ฟ้าใส ปวีณสุดาเคลียร์ใจเรื่องนางงามไร้มง ฉะสัญญาเปลี่ยน
พี่เอสเพิ่งมาเป็นผู้จัดการไม่นาน รู้เรื่องทั้งหมด?
พี่เอส : ต้องบอกว่ารู้เยอะกว่าที่แถลงไปอีก เพราะว่าน้องมาเรียนเรื่องการตอบคำถามการเป็นางงามกับพี่ก่อนมาประกวดที่ไทย เรียนมาตลอดเป็นปี ฟ้าใสปรึกษาละเอียดทุกขั้นตอน แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นผู้จัดการ รู้สึกว่าถ้าเราไปตัดสินใจแทนน้องมันเกินหน้าที่ของคำว่าครู ได้แค่คำปรึกษาเบาๆ
ดราม่าไม่เซ็นสัญญาเพราะว่าเรื่องเยอะ?
ฟ้าใส : ไม่ใช่คะ ที่ไม่มีการเซ็นเนื่องจากว่าทางคู่กรณีเขาเปลี่ยนสัญญามาตลอด
คริส (ทนาย) : มีข้อที่สำคัญอย่างเช่นเงินรางวัลได้รับ 1,500,000 บาท หลังการประกวดเสร็จไม่เกิน 30 วัน ต้องได้รับเงิน 750,000 บาท ตอนนี้ยังไม่ได้
พี่เอส : ตั้งแต่ได้รับตำแหน่งแล้วรับงานมา หักให้ 30% ทุกงาน
คริส (ทนาย) : เรื่องที่แฟนๆ นางงามให้ความสนใจเรื่องมงกุฎในสัญญาผู้ประกวดถ้าได้รางวัลเป็นมิสยูนิเวิร์สจะได้รับมงกุฎเป็นของฟ้าใสตั้งแต่วันที่ประกาศผล วันที่ได้รับตำแหน่ง ถือเป็นการรับมอบเรียบร้อยแล้ว
พี่เอส : เขาบอกว่าไม่ได้ เพราะไม่ได้เซ็นฉบับที่ 2 ฉบับแรกมีสัญญาเป็นนักแสดงด้วย 2 ปี รถยนต์ 1 คัน ที่พักประจำตำแหน่ง 1 ปี ยี่ห้อรถไม่เขียนระบุแต่ประกาศบนเวทีเป็นรถยุโรป จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับ มีของรางวัลสปอนเซอร์ใช้ตลอด 1 ปี พอได้ตำแหน่งก็มีฉบับที่ 2
ฟ้าใส : ก็มีการเปลี่ยนจาก 2 ปีไปเป็น 3 ปี จากนักแสดงไปเป็นศิลปินก็คือครอบคลุมทุกอย่าง นักร้อง เดินแบบ ถ่ายแบบ เปลี่ยนเปอร์เซ็นต์จาก 70-30 ไปเป็น 65-35
พี่เอส : แล้วมีการว่าถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์สจะเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์การหักทั้งหมดเป็น 50% สัญญาฉบับที่ 3 ไม่ได้เปลี่ยนแค่เนื้อหาบางเรื่อง มันเปลี่ยนของรางวัลเลย อย่างก่อนหน้านี้มงกุฎสวารอฟกี้ ฉบับนี้เป็นมงกุฎที่ระลึก
ฟ้าใส : อยู่จนกระทั่งเซ็นข้อตกลงอันสุดท้าย อยู่กองตั้งต่ช่วงปีใหม่แล้วคะ
ลายมือใครเป็นคนเขียนในเอกสาร?
ฟ้าใส : ฉบับที่ 2 เป็นลายมือคุณแม่ คุณแม่จะเขียนเพื่อขอรายละเอียด และเพื่อแก้ไข
พี่เอส : คุณแม่แก้ให้เหมือนตรงกับฉบับที่ 1 ด้วยลายลักษณ์อักษรและปากเปล่าด้วย สุดท้ายมันมีการแก้แต่ไม่ได้ทั้งหมด ไม่มีระบุยี่ห้อรถ และบ้านพักประจำตำแหน่งที่ไหน หนูได้ข่าวมาว่าหนูจะอยู่ที่นั่นได้แค่ถึงสิ้นเดือนธันวาคมเท่านั้น เรื่องเปอร์เซ็นต์ก็มีการแก้ให้เป็น 70-30 ตามเดิม
จะฟ้องมั้ย?
ฟ้าใส : หนูมองว่าเซ็นข้อตกลงอันสุดท้ายไปแล้ว ทางกองก็ได้ให้โอกาสได้มีทุกวันนี้เป็นมิสยูนิเวิร์ส หนูพร้อมที่จะอโหสิและมูฟออน แต่เรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิดหนูต้องการออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าหนูเรื่องเยอะ ไม่ใช่ว่าหนูหัวหมอแล้วเปลี่ยนสัญญา ตอนที่มีข่าวออกมาก็มีหลายคนว่า หนูรู้สึกว่าทำไมเขามองเรา ทำไมมีการคาดเดาแบบนี้ ทำไมถึงไม่ถามหนู
เซ็นฉบับสุดท้ายว่าอะไร?
ฟ้าใส : สัญญาฉบับที่ 3 มันมีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เช่นในเรื่องของงานการกุศลและอื่นๆ
พี่เอส : งานการกุศลและอื่นๆ ออกตามความเห็นชอบของกอง แล้วน้องต้องรับผิดชอบแต่งหน้าทำผมเอง ในสัญญาเขียนว่า ถ้าแต่งตัวไม่เหมาะสมจะส่งลายลักษณ์อักษรเตือน 3 ครั้ง ถ้าเตือนแล้วไม่ดีขึ้นก็ปรับ 100,000 บาท
อ่านถึงตรงนี้รู้สึกยังไงบ้าง?
ฟ้าใส : หนูรู้สึกตกใจว่าทำไมเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ ตกใจมากที่สุดคือในฉบับแรกบอกว่าหน้าที่บริษัทมอบเงินรางวัลและของรางวัล แต่พอฉบับที่ 3 เขาตัดหน้าที่ออก
ทำไมถึงตัดสินใจจบปัญหาไม่เอามง?
ฟ้าใส : ในข้อตกลงฉบับสุดท้ายที่เข้าไปเซ็น หนูเข้าใจว่าในเมื่อหนูชนะบนเวทีอย่างถูกต้องและเป็นเอกฉันท์ ดังนั้นคำว่านางงามมันต้องมีสายสะพายและมงกุฎอยู่แล้ว หนูเข้าใจว่าสิ่งพวกนี้หนูต้องได้ ตอนนั้นเลยมีการตกลงกัน
พี่เอส : ไปขอให้ว่าน้องทำงานแล้วขอ 500,000 แล้วกัน
ฟ้าใส : เพราะว่าตอนแรกจะไม่ให้เงินเลยสักบาท แล้วทนายบอกว่าน้องทำงานทำหน้าที่ตามสัญญาฉบับแรกแล้ว ทำไมไม่ให้น้องเลย ก็มีการตกลง 500,000 บาท แต่มงกุฎไม่ให้นะ ตอนนั้นช็อก มันไม่ใช่ของหนูหรอเพราะหนูก็ได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วฟ้าใส : สำหรับหนูถ้าไม่ให้มง ทำไมหนูไม่ได้เงินล้านห้าละ มงกุฎเป็นของหนูตั้งแต่วันที่ชนะแล้ว
มีบางงานที่ไป นางงามคนอื่นมีสายสะพายมีมงแต่เราไม่มี?
ฟ้าใส : ต้องยิ้มสู้คะ ตอนนั้นต้องคิดบวกว่าเราเด่นสุดเนาะ ไม่มีอะไรต้องคิดบวกไว้ก่อน
พี่เอส : มันมีเหตุการณ์นึงที่น่าสงสารวันอำลาตำแหน่ง ตอนที่ลงจากเวทีแล้วเขาจะเอามงกุฎคืน
ฟ้าใส : หลังจากที่มอบตำแหน่งให้กับน้องๆ แล้ว จะมีการลงมาเปลี่ยนชุดไปถ่ายรูปกับแฟนคลับ ตอนนั้นคือหนูออกไปจะมีคนที่ถือกล่องมงกุฎตามหนูออกมาข้างนอก เขาจะเก็บเลยแต่หนูให้พี่เอสไปช่วยพูดอยากถ่ายรูปที่มีมงกุฎ เขาจะให้หนูเอามงกุฎออกตั้งแต่เดินลงจากเวทีแล้ว
ทางคู่กรณีพูดแล้วว่าถ้าคุณเหมาะสมให้มาเอามงไป ทำไมไม่ไปเอา สัญญาก็ระบุ?
ฟ้าใส : มีการนัดเข้าไปแล้ววันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ตอนบ่าย 3 หนูมองว่าได้ทำหน้าที่ครบถ้วนที่ดำรงตำแหน่ง
เซ็นสัญญาแล้วทำไมถึงไม่ได้รางวัล?
คริส (ทนาย) : สัญญาที่ฟ้าใสเซ็นไป ต้องถามเจ้าตัวว่าวันนั้นทำไม อะไรคือสาเหตุที่เซ็นไม่เอา
ฟ้าใส : เรียกว่าเป็นการกดดันดีกว่าคะ ฟ้าใสต้องเข้ามาเซ็น มีทั้งจดหมายทนาย มีทั้งการกดดัน หนูก็เลยต้องเข้าไป พอเข้าไปหนูถามว่าข้อตกลงฉบับที่ 3 หนูไม่เซ็นอยู่แล้ว ขอไปเป็นเหมือนฉบับแรกที่เซ็นได้มั้ย ในเมื่อไม่ได้ก็เลยต้องจบกัน ฉบับสุดท้ายระบุว่าฟ้าใสจะได้เงิน 500,000 บาท และยังอยู่ในตำแหน่ง
เขาบอกมงกุฎไม่ได้ให้ตั้งแต่แรก?
ฟ้าใส : สัญญาในฉบับแรกมงกุฎกับสายสะพายให้คนที่ชนะก็จะได้ในค่ำคืนนั้นเลย หนูทำตามสัญญาฉบับแรก และทำหน้าที่มิวยูนิเวิร์สจนถึงวินาทีสุดท้ายอย่างครบถ้วนและซื่อสัตย์ด้วย
ฝั่งกองทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าเหมะสมก็มารับมงกุฎไป?
ฟ้าใส : หนูเชื่อว่าในค่ำคืนที่ประกวดทุกคนเห็นว่าหนูเหมาะสมหรือไม่ และคณะกรรมการก็ได้ตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าใครผู้ชนะในค่ำคืนนั้น
คิดว่าเรื่องนี้จะจบแบบไหน กลับมาปรองดองกันได้มั้ย?
ฟ้าใส : สำหรับหนูยังมีโครงการที่ยังอยู่กับกอง แน่นอนว่าจะมีการร่วมงานการกุศลกัน หนูจะเลือกมองแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น และขอบคุณที่มอบโอกาสให้หนูได้เป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จะจำช่วงเวลาดีๆ คะ
แฟนคลับซัพพอร์ตดีมาก อยากบอกอะไรบ้าง?
ฟ้าใส : ขอบคุณมากๆ นะคะที่รักเป็นกำลังใจ ซัพพอร์ตฟ้าใสเสมอ ทุกคนคอยให้พลังบวกฟ้า ฟ้าใสจะคอยจดจำเวลาที่มาว่าจะนานแค่ไหนหนูจะย้อนกลับมานึกถึงวันที่ประกวด ที่ได้ตำแหน่ง วันที่กลับมา ไม่ว่าวันไหนก็ยังจำได้ เป็นความทรงจำดีๆ ที่หนูจะไม่มีวันลืม ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไง แต่อยากขอบคุณจริงๆ คะ
มันมีประเด็นที่ว่าฟ้าใสเป็นคนไม่มีวินัย ในเรื่องของการทำงานไปกองสาย?
ฟ้าใส : ต้องอธิบายแบบนี้ก่อน จริงๆเราจะเข้ากองวันที่ 28 แต่วันที่ 27 มีแมสเสจมาจากกองใหญ่ ว่าเราจะต้องมีการถ่ายวิดีโอ จะเอาอะไรเข้าไปในกองตามลิสที่กล่องได้ระบุมา หนูก็งง ก็เลยเอาข้อความนี้ไปถาม กองที่ไทย เขาก็บอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารอันนี้ หนูก็เลยไปถามเพื่อนๆ ว่า ในวันที่ 27 ไม่รู้เลยว่าต้องเอาชุดว่ายน้ำไปมันมีลิสหรอว่าเราจะต้องเอาอะไรเข้าไป นางงามบราซิลก็เลยส่งมาให้ ซึ่งมันมีสิ่งที่อยู่ในนั้นเราไม่ได้เตรียมไป ก็เลยต้องไปซื้อในวันที่ 27 ซื้อไม่ครบก็เลย มีวันที่ 28 ด้วย
ฟ้าใส : ทางกองบอกว่า เขาส่งทุกอย่างที่ได้รับจากกองใหญ่ให้กับหนูแล้ว คือเท่าที่หนูเข้าใจทางกองไทยเขาได้รับข้อมูลแค่นี้ เขาก็เลยส่งเท่านี้ แต่ในเรื่องของข้อมูลอื่นๆ หนูก็เคยถามไปว่าปกติมันต้องมีลิสนะ ว่าเราจะต้องเตรียมอะไรเข้าไป วันที่ 28 พี่จ๊าดเขาเห็นห้องเก็บตัวว่าห้องมันเล็กนะ ดังนั้นที่เราประกาศไปว่าเรามี 19 กระเป๋าใหญ่ มันไม่สามารถเข้าไปในห้องเล็กได้ วันที่ 28 ก็เลยเป็นวันที่เราเก็บกระเป๋าด้วย แล้วก็มีการเลือกชุดว่าชุดไหนที่เราใส่แล้วดูสวยสุด ที่สำคัญช่วงเย็นมีการเอาชุดใหม่ๆ มาให้ลองด้วย
ฟ้าใส : มันมีการฟิตติ้งอยู่แล้ว หนูก็งงเหมือนกันว่าทำไมมันมีชึดใหม่ๆ เข้ามา ตอนนั้นก็มีการจัดกระเป๋าใหม่ จนกระทั่งตี 2-3 แม่หนูก็ท้วงไปว่าน้องจะต้องเข้ากองวันพรุ่งนี้นะ น้องควรจะนอนได้แล้ว แบ้วตอนนแรกก็มีการดีแบตว่าน้องจะรู้ได้ไงว่าของอยู่ในกระเป๋าไหนถ้าเกิดน้องไม่ได้เป็นคนจัดเอง แล้วแม่หนูก็ถามว่าน้องมาอยู่ที่นี่กับคุณตั้งนานทำไมถึงเพิ่งมาจัดกระเป๋าตอนนี้ เขาก็เลยให้ไปนอน แต่เห็นภาพนะคะว่ามีการจัดกระเป๋าถึงตี 4 อย่างที่แถลงไป แล้วพอมาวันที่เข้ากองวันที่29 ตอนนั้นหนูทราบอย่านึงคือมีการเคาะประตู จากผู้ใหญ่ คุณแม่ก็เป็นคนเปิดประตู เพราะหนูกำลังแต่งหน้าอยู่ คือไม่มีการบอกรายละเอียดว่าวันเจ้ากองจะต้องเข้ากองกี่โมง
ทำไมหนูไม่ถาม?
ฟ้าใส : เพราะว่าหนูเคยประกวดต่างประเทศมาก่อน กองใหญ่เขาบอกว่าเราเข้ากองวันนี้ๆ แต่ไม่ระบุว่าเวลาไหน
พี่เอส : จริงๆ เป็นแบบนี้ครับ เนื่องจากทางกองประเทศไทยได้มีฤกษ์มีชัย แล้วนัดกับแฟนคลับ 9 โมง แล้วไม่ได้แจ้งฟ้าใสว่าได้นัดกับแฟนคลับ น้องมารู้ตอนเช้าเคาะประตูว่าอีก 10 นาทีออกนะ
ฟ้าใส : แล้ววันที่ทุกคนทราบว่าหนูไฝ่ฝันจะเข้ากองมิสยูนิเวิร์ส แล้ววันนั้นเป็นวันสำคัญที่สุด คือวันแรก เพราะมันจะเป็นเฟิร์สอินเพรสชั่นของเรา แล้วเราจะเข้าไปแต่งหน้าไม่เสร็จ แต่งตัวไม่พร้อม แล้วให้เวลา 10 นาที พอเข้ากองผู้ใหญ่ก็กระซิบก่อนที่หนูจะลง ก่อนจะไลฟ์ด้วยซ้ำในรถ ว่าบอกนะ ขอโทษที่เราสาย เพราะเราท้องเสีย ทุกคนก็จะทราบว่าเนี่ยหนูไปสวัสดีพี่จ๊าด แล้วหนูก็บอกว่าขอโทษนะคะหนูท้องเสียเลยมาสาย
ก็คือมีคนบอกให้หนูโกหก?
พี่เอส : เอาตามที่เล่าแล้วกัน
ฟ้าใส : จริงๆ วันนั้นหนูกดดันแล้วไม่มีความสุขเลย เวลาที่หนูเข้ากอง ถ้าเขารู้จักหนูจริงๆ หนูไม่ได้เป็นฟ้าใสเหมือนเดิม เหมือนฝืนยิ้ม ซึ่งตอนนั้นหนูฝืนจริงๆ เพราะว่าทำไมหนูต้องรับผิดในสิ่งที่หนูไม่ได้ทำ แล้วตอนนั้นคนที่สังเกตุว่าใสคนนี้ไม่ใช่คนเดิมก็คือพี่จ๊าด เขาก็ถามหนูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าเนี่ยไม่ใช่ฟ้าใสคนเดิม พี่ขอคนเดิมได้ไหม แล้วเขาก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เชื่อไหมว่าตอนนั้นหนูแทบร้องไห้ออกมาเลยว่าแบบคนๆ นี้ที่พร้อมจะรับฟัง แล้วหนูก็เล่าให้เขาฟังว่าเกิดแบบนี้ๆ ขึ้น เขาก็เข้าใจ แล้วบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะให้พลังบวกไปเรื่อยๆ หนูขอบอกนะคะ ถ้าหนูไม่มีวินัย ถ้าหนูสาย ถ้าอ้วนหรืออะไรแบบนี้ หรือว่าเรื่องสัญญาแบบไม่ครบ หนูไม่สามารถเข้าไปถึงท้อป 5 มิสยูนิเวิร์สได้หรอก หนูเชื่อว่ากองใหญ่ถ้าเห็นหนูมีปัญหา เขาคงไม่ให้หนูเข้ารอบ 20 คนตั้งแต่แรกแล้ว
คู่กรณีก็บอกว่าจะโทษเขาเองก็ไม่ได้ เพราะตัวเขาเองจะต้องวิ่งเต้นในเรื่องการทำเอกสาร สัญญา หลักฐานต่างๆ เพื่อให้ฟ้าใสสามารถเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส2019 ได้ เรื่องใบสมัคร เขาบอกว่าเอกสารของหนูไม่เรียบร้อย?
ฟ้าใส : ก่อนที่จะบินไป มีเอกสารที่กองส่งมาให้ กองใหญ่ส่งมาให้กองแต่ละประเทศ ว่าจะต้องมีการยืนยันนะว่าคนนี้เป็นคนชนะ จะต้องมีเอกสารตามเงื่อนไขตามที่ตกลง แล้วหนูก็มีการเซ็นว่าเป็นผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สแล้วส่งกลับไปกองแม่เรียบร้อยแล้ว
พี่เอส : พี่สังเกตุอย่างนึงสัญญาที่ให้น้องฟ้าใสเซ็นเป็นภาษาไทย พี่ก็ไม่รู้ว่าพอลล่าอ่านภาษาไทยออกหรือเปล่า เขาเอาสัญญาฉบับนั้นไปให้พอลล่า เพราะจริงๆ น้องได้เซ็นสัญญาภาษาอังกฤษไปแล้วตั้งแต่ก่อนเข้ากองว่าน้องเป็นมิสยูนิเวิร์สจริงๆ แต่ฉบับที่น้องเซ็นเป็นภาษาไทยล้วนๆ ถ้าบอกฉบับนั้นเซ็นปุ๊บไปยื่นพอลล่า พอลล่าแปลออกไหมมันก็มีกระแสว่าที่เจ้าแค่ท้อป5 เพราะมีปัญหาเรื่องไปสาย ก็เลยชวดมง?
ฟ้าใส : มันไม่ใช่แค่ท้อป5 แต่มันตั้งท้อป5 นะคะ ท้อป5 คือตั้งแต่ประกวดในประเทศไทยมามีผู้หญิงแค่ 5 คนนะคะตัวแทนประเทศไทยที่เข้าไปถึงท้อป5
พี่เอส : ปีที่แล้วเอสเป็นคนเทรนนิ้ง โศภิดา ประกวดที่ไทย นิ้งคุยกับเอสทุกวัน จะบอกว่ามีนางงามหลายคนที่สวยมากๆ เลย แล้วไม่เข้ารอบ 20 นิ้งจะบอกว่าคนนี้มีปัญหา ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ คนนี้มาสาย คนไทยจะตกใจมาก ทำไมสวยแล้วไม่เข้า 20 ทางกองใหญ่ฟิกมาก ถ้าคุณมาสาย ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ฉันตัดคุณออก เอสคุยกับนิ้งทุกวันตลอดการประกวด
กับเหตุการณ์ทั้งหมดมันมีผลกระทบกับจิตใจฟ้าใสและคุณแม่ยังไง?
ฟ้าใส : สำหรับหนูตอนที่กลับมาจากมิสยูนิเวิร์สมันมีหลายโมเมนต์ ที่ผ่านมาเจอกับอะไรเยอะ จนรู้สึกเหนื่อย แล้วหลังจากนั้นก็มีมาเจอเรื่องข้อตกลงอันนี้อีก ฉบับสัญญาฉบับที่3 แล้วข้อตกลงวุดท้ายอีก แล้วหลังจากนั้นมีดราม่าของดีไซน์เนอร์ มีหลากหลายกระแส หลากหลายดราม่า หลากหลายข้อมูลเท็จที่ออกไป แล้วกลายเป็นว่า ตอนนั้นผู้ใหญ่ก็โทรมา บอกว่าฟ้าใส ได้ตามข่าวไหม หนูก็บอกว่าก็ตาม แต่ตามไม่หมด เพราะมันเยอะมากหลากหลายวันมาก เขาบอกว่า หนูนิ่งเอาไว้นะ เดี๋ยวผู้ใหญ่จัดการเอง
พี่เอส : อันนี้มีคลิปเสียง น้องจะมีคลิปเสียงเก็บไว้ทุกอัน
ฟ้าใส : หนูก็เลยโอเค เชื่อใจผู้ใหญ่ เขาก็น่าจะโพรเทคน้องในระดับนึง กลายเป็นว่าเหมือนอย่างที่เห็นที่ผ่านมาถูกเข้าใจผิดมาตลอด
ทำไมต้องเก็บคลิปเสียงไว้ตลอดเวลา?
พี่เอส : พี่ได้คุยกับน้องฟ้าใสตลอด น้องรู้แล้วว่าสัญญามันมีการเปลี่ยนแปลง คุณพ่อ คุณแม่รู้แล้วว่ามาเปลี่ยนของรางวัลเขา แบบแล้วเขาจะทำยังไงว่าเขามีหลักฐานว่าเขาถูกเปลี่ยน แม้แต่คุณพ่อ คุณแม่ก็อัดเสียงไว้ ชั่วโมงครึ่ง แล้วทุกครั้งที่ฟ้าใสคุยกับผู้ใหญ่ก็จะอัดเสียงไว้เป็นหลักฐานว่าหนูไม่ได้ทำแบบนั้น จนถึงวันนี้ทนายชมเลยว่าฟ้าใสควรจะกลับไปเรียนทนาย รู้ไหมว่าฟ้าใสเก็บหลักฐานไว้ ถูกกล่าวหาอะไร ฟ้าใสมีแชทเป็น 10 มีเสียเป็น 10
แสดงว่าตั้งแต่วันที่ถูกเปลี่ยนสัญญา หนูมีเซ้นส์ตั้งแต่วันนั้นเหรอ?
ฟ้าใส : เรียกว่าถ้ามีการบริสุทธิ์ใจตั้งแต่ต้น มันจะต้องเป็นการเหมือนเดิมในทุกๆ อย่าง
รอง 4 คนที่ไปเซ็นสัญญา ในวันที่ 17 แต่ฟ้าใสไม่ได้ไป อันนี้ฟ้าใสไม่ได้ไป?
พี่เอส : จริงๆ แล้วรองทั้ง 4 คนเนี่ย ฟ้าใสทราบมาว่าไม่ได้เซ็นวันที่ 17 เพราะว่าถูกเรียกไปเซ็นวันที่ 15 มกราคม ครั้งที่แล้วพี่แถลงข่าว พี่เปิดแค่ไทม์ไลน์ของกองเนี่ยไม่มีการนัดน้อง แต่จริงๆ เรามีหลักฐานในแชทเลย เขาเนี่ยมีการเรียกไปเซ็นวันที่ 15 มกราคม
ฟ้าใส : ตอนนั้นมีการนัดรองทั้งสองกับผู้ใหญ่เข้าไปเซ็นสัญญาก่อน แต่ว่าหนูหลังจากนั้น ซึ่งตอนนั้นหนูนั่งรอเกือบๆ 2 ชั่วโมง หนูก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น กลายเป็นว่ามันมีการเปลี่ยนสัญญา แล้วรอง
ทั้งสองที่หนูเจอวันนั้นก็ได้เซ็นสัญญาในวันที่ 15 มกรา
พี่เอส : โดยมีไลน์ที่ผู้บริหาร คู่กรณีเนี่ยไลน์มาขอบคุณที่เซ็น ว่าขอบคุณทุกคนที่มาเซ็นสัญญานะ แต่ฟ้าใสไม่ได้เซ็น
ฟ้าใส : ไม่ได้เซ็น เพราะว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง