พ่อรอง สุดกลั้นน้ำตา ชีวิตวันที่ไร้ แม่ทุม ตัดสินใจขายบ้านอยู่ไม่ได้แล้ว
แม่ทุมอยู่โรงพยาบาลยาวนานมาก ?
"8 ปีกว่า แรกๆ เป็นไทรอยด์ แต่ต่อมาเอ๊ะ ทำไมทรุดลงๆ เวลาไปหาหมอ เราก็บอกหมอว่าเขาเป็นไทรอยด์ อาจเป็นเพราะเราก็ได้ เพราะหมอไม่ทันวินิจฉัยโรค เราบอกเลยว่าเขาเป็นไทรอยด์ เลยไม่ได้ดูแลโรคอื่น ดูแค่ไทรอยด์อย่างเดียว วันดีคืนดีเขาทรุดลงๆ ปวดเมื่อยไปหมด เดินเหินไม่ได้ บอกว่าพ่อ ทุมปวดจนทนไม่ไหวแล้ว จนเขาช็อกเอาไปโรงพยาบาลหลายโรงพยาบาลมาก จนสุดท้ายบอกเขาว่าแม่เวลานี้หมอบอกว่าต้องอยู่ยาวนะ ถ้าเข้าๆ ออกๆ ก็ไม่หายซะที เลยเอาเข้าเจริญกรุงประชารักษ์ หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS กล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้ายแรง แต่เขาไม่มั่นใจนะ เอาเป็นว่าส่งไปตรวจดีกว่า มีเครื่องใหม่มาที่โรงพยาบาลรามาฯ ก็ส่งไปตรวจก็ขึ้นมาเลยว่า ALS ระยะสุดท้าย"
ทราบแล้วบอกเขาไหม ?
"ยังไม่บอก เขาก็ยังพูดกับพยาบาลได้อยู่ แต่ต่อมาเริ่มทรุดลง เริ่มไม่พูด แต่เวลาเราไปหลานไปก็ยิ้มกับเรา จนสุดท้ายก่อนเสียปีสองปี เริ่มไม่พูดไม่อะไรทั้งสิ้นไม่มีตอบโต้ เราไปก็มองเรานิดแล้วไปมองที่อื่น เขารับรู้ได้แต่ไม่สามารถสื่อสารกับเราได้"
"พ่อจะนอนแล้ว เพราะมีงานตอนบ่าย สักพักยุ้ยบอกว่าพ่อแต่งตัว โรงพยาบาลโทรตามให้ไปดูแม่ด่วน ออกจากบ้านไปถึงโรงพยาบาลสองยามครึ่ง ตอนนั้นเขาเริ่มไม่รู้เรื่องแล้ว ความดันเหลือ 80-90 แล้วก็เริ่มลดลงๆ ลูกชายสวดมนต์เก่ง ก็บอกให้ลูกสวดมนต์ให้แม่ฟัง เขาก็สวดมนต์ข้างหูแม่ตลอด จน 02.25 ก็รู้แล้วว่าเขาไปแล้ว"
ได้พูดอะไรกับแม่ทุมในวินาทีนั้น ?
"ทุกครั้งที่ไปหา จนวินาทีสุดท้ายก็บอกว่าพ่อรักแม่นะ เขาน่าจะรับรู้นะ มีอะไรอย่างนึงที่ทุกคนไม่ได้สังเกต แต่พ่อสังเกตเห็น ตอนบอกว่าพ่อรักแม่ น้ำตาข้างซ้ายเขาไหล"
แม่ทุมเคยพูดสั่งเสียอะไรไหม ?
"ไม่เลย เขาก็ไม่รู้ว่าวันหนึ่งเขาเป็นแบบนี้ ทุมเป็นโรคแปลกเวลาเป็นอะไรเขาไม่เคยไปหาหมอ วิเคราะห์เอง รักษาเอง ให้คนไปซื้อยามาให้ หมอบอกว่านี่ก็อาจเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดโรค ALS ขึ้นมา เรามั่นใจว่าเขาต้องได้กลับบ้าน เขาก็คิดว่าเขาต้องได้กลับ ไม่ได้คิดว่าเขาจะไม่ได้กลับ ลูกก็คิด จนปีหนึ่งแล้ว สองปี สามปี สี่ปี จนปีที่ห้า ถามคุณหมอที่ดูแลเขาว่าหมอครับ เขาจะมีทางได้กลับบ้านไหม หมอบอกว่าคงจบที่นี่แหละ"
พอได้ฟังแล้ว ?
"มันเข่าอ่อนตั้งแต่หมอบอกว่าหมดทางรักษา โรคนี้แปลกมากไม่มียารักษา รักษาตามอาการ แต่ก็มียาอยู่ตัวหนึ่งต้องสั่งจากเมืองนอกเข้ามา เอาไหมช่วยได้ 5 เปอร์เซ็นต์เอง ยุ้ยบอกเปอร์เซ็นต์เดียวก็เอา แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ เราคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาต้องดีขึ้น"
"จริงๆ ไม่เคยบอกให้ใครฟังเลย ตั้งแต่เขาเริ่มเจ็บป่วย 20 กว่าล้าน ค่าคนดูแลเพราะพ่อคงไม่มีเวลาไปนั่งดูแลตลอด เพราะงานเยอะมาก ลูกก็งานยุ่ง ต้องจ้างคนเฝ้า เดือนหนึ่งตก 3 หมื่น บ้านเขาอยู่ไกลมาโรงพยาบาลลำบาก ก็เช่าคอนโดให้เขาอยู่ รวมถึงทุกอย่าง"
เท่าไหร่พ่อก็เต็มใจจ่าย ?
"พ่อไม่สนใจ พ่อบอกยุ้ยไม่ต้องมาบอกพ่อนะว่าค่ารักษาเท่าไหร่ พ่อยังมีแรงทำงานได้ มีแรงช่วยรักษาแม่ได้ หมดเท่าไหร่ก็หมดไป ขอให้คนที่พ่อรักไม่เป็นอะไร"
พ่อรองคิดว่าแม่ทุมต้องหาย ตอนไหนที่รู้สึกว่าไม่หายแล้ว ?
"ก่อนเขาเสียประมาณหนึ่ง หมอเรียกพ่อกับยุ้ยไปคุยว่าต้องทำใจแล้วนะ ทางการแพทย์หมดทางรักษาแล้ว เรารู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
ได้ให้สัญญาณอะไรกับแม่ทุมบ้าง ?
"ไม่เลย พ่อก็พูดเหมือนที่พ่อเคยพูด ว่าแม่ เมื่อกี้หมอบอกว่าแม่แข็งแรงมากนะ แม่ต้องสู้นะ หมอบอกแม่จะหายแล้วนะ แม่จะได้กลับไปบ้านแล้ว เราก็หลอกเขาแบบนี้ทุกวัน หลอกตัวเองด้วยว่าต้องมีปาฏิหาริย์เล็กๆ ตรงไหนใครบอกศักดิ์สิทธิ์ พ่อไปทั่วประเทศไทย ไปขอๆ จนสุดท้ายเราก็รู้ว่าไม่ได้ มันต้องไปตามกฎแห่งกรรม"
"ความดันเริ่มลดลง ตอนนั้นไปทุกวัน ก็ถามคนเฝ้าว่าทำไมความดันมันลดลง ทุกคนก็ปิดหมดเลย ยุ้ยคือตัวรู้ 3 วันสุดท้ายหมอบอกยุ้ยแล้วว่าให้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่คุณทุมเสียชีวิต ให้เตรียมเอกสารทำใบมรณบัตร แต่ไม่มีใครบอกพ่อเลย โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง เขาไม่อยากให้พ่อเสียใจ"
3 วันสุดท้ายสังเกตว่าความดันลด ?
"ความดันลด แล้วนั่งๆ อยู่เดี๋ยวเครื่องก็ปิ๊ด พยาบาลมาปรับ เราก็ชักแปลกๆ นึกในใจว่าสงสัยใกล้เวลาแล้ว ตาก็ชำเลืองมองความดัน มันก็ลดลงๆ รู้แล้วว่าอะไรกำลังจะเกิด เราพยายามไม่คิด จนยืนมองหน้าเขา หอมแก้มเขาครั้งสุดท้าย เงยหน้าขึ้นมาเครื่องปิ๊ดพอดี 02.25 น."
หลังเครื่องปิ๊ดยาว ?
"น้ำตามันไหลไม่รู้ตัว พ่อเปิดประตูไประเบียงเลย ไม่อยากให้ลูกเห็น ถ้าเขาเห็นเรามีอาการอย่างนี้จะยิ่งแย่ ต้องมีคนตั้งสติได้คนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าทั้งหมดยุ้ยเป็นคนสติดีที่สุด น้องบอกว่าแม่ไปสบายแล้ว ปลอบเรา เขาก็แย่นะไม่ใช่ไม่แย่ แต่เขาเก็บความรู้สึกเก่ง"
ตอนแม่ทุมจะเสีย เห็นว่าช่วงหนึ่งพ่อรองล้มเข้าโรงพยาบาล ?
"เดินอยู่ในห้องพระ เอื้อมมือไปจะเอาพวงมาลัยถวายพระ แล้วรู้สึกว่าจะล้ม ไม่ไหวแล้ว พยายามจะให้ถึงข้างฝาให้ได้ ช่วงนั้นร่วงพอดี ที่บ้านโดดรับทัน ช่วงนั้นเป็นช่วงทุมทรุด เขาก็ส่งโรงพยาบาล"
"ไม่รู้ตัวเลย น็อกเลย ไปอยู่โรงพยาบาล แล้วก็ถามว่าแม่เป็นยังไงบ้าง ใครไปดูแม่ มันเหมือนปาฏิหาริย์ ทุมดีขึ้น พอออกจากโรงพยาบาล ทุมก็เริ่มทรุดลง เข้าโรงพยาบาลไปสองวันเอง ไม่เป็นอะไรมาก แต่แม่ทุมดีขึ้น พอออกจากโรงพยาบาลไปถ่ายละคร ยุ้ยโทรมาบอกว่าพ่อ แม่ทรุดแล้วนะ"
เหมือนรับรู้ได้ว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลเขาห่วงพ่อ?
"พ่อก็คิดว่าเขาห่วงพ่อ ชีวิตเขา เขาห่วงพ่อที่สุด"
กระซิบที่หูแม่ทุมว่าไหนบอกว่าจะไม่ทิ้งกันไป ?
"ตอนรดน้ำศพ น้ำตาไหลตลอด เขาจะเอาลงหีบ ก็บอกว่าขอเวลาอีกแป๊บได้ไหม หอมแก้มและกระซิบข้างหูเขา ทำไมแม่ไม่รักษาสัญญากับพ่อ แม่บอกว่าจะไม่ทิ้งพ่อ เราจะไม่ทิ้งกัน แล้วแม่ทิ้งพ่อทำไม"
วันนี้ไม่มีแม่ทุมแล้ว ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ?
"มันเหงา พอทุกคนขึ้นนอนกันหมดก็นอนไม่หลับแล้ว นั่งมองหน้าต่าง มองฟ้า ตอนนี้ก็นอนไม่หลับ บางวันหลับคาเก้าอี้"
ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตแบบปกติได้หรือยัง ?
"คงอีกนาน คนอยู่ด้วยกันแม้แต่เวลานอนก็จับมือ วันไหนพ่อไปดื่มกับเพื่อนมา พอนอนเขาก็คว้ามือไปจับแล้ว แล้วก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ตั้งแต่อยู่กันมา 50 กว่าปี ก็ต้องหอมแก้มทุกวัน มันเหมือนมันขาด เราก็ไม่รู้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากทุมทั้งนั้น สิ่งดีๆ เหล่านี้เริ่มจากเขาทั้งนั้น ตอนเขาเจ็บหนักเราไปเยี่ยมโรงพยาบาล ก็ไปหอมแก้ม ว่างก็ไป แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะหอมแก้มใคร หอมแก้มหลานก็เท่านั้น"
"เคย พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่ค่อยใช้สติ ใช้อารมณ์ แม่ทุมเย็นมาก ต้องบอกว่าเวลามีอะไรพ่อโวยวายเขาจะไม่พูด เขาจะนั่งเฉยๆ มองเรา พอเราเหนื่อยเขาก็จะถามว่าพอหรือยัง ถามว่าโกรธไหม คนไม่ผิดอยู่ดีๆ มาถูกว่าถูกด่าก็ต้องโกรธ เราก็อ้าวไม่เห็นแม่พูดเลย เขาบอกว่าก็ฉันรักเธอไง เลยไม่พูด เขาสอนเราหลายอย่าง จะอยู่กันให้ยืนยาว คนหนึ่งเป็นไฟ อีกคนต้องเป็นน้ำให้ได้ ถ้าเป็นไฟทั้งคู่จะวายวอด เขาทนเป็นน้ำที่สุด"
มีช่วงโกรธไหม ?
"ก็มี บางทีเราก็เป็นแบบเขา เราก็นั่งเฉย เป็นน้ำบ้าง"
สองเดือนที่ผ่านมา ใช้ชีวิตประจำวันยังไง ?
"เมื่อก่อนเช้าตื่นขึ้นมาเขาจะใส่บาตร แล้วทุกอย่างมันหาย ที่พอเหลือให้เราไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ไปหอมแก้ม แต่ทุกวันนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว"
บ้านเดิมก็อยู่ไม่ได้ ?
"อยู่ไม่ได้ ต้องขาย เพราะเขานั่งอยู่ทุกที่ เดินไปตรงไหนก็เห็นเขา ตอนนี้เอารูปที่ไว้หน้าหีบศพเอามาไว้ในห้องนอน นอนดูรูปทุกวัน"
เห็นว่าตั้งแต่แม่ทุมเสีย เขามาหาพ่อรองด้วย ?
"เขาไม่ได้มาหาพ่อหรอก ฝันคืนวันที่ 15 ต.ค. เขามายืนอยู่หน้าบ้าน ในฝันก็ถามว่ามายืนทำไม เขาก็สูบบุหรี่ รั้วมีบ้านเลขที่ 381 เราก็บอกว่าเข้ามาเร็วๆ พ่อจะไปอาบน้ำทำงานแล้ว เราก็สะดุ้งตื่น เราไปดูที่เขายืน เห็นบ้านเลขที่ วันรุ่งขึ้นลอตเตอรี่ออก เราก็ซื้อทุกวิถีทางที่จะซื้อได้ ไม่เคยซื้อมากขนาดนั้น แต่คราวนั้นซื้อมากแล้วก็ถูกด้วย เราคิดว่าเขาคงรู้ว่าผัวเขาเงินทองแทบไม่เหลือแล้ว มาให้โชค"
"แม่ทิ้งพ่อไปทำไม จะพูดยาวกว่านี้ พ่อไม่ดีเหรอ แม่ถึงทิ้งพ่อไป (เสียงสั่นเครือ)"
พ่อรองคิดว่าแม่ทุมยังอยู่ ?
"ทุกวันนี้เหมือนเขาอยู่รอบตัวพ่อตลอด อย่างงานศพ สวด 7 คืน พ่อรู้สึกว่าพ่อเดินไปไหน เขาอยู่กับพ่อตลอด พ่อได้กลิ่นเขา กลิ่นที่พ่อหอมแก้มเขาครั้งสุดท้ายก่อนลงหีบศพ กลิ่นนั้นติดจมูกพ่ออยู่ เหมือนเขาห่วงพ่อมาก"
ที่บ้าน เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว ?
"ตอนนั้นเราคิดว่าทุมคงไม่ได้ใส่แล้ว ยุ้ยก็บริจาคไป พวกสาวประเภทสอง ลูกน้องทุมก็เอาไป แต่ยุ้ยเขาเก็บชุดที่แม่รักที่สุดเอาไว้ เอาไว้ใส่วันสุดท้ายของแม่"
ทุกวันนี้เวลาคิดถึงแม่ทุม จะใช้วิธียังไงสื่อสาร ?
"สวดมนต์ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขา บุญกุศลใดๆ ที่พ่อทำไว้ดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พ่อยกให้แม่ทั้งหมด"
เกือบจะถึง 100 วัน ?
"วันที่ 15 ธันวาคม เร็วมาก ก็คงทำบุญเลี้ยงพระให้เขา เสร็จแล้วจะหาช่วงว่าง บอกลูกไปพักผ่อนสมอง เพราะมันเครียดมาก ตลอดเวลาที่ดูแลมา"
52 ปีที่ใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นคู่ติดกันมากๆ เคยสัมภาษณ์ที่บ้าน เห็นความสวีต อยากให้เล่าถึงความประทับใจ ?
"ต้องบอกว่ามีหลายส่วนนะ ส่วนแรกคือเขาเป็นคนดีจริงๆ ไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร มีแต่ให้ ขนาดเราบอกว่าไอ้นี่มันเลวนะ เขาก็ถามว่าแล้วเธอดีแค่ไหน คนเรามีโอกาสพลาดทำไมไม่ให้คนกลับเนื้อกลับตัว ถ้ามีเงินพันหนึ่งก็ให้เขาไป 200 ประตูบ้านพ่อแทบไม่ได้ปิด ไม่รู้จะปิดยังไง คนมาตลอด คนในวงการบันเทิงไปกินไปนอนที่บ้านเป็นร้อยๆ คน เขาเป็นคนดี ใครอยู่ใกล้ก็รักเขา อะไรที่พ่อรองเคยทำตัวแย่ เขาสอนพ่อทั้งหมด"