แอน จักรพงษ์เปิดตัวทายาทที่ใช้เงินกว่า 30 ล้านถึงได้มา !!
เจ้าตัวได้เปิดหมดทุกมุมของชีวิต หลังโดน บูลลี่ หนักจึงเป็นแรงกระตุ้นให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เพราะคิดเสมอว่าชีวิตเราต้องลิขิตเองได้ทุกอย่าง เธอสร้างมาด้วยมือตัวเองล้วนๆ พร้อมเปิดตัวทายาทหมื่นล้านอาณาจักรเจเคเอ็น "แอนดรูว์ - แองเจลิก้า" ลูกโดยสายเลือด !!
จุดเริ่มต้นของความสวย ไปเริ่มต้นจากอะไร ??
แอน จักรพงษ์ : ไปเกาหลีก่อนเลยค่ะ เพราะไปซื้อคอนเทนท์ที่โน้นบ่อย แล้วกลายเป็นว่าโรงพยาบาลที่โน้นเขารู้จักเรา เริ่มต้นจากผมของเรามันร่วงแล้วมันเถิกเพราะว่าหาที่ปลูกผมให้เมืองไทยแล้วทำไมมันไม่ขึ้นสักที แล้วมีผู้ใหญ่มากๆแนะนำเราค่ะว่าทำไมไม่ไปทำที่เกาหลี เพราะยังไงเราก็ไปบ่อยอยู่แล้ว เขาก็ให้โรงพยาบาลเรามา 4-5 ที่เราก็เลือกแล้วตกลงจะไปนะ พอไปถึงคือ ที่มารับเราคือ VIP มากคือ เขาเอารถเบนซ์มารับเราเลย เราก็ตกใจเรายังไม่ได้ตกลงเลยว่าเราจะทำหรือเปล่า แค่มาคุยเฉลยๆเลยตอนนั้น เจ้าของมากันหมดเลยมานั่งมองเรา เขาบอกเราว่าผมทำง่ายมาก แต่ที่อยากทำให้ อยากโกรธนะ ของทำหน้าใหม่ทั้งหน้า เราก็อึ้งตกใจเลย
แอน จักรพงษ์ : เพราะ ณ ตอนนั้น เราเป็น แอนดรูว์อยู่เป็นผู้ชายเลย ตอนนั้นเราคิดว่าเราจะทำแค่ผม แต่ตอนนั้นคือ เราก็ปรึกษากับเพื่อนที่เป็นสตรีข้ามเพศที่ไปด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจทำก็ได้ เราก็บอกเขาว่าถ้าเธอทำให้ฉันหน้าเป็นผู้หญิงได้ทำเลย แต่ราคาเท่าไหร่เหรอขั้นตอนแรกที่ทำเลย 3 ล้านกว่าบาท เราบอกว่าเราไม่ทำหรอกแพงขนาดนี้ เราจะทำไม เขาบอกเราว่า หยุด...คือ ทำบอกว่าจะทำให้คือฟรีทั้งหมดตอนนั้นบินไปทำช่วงปีใหม่ ทรมานที่สุดเลยตอนนั้นจำได้
แอน จักรพงษ์ : เฉพาะ ผม กับหน้าอย่างเดียวค่ะ นั้นคือ ครั้งแรกนะคะ เพราะเขาทำตลอดมาเป็นระยะเวลา 5 ปี เขาออกให้ 20 ล้านกว่าบาท เราออกเอง 30 ล้านบาท รวม 50 ล้านบาท 5 ปีที่ผ่านมา แอน จักรพงษ์ ใช้เงินไป 50 ล้านบาท ในการทำศัลยกรรมหมดทั้งตัวยกเว้นเล็บเท้า ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง หน้าทำไม่รู้กี่รอบ ไม่เจ็บก็ไม่สวยค่ะ ที่ทำและเจ็บที่สุดคือ สะโพกหรือทำก้นคือเจ็บสุดล่ะ สองอาทิตย์ คือนอนคว่ำอย่างเดียวอยู่บนเตียง กินอะไรก็ไม่ได้ ต้องให้ยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมง
ทุกครั้งที่ไปเจอมีดหมอ คือ เราตั้งใจ ??
แอน จักรพงษ์ : เรามีความสุขค่ะ เพราะเราคิดว่าเราจะสวย ลิขิตชีวิตสวยด้วยตัวเอง เราบอกกับตัวเองเลยว่าเราต้องทำแบบนั้นให้ได้ คือ ทุบหน้าประมาณ 3 รอบ คือ ทุบกระดูกหน้าเลยค่ะ 3 รอบ ตา 3 รอบ จมูก 2
จากเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่เกิดมาในร่างผิดแล้วติดลบกับสิ่งนั้นมาตลอด วันแรกที่เห็นว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ร้สึกยังไง
แอน จักรพงษ์ : ร้องไห้เลยค่ะ และคิดว่ารางวัลชีวิตฉันมาแล้ว คือ ครั้งแรกสุดเนี้ยยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่นะ เพราะหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆเปลี่ยนไปๆแต่พอช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หน้าเปลี่ยนไปแบบคนละคนเลย ไปกูเกิลดูได้ค่ะแอน จักรพงษ์ ทุกคนก็คงคิดว่าสมควรแล้วใช้เงิน 50 ล้านบาท เพราะว่ามันต้องใช้นะ เพราะร่างเก่าเราอ้วนแล้วก็โทรมขนาดนั้น เราลดความอ้วนมา 25 กิโล ดูดไขมัน 5 รอบ หน้าอก 3 รอบ คือพูดจริงๆเลยคือคนช็อคเมื่อเห็นเราแบบนี้ แต่มีอยู่ 2 อย่างที่ไม่เปลี่ยน เสียงกับชื่อ ตั้งใจที่จะไม่เปลี่ยนค่ะ เพราะเป็นเอกลักษณ์ค่ะ เพราะทำให้คนเคารพและศัทธาว่า I'm a trans woman and I'm proud to be myself.
แต่กว่าจะมีเป็น แอน จักรพงษ์ ในวันนี้ ก็ต่อสู้มาเยอะ
แอน จักรพงษ์ : แอน อยากจะบอกอย่างนี้ คนที่เป็นโรคซึมเศร้า คือเจออย่างแอน หลายๆคนคืออาจจะบ้าไปเลย คือ อาจจะทำร้ายตัวเอง หรือประชดตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวคุณเอง คุณอย่ายอมแพ้ อย่าให้มาร อย่าให้ซาตานอย่างพวกผีปีศาจคนเหล่านั้น มาทำร้ายตัวเรา โดยการที่บอกว่าฉันโดนอีกล่ะ ยิ่งเราซ้ำเติม ยิ่งเราดราม่ากับตัวเอง ยิ่งไปกันใหญ่ จงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ โชคดีที่เกิดขึ้น ฉันจะได้รู้ความแกร่งคืออะไร มาดูฉันสิครั้งต่อไป ฉันจะลุกขึ้นสู้ให้ดู นั้นแร่ะ คือสิ่งที่แอนทำ ลุกขึ้นแล้วจับไมค์โคโฟน แล้วก็ไปเป็นกัปตันโรงเรียน ยิ่งพูดบนเวที ยิ่งคนมาดูเยอะเท่าไหร่ เรามีความสุขมา แอน จักรพงษ์ มีความสุขจริงๆคือมันเป็นเพื่อนของเรา จนกลายเป็นเราฝึกการเป็นผู้นำจากตรงนั้น ที่เรามาเป็นกัปตันโต้วาที มาเป็นนักพูดของโรงเรียน แล้วก็เรียนได้ที่ 1-2 ตลอด เพราะเรารักตัวเอง เพราะเราถูกละเมิดมา ถูกบูลลี่มา แล้วคือ เราไม่รู้จะทำยังไง แล้วมันถูกขังอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ของเรา ไม่มีทางอื่นเลยค่ะ ต้องทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุดเลยคือ ความเจริญของตัวเองซึ่งเป็นข้อเดียว ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเอง เก่ง เด่น ประสบความสำเร็จ นั่นคือความสุขของตัวเรา
แอน จักรพงษ์ : เพราะเราไม่สามารถมีความรักแบบหนุ่มสาวคนอื่นได้ เราไม่สามารถเป็นตัวเองได้ แต่ตัวสวยๆของคนอื่นได้ แล้วความสุขของเราจะมาจากอะไรนอกจากประสบความสำเร็จ เรียนให้เก่ง ให้คนชื่นชมแอน จักรพงษ์ : พอเราจบม.5 เราไปยื่นใบลาออกเลย ไม่ได้คุยกับคุณพ่อด้วยเพราะกลัวว่าท่านจะไม่ให้เราลาออก เพราะหมัดมือชกเขาเลยว่าเราไม่เรียนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ช็อคมากที่เราลาออก แล้วเราบอกเขาว่าเรียนไม่ได้แล้วจริงๆเพราะเรียนต่อไปเสียเวลาชีวิตเราแน่นอน เพราะเราไม่ชื่นชมระบบการศึกษาที่เรียนอยู่ เรารักตัวเองมากๆสิ่งที่เรียนอยู่ไม่ใช่ตัวฉันแล้ว ฉันบินไปเรียนเมืองนอกดีกว่าเพื่อที่จะไปเรียนภาษาอังกฤษ ตอนนั้นไปเรียนที่ ออสเตรเลีย ที่บ้านคือ ให้เงินเราก้อนเดียวนิดเดียว และนอกนั้นคือ เราไปทำงานเป็นเด็กปั้มน้ำ เราคิดว่าอย่างเดียวฉันต้องไปเรียนรู้โลกกว้างเพื่อที่จะได้วิสัยทัศน์ เราไม่เคยเสียใจที่เราลาออกมาเลย เพราะตอนนั้นที่เราลาออกเรารู้ตัวเราตลอดว่าเราอยากไปเรียนภาษาอังกฤษ และ รัฐศาสตร์ เรารักตัวขนาดนั้นเพราะถูกบูลลี่มาเยอะ ถูกกดดันมาเยอะ จนกลายเป็นว่าการสิ่งไหนที่เราสามารถสร้างความเจริญให้กับตัวเองได้มากที่สุดเราจะทำพอเราประสบความสำเร็จทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งหนึ่งเลยที่เรา
แอน จักรพงษ์ : พอเราไปถึงฝั่งฝันแล้ว บริษัทกลายเป็นมหาชนเรียบร้อยแล้ว ตัวของเราเลยบินไปที่อเมริกาเพื่อไปฝากสเปิร์ม เพราะตอนนั้นยังไม่กล้ากินฮอร์โมน ยังไม่กล้าทำอะไรกับตัวเองเลยนะคะ แต่ตอนนั้นเราแค่ทำหน้า ตอนนั้นทำแค่ให้ตัวเองมีการพัฒนาขึ้น แต่ยังไม่ได้เป็นผู้หญิง เราก็ไปฝากสเปิร์มแล้วก็ไปเลือกผู้หญิงที่เป็นเจ้าของไข่ที่จะมาผสมกับสเปิร์มของเรา คนที่เราเลือกมาเป็น egg donor ได้เป็นชาวเยอรมัน ที่อยู่ในอเมริกา ผมสีบลอนด์สวย ประวัติการศึกษาดี อายุแค่ 22 คือ สุขภาพร่างกายดี แล้วเราก็เอาไข่ของเขามาผสมกับสเปิร์มเรา ได้ออกมาเป็น embryo (หรือ อุ้มบุญ) เมื่อผสมแล้วเราก็ยิงไปสู่ ผู้หญิง ผิวดำ คนหนึ่งและ ละติน คนหนึ่ง เราสามารถเลือกเพศได้ด้วย คนแรกจึงเป็นผู้ชาย และอีกคนเราให้เป็นผู้หญิง เราใช้เงินทั้งหมดที่ได้ลูกสองคนนี้มา คือ 30 ล้านบาท คุณพ่อคุณแม่คือ ดีใจมาก
แอน จักรพงษ์ : เพราะความใฝ่ฝันของเราอยากจะมีลูก เพราะเรารักเด็ก
ซึ่งเบนจามินวันนั้นพอได้ยินว่าเราจะไปรับลูกเขามีความรู้สึกยังไงบ้าง ??
แอน จักรพงษ์ : ตกใจค่ะ เพราะเราไม่กล้าเล่าให้เขาฟัง แต่ก่อนที่เราจะบอกเขาว่าเราจะไปรับลูกเราก็กลัวนะคะว่าเขาจะรับได้ไหม เพราะไม่ใช่ลูกเขา แต่เอาจริงๆพอบินไปแล้ว ณ วันที่เราบินไปคือลูกกำลังจะเกิดแล้วนะ เพราะเราให้เขาอุ้มที่อเมริกา และถูกกฎหมายทั้งหมด และลูกทั้งสองคนของเราได้เป็นสัญญาณชาติอเมริกันหมดไม่ได้เป็นคนไทย พอมาอยู่เมืองไทยก็ต่อวีซ่าที่เมืองไทยตลอดเวลา พอเราบินไปรับลูกแล้วเราก็ได้ส่งภาพมาให้เบนจามินดู เขาก็ส่งข้อความมาว่า ยินดีและมีความสุขกับคุณด้วย แล้วก็มีอักประโยคหนึ่งที่เขาส่งมาคือ ฉันอยู่ที่นี่ด้วย !! เขาบินตามเราไปเซอร์ไพร์สเรา เขาบอกว่าเธออยู่ตรงไหนฉันจะมาหา อยู่ตรงไหนฉันจะตามไปให้ให้ได้ (ตอนนั้นเราน้ำตาไหลเลย) แล้วอีกอย่างหนึ่งที่เขาบอกเราคือ เขาคิดกับเรามากกว่าคำว่าเพื่อนแล้ว คือ วันนั้นได้ลูกแล้วก็ได้แฟนด้วย คือ ได้คบทุกอย่างเลย
พอเราเห็นว่าลูกเราเกิดขึ้นมา เรากำลังจะแม่แล้ว รู้สึกยังไง ??
แอน จักรพงษ์ : นึกไม่ถึงว่าเป็นแม่คนจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นาทีแรกที่เห็นเขา ที่เราอุ้มเขา เรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่เรารอมานานที่สุดแล้ว (เล่าแบบน้ำตาคลอ) เราคิดตอนนั้นว่า หนูมาได้ยังไง หนูมาเกิดอยู่กับแม่ได้ยังไง คิดว่าฉันเป็นแม่คนแล้วเหรอ น้ำตาแตกเลยวันนั้น
(เปิดตัวลูกชาย และ ลูกสาว "แอนดรูว์ - แองเจลิก้า")
ถาม คุณแม่รู้สึกยังไงบ้างที่มีหลาน ??
คุณแม่ (แอน จักรพงษ์) : ดีใจมากๆค่ะ หลานเหมือนยาอายุวัฒนะนะคะ ทำให้เราอยากจะอยู่ต่อไป
คุณแม่ (แอน จักรพงษ์) : ถามว่าเรารับได้ไหมที่ลูกเราเป็นแบบนี้เรารับได้นะคะ เพราะเรารู้มานานแล้วที่เขาเป็นแบบนี้ ไม่ว่าลูกเราจะเป็นยังไง เพศไหน ความห่วงใยของคนเป็นแม่ยังไงก็ห่วง แต่เขาอาจจะคิดว่าความห่วงของเราคือรับไม่ได้ แต่จริงๆแล้วลูกต้องมายิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้อยู่แล้วนะคะ
สามารถรับชมคลิป แอน จักรพงษ์ พลิกชีวิตจากเด็กปั๊มสู่สตรีข้ามเพศพันล้าน ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป