาด พอเซ็นปั๊บเขาก็ตัดแผ่นไป"
ทำไมอาจารย์ชลธี เขาจะฟ้องเสรี รุ่งสว่าง เขาขัดแย้งอะไรกัน?
"รู้จากข่าวนะ เพราะเรื่องนี้เราทะเลาะกันมาตั้งแต่เรื่องบริษัท อย่างที่บอกจริงๆ บริษัทควรแบ่ง 3 ส่วน แต่ไปๆ มาๆ บริษัทเอาหมด นี่แหละคือปัญหา"
"ถ้าไม่มีผลงานออกเลย เราไปขายบัตร คอนเสิร์ตก็ไม่มีคนดู ก็มีการต่อรองกันว่าคุณเชียร์ผมนะ เดี๋ยวเซ็นให้ตรงนี้ แต่หารู้ไม่ มันมีและหรือในภาษากฎหมายเยอะมาก"
"เท่าที่ทราบ เสรีเขาเป็นลูกศิษย์โดยตรงครูชลธี ครูชลธีแต่งเพลงให้เสรีร้องมาหลายสิบเพลง น่าจะเป็นร้อยมั้ง เยอะ เสรีร้องตั้งแต่เริ่มต้น เพลงเทพธิดาผ้าซิ่นตอนนั้นดังมาก ปรากฎว่าพอเอาไปร้องทั้งหมดแล้ว เสรี รุ่งสว่างตอนหลังๆ ค่อนข้างมีงบประมาณ เขาก็อยากทำเองขายเองบ้าง โดยเอาเพลงที่เขาร้อง ซึ่งผมคิดว่าเขาคงเข้าใจว่าสิทธิ์น่าจะทำได้เอาไปทำดนตรีใหม่แล้วมาร้อง ซึ่งเพลงที่ร้องคือเพลงของครูชลธี ซึ่งแกก็บอกว่าเหมือนไม่ให้เกียรติแก อย่างน้อยโทรศัพท์มาสักกริ๊งแกก็จะเซ็นให้คุยกันง่าย ไม่ต้องมา 10-20 ล้าน แต่นี่เอาไปทำเสร็จแล้ว พอออกโฆษณา ออกยูทูป ครูชลธีแกไปเห็นเข้า ก็เกิดความไม่พอใจ เหมือนลูกศิษย์ไม่เคารพครู เท่าที่เห็นมานะ ผมยังไม่ได้คุยกับใครสักคน โทรหาใครไม่มีใครรับสาย สงสัยเก็บตัว (หัวเราะ)"
ก่อนฟ้องเขาโทรคุยกันก่อนมั้ย หรือฟ้องเลย?
"ผมก็ไม่ทราบตรงนั้น แต่รู้ตามข่าวว่าครูชลธีฉุนเฉียวมาก บอกจะต้องฟ้อง ทำเพลงโดยเหยียบหัวครู โกรธมาก ผมพยายามโทรเคลียร์เขา แต่เขาไม่รับสาย"
"ที่จริงเขาสนิทกันมาก มีอะไรก็เรียกครู ไอ้นี่ก็ศิษย์เอก เขาอาจจะคิดว่าทำก่อนแล้วคุยทีหลังก็ได้มั้ง ข้อที่สองคือหลังๆ เพลงมีโอกาสไปออกยูทูป ช่องทางมันเยอะ ออกโซเชียลได้เงินหมด แกก็เลยเอาเพลงดังๆ ที่คนรู้จักแก เอามารวมแล้วทำ คือไม่ได้เอามาโฆษณาทางวิทยุ ทีวี ก็คิดว่าคงไม่เป็นไร พอทำแล้วส่งไปในเฟซบุ๊ก ปรากฎว่าครูชลธีไปเจอเข้า มันอาจเป็นความเข้าใจผิด ที่จริงผมว่าเขาน่าจะคุยกัน ครูกับศิษย์ไม่ฆ่ากันหรอก น่าจะคุยกันได้"
"จริงๆ ในวงการ ก่อนหน้านี้มีหลายครู แต่ละคนจะมีลูกศิษย์คู่บารมี เขาเรียกว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกันไงก็ไม่ทราบ จะด้วยบุญบารมีอะไรก็ตาม พอได้เพลงครูคนนี้มันเกิดเลย อย่างเสรีก่อนที่จะมาบันทึกเพลง เขาเริ่มตั้งวงเสรี-พุ่มพวง ผมเป็นคนแต่งเพลงคู่ ร้องดีทั้งคู่ แต่ไม่เปรี้ยงปร้าง พอครูชลธีเขาแต่งไอ้หนุ่มรถซุงไป ดังเลย ของพุ่มพวงส่วนมากเป็นของครูลพ บุรีรัตน์ แต่งถูกทางไปหมด ทั้งที่แกแต่งเอาภาษาง่ายๆ บ้านนอกๆ แต่ต้องยอมรับว่าพุ่มพวงเป็นคนมีทักษะ ร้องเพลงดี ลีลาดีหน้าเวที การเอ็นเตอร์เทนอะไรอย่างนี้"
ชีวิตสมรส ส่วนตัวของครูชลธี มีข่าวกับคนล่าสุดยังไง?
"รู้ไม่มาก รู้แค่ว่าน้องคนนี้มาช่วยดูแล ครูเลยยกจากนักร้องประกวดมาเป็นแฟนกัน ช่วยปรนนิบัติไปไหนก็รู้อยู่ ครูชลธีจะ 80 แล้ว ไปไหนก็ต้องมีคนหิ้วปีกไปดูแล"
ใช้คำว่าเมียเด็กได้มั้ย?
"ก็ทำนองนั้นแหละครับ"
มีปัญหากับคนเก่า?
"ก็เห็นมีการฟ้องร้องกัน แต่จะลงเอยกันยังไงก็ไม่ทราบ วงการลูกทุ่งจะว่าแคบก็แคบ จะว่ากว้างก็กว้าง บางเรื่องเรารู้ตอนต้น แต่ไม่รู้ตอนจบ เขาลงเอยกันยังไงเราไม่ทราบ และไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวแกเอาเราไปพูดมั่งก็ปวดหัวเหมือนกัน (หัวเราะ) นักร้องลูกทุ่งเราไม่ได้ไปวิ่งหา เหมือนเราเป็นพระ คนก็จะเอาอาหารมาถวาย มาตักบาตร ถ้าเราไม่รับบาตร (หัวเราะ) นักร้องลูกทุ่งเป็นทุกคนแหละ"
"ผมเป็นคนค่อนข้างอาภัพ ไม่มีครู แปลกนะ ผมเคยคุยกับครูจิ๋ว พิจิตร แกแต่งเพลงให้พี่ไวพจน์ดังมาก เคยคุยกับครูลพ บุรีรัตน์ เคยคุยกับครูชลธี คุยทุกคนว่าขอเพลงครูสักเพลงสองเพลงจะได้เปลี่ยนแนว ก็ได้รับคำตอบเหมือนกันว่ามึงก็แต่งเพลงดีอยู่แล้ว แต่งมาแล้วร้องดีทุกเพลง ไม่มีใครให้ผม แต่ครูชลธีบริษัทไปติดต่อได้มา 3 เพลง แต่ไม่ถึงขนาดดัง แต่พอมีคนรู้จัก"
"ที่คนรู้จักทั้งประเทศก็มีรักจางที่บางปะกง เพลงนี้โป๊ะๆ ชึ่งเลย มันสนุก ผมแต่งเพลงผมนึกถึงสถาบันที่กำลังศึกษา เราเป็นลูกทุ่งที่มีการศึกษา ถ้าแต่งเพลงไม่สัมผัสอักษร ไม่สัมผัสแต่ละท่อน มันอายเขา เพลงนี้ผมได้รับรางวัลจากสมเด็จพระเทพฯ ทั้งร้องทั้งแต่ง ก็ภูมิใจมาก"
มีเพลงพิเศษอยู่เพลงนึง ที่นักศึกษาเอาไปใช้ประโยชน์?
"ที่จริงทั้งชุดเป็นเกี่ยวกับชาวนา เราเป็นนักร้องลูกทุ่งก็ต้องเกี่ยวกับท้องไร่ท้องนา แต่เราไม่รู้ว่าตอนนั้นนักศึกษารามกำลังลุยกับภาครัฐ ผมก็เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง เพราะไปทัวร์คอนเสิร์ต ก็เหมือนว่าได้ไปเที่ยวด้วย ก็เลยดร็อปการศึกษาไว้ก่อน แต่งเพลงเราคนจน โอ้ชาวนา รุ่นใหม่ไม่ต้องเอาไปเดินขบวนนะ เพลงผมนานแล้ว (หัวเราะ) จังหวะมันเร้าใจ ขึ้นคล้ายๆ เพลงเพื่อชีวิต"
เราได้ข่าวนักร้องตกอับหลายคน ทำไมเป็นแบบนั้น?
"ผมว่ามันเป็นวัฎจักรนะ เพลงลูกทุ่งเนี่ย เวลาดังมันมีกราฟที่สูงมาก สูงสุดแล้วมันตันแล้วก็จะลง"
นักร้องที่บิณฑ์ไปเจอ ก็เหมือนกัน?
"จริงๆ ไม่อยากจะเอ่ยเขาก็เหมือนน้องชาย แต่เขาก็ดื้อ จริงๆ ศิลปินมีเวลาทำงานวันนึงไม่เกิน 4 ชม. หลังจากนั้นเป็นช่วงการสังสรรค์ สรวญเสเฮฮา กินเหล้าสูบบุหรี่ ยาเสพติดก็มี การพนันก็เยอะ มันก็อยู่ในกลุ่มนี้ น้องก็ดื่มเหมือนแอลกอฮอล์ลิซึ่ม เลิกไม่ได้ นี่แหละเป็นเหตุ"
นักร้องพอมีรายได้เยอะๆ ทำตัวฟุ่มเฟือย ทำสิ่งไม่เหมาะไม่ควร?
"การบริหารเงินสำหรับนักร้องลูกทุ่ง กล้าพูดได้เลยว่าบางคนเงินล้านเดี๋ยวเดียวได้จับแล้ว ชาตรี ศรีชล , พิณ ภูไท ไปใต้หอบเงินล้านมาปูบนที่นอนแล้วนอนทับ แต่เวลาตายต้องเรี่ยไรเงินซื้อโลงศพ หมดครับ ได้ง่ายใช้จ่าย ได้เยอะใช้หมด คิดอย่างเดียวพรุ่งนี้ก็ได้อีกแล้ว พรุ่งนี้ก็มีรายได้ พอรายได้ขาดไปสักระยะก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง"
บางคนเหล้ายาปลาปิ้ง มีมั้ย?
"มี"
บางคนยาเสพติดมีมั้ย?
"ก่อนสมัยรุ่นผมมี แต่เป็นพวกกัญชา งอมแงม"
"เยอะ (หัวเราะ)"
"อย่างที่บอกการทำงานมันแค่ 4 ชม. ที่เหลืออีก 20 ชม. ว่างเยอะ การเริ่มจริงๆ ก็เล่นกันเองในวงตามสถานที่ต่างๆ เช่าโรงแรมเล่น แต่พอรายได้ดีขึ้น มากขึ้น ก็มีพรรคพวกชวนข้ามไปฝั่งโน้น ไปปอยเปต คาสิโน ตอนแรกเชิญไปร้องเพลงก่อน มีหลายคนครับผู้หญิงสาวๆ หลายคนที่ไปร้องเพลง พอร้องแล้วก็เริ่มรู้ว่าตรงนั้นไม่ใช่สถานที่ที่ร้องเพลงอย่างเดียว มีคาสิโนอีกหลายชั้น พอร้องเพลงเสร็จพรรคพวกก็ชักชวนเข้าคาสิโน่ มันก็สนุก บางทีเล่นเพลินๆ หมดเลยก็มี ไม่อยากพูดถึงคนที่เสียชีวิตไปแล้ว แอ๊ว ยอดรัก ไปลาสเวกัสอเมริกา ไปถึงปั๊บออกมานั่งดริ๊งอยู่ที่คาเฟ่ แอ๊วได้รางวัลหลายพันเหรียญ เป็นรางวัลจากการร้องเพลง ตอนนั้นเงินดีมาก รางวัลมากกว่าค่าตัว ค่าตัว 1500 เหรียญ แต่รางวัลเกือบ 2 พันเหรียญ ได้เยอะ ตัวเองไม่เล่น ก็เรียกลูกน้องให้ไปเสี่ยงดวง หายเงียบ โอ้โห 2-3 พันเหรียญก็เสียดายเนอะ เพราะมันหลายหมื่น"
เสียถึงขนาดมีการขายรถขายบ้านทิ้งบ้างมั้ย?
"มี การพนันนี่นะ เสียก็อยากได้คืน พอได้นิดหน่อยก็อยากได้มากกว่านั้นอีก มันก็สู้จนสุดชีวิต บางครั้งถึงขั้นเอากุญแจรถ เอารถไว้ก็มี"
เขาไม่ได้บทเรียนจากคนอื่นบ้างเหรอ?
"แหม ผมว่าชีวิตคนไทยกับการเสี่ยงเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นวัฒนธรรม เสี่ยงหวยรวยโปก็เหลือเกินนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สารพัดสารเพ"
"มันเริ่มจากที่เขาทำอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มา และขอความอนุเคราะห์ให้ศิลปินไปช่วยกันบวงสรวง แล้วมีการมาสัมภาษณ์ นับถือมั้ย อย่างหลวงปู่ทวด ไอ้ไข่ นับถือมั้ย มาทำไม มาเสี่ยงโชค ก็เริ่มจากการโฆษณาก่อน ครั้งแรกๆ บังเอิญคนไปซื้อถูก ตอนนี้ตั้งตัวเป็นสำนักเลย ทุกงวดต้องมานั่งบอกเลขนั้นเลขนี้ดี ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นการโปรโมต ซึ่งรับจ้างเขานั่นแหละ ให้ค่าน้ำมันรถสักหมื่นหรือห้าพัน ว่าให้ไปช่วยพูดหน่อยว่าตอนนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ตรงนี้ ผมเองก็เคยพานักร้องไป หลังจากนั้นคนก็ไปหาเลขชุลมุนกันหมด"
เอาตรงๆ ผิดมากกว่าถูกใช่มั้ย?
"ผิดมากกว่าถูก (หัวเราะ)"