ฐปณีย์เปิดชีวิตนักข่าว เจอข่าวซุกลูก เคลียร์สัมพันธ์ อนุวัต ช่อง7
วลี คุณกิตติคะ มันเริ่มมาจากอะไร
ฐปณีย์ : มาจากการที่เราเป็นนักข่าวภาคสนาม คุณกิตติอยู่ในสตูดิโอรายงานเหตุการณ์ส่งมาหาเรา การที่เราจะบอกว่านี่เป็นรายการสด เป็นคำที่เรารับก่อนจะรายงานสด คุณกิตติส่งมาหาเรา มันต้องมีการขานรับกัน เราไม่คิดว่าจะเป็นวลีเด็ด แต่คำนี้ก็ติดหูมาเป็น 10 ปีแล้วเนาะ มันมาจากคนดูข่าวเราทุกคืน ติดหูติดตาคน
เคยคิดตั้งแต่เด็กมั้ยว่าจะเป็นนักข่าวฐปณีย์ : เคยคิดตอนเด็กๆ ว่าเราอยากจะเป็นนักเขียนมากกว่า แต่นักข่าวออกทีวีไม่เคยคิดเลยคะ เราเรียนจบจากที่สงขลา แต่ก็อยากเรียนวารสาร แต่สอบไม่ได้ จนต้องเรียนคณะอื่นแต่รู้สึกว่าเรียนแล้วไม่ใช่ เลยลองสมัครเรียนโทวารสาร ได้มารู้จักกับเพื่อนๆ เพื่อนแนะนำให้ไปสมัครนักข่าว เราก็ไม่รู้ลองไปเรื่อยไปอบรมดีเจบ้าง ติดเพื่อนไม่ทำโฆษณาบ้าง แต่นักข่าวเราลองไปสมัครดู เค้าถามเราแค่สามคำ เป็นนักข่าวทำงานตอนกลางคืนได้มั้ย ออกงานต่างจังหวัดได้มั้ย ทำงานแบบไม่หลับไม่นอนได้มั้ย เราตอบได้หมด เขาบอกงั้นมาพรุ่งนี้ทำงานเลย ตั้งแต่วันนั้น 20 ปีก็ไม่เคยได้หลับได้นอน (หัวเราะ) ก่อนมาเป็นนักข่าวทำงานเป็นเลขาผู้บริหาร ใส่ประโปรง ได้เงินเยอะแต่เราก็ทิ้งไปทำนักข่าว เพราะว่าเราคนหาตัวเองเจอแล้ว
ฐปณีย์ : เรายังต้องลงสนามไปทำข่าวทุกวัน เพราะว่ามันมีโอกาสมากกว่าคนอื่น เราได้เดินทางไปประเทศที่บางครั้งไม่คิดเลยว่าจะได้เดินทางไป เราไม่คิดว่าวันนึงจะได้ไปอยู่ในสถานการณ์ซีเรีย สถาณการณ์แผ่นดินไหว มันได้เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ เป็นประสบการณ์ใหม่ ได้เจอผู้นำระดับโลก เราไปทำงานแต่เราได้อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ บางครั้งอันตรายมากที่ขู่ฆ่าจากผู้มีอิทธิพล ที่ไปตีแผ่
ถูกขู่ฆ่า
ฐปณีย์ : ข่าวบุกรุกที่ดิน เป็น 10 ปีแล้ว เรายังเด็กๆ จากที่เราเคยดูในหนัง ถูกขู่ฆ่า ตั้งค่าหัว แต่พอในความเป็นจริงเรามีค่าหัววะ หลายคนอาจจะกลัวนะมีค่าหัว แต่เราดีใจเราเท่ห์มีค่าหัว ด้วยความโชคดีเขาไปจ้างซุ้มมือปืนที่มีคนรู้จักเรา เขาก็ช่วยพูดว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้ว เพราะว่าเราผ่านเหตุการณ์แบบนี้มามากแล้ว ถ้าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราพูดความจริง เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร แม้ตายไปความจริงยังอยู่ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเรา ปัจจุบันสิ่งที่น่ากลัวกว่ากระสุนปืนคือกระสุนในคีบอร์ดในโลกโซเชียลการไล่ล่ากัน การใส่ร้ายกัน มันทำให้คนหลายคนตายไปจากสังคมนี้ เพราะคีย์บอร์ด
เจอข้อความเครียดๆ ดูแลจิตใจยังไง
ฐปณีย์ : มีสติทบทวนตัวเอง สิ่งที่ถูกวิจารณ์มันเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงเราก็ชี้แจงแก้ไขด้วยความจริงใจ ส่วนคนจะรับฟังเราหรือไม่พื้นฐานความน่าเขื่อถือของเราเป็นสิ่งสำคัญ
หมูที่ฟิลิปปินส์ไม่ดียังไง
ฐปณีย์ : เราต้องเดินทางไปสถานที่เกิดเหตุ หมูที่ฟิลิปปินส์มันมาจากการไปทำข่าวพายุใต้ฝุ่น เกาะพังราบเลย ซึ่งกว่าเราจะไปถึงที่นั่นคือยากลำบากมากๆ ทันทีที่เข้าไปในเมืองพังราบเป็นหน้ากลอง ศพยังวางเรียงอยู่ตามท้องถนน หมูที่ตายนอนตาย เราออไปทำข่าวทุกวัน วันนั้นกลับมาที่บ้านพักเอามาม่าไปก็แบ่งกันกิน เพราะไม่มีอาหาร วันที่ 4 ของเหตุการณ์ เขาบอกวันนี้จะมีหมูให้กินนะ ทุกคนก็ดีใจ พอเริ่มกินหมูไปเราก็บอกว่าไม่ต้องบอกนะว่าหมูจากที่ไหนเราก็รู้อยู่แล้ว คงเป็นหมูที่นอนเรียงตายกันอยู่ เรากินตอบแทนน้ำใจเขาฐปณีย์ : มีเจอหลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้หลังเหตุการณ์สึนามิ ประเทศไทย 1 ปีหลังจากเหตุการณ์ พานักข่าวไปพักโรงแรมที่เคยโดนสึนามิ มีพี่หนังสือพิมพ์คนนึงไปพักก่อนแล้วเขาเจอ เราก็แบบเรื่องจริงหรอ เราก็พากันไปที่ห้องพี่คนนั้น 4-5 คนเพราะไม่เชื่อไปพิสูจน์ นั่งล้อมบนเตียง เรามองไปที่ผนังห้อง เหมือนเป็นกลุ่มควันแล้วค่อยๆ ก่อเป็นตัว เราก็วิ่งกันกระเจิงเลย ตัวเราสั่น ปากสั่น นอนบนเตียงคลุมโปง เราได้ยินเสียงร้องเหมือนเด็กข้างๆ หู แต่พี่เราก็ทำให้เราหัวเราะทำให้หายตัวสั่นไปได้เยอะ
แอบคบนักข่าวต่างช่อง อนุวัต
ฐปณีย์ : ไม่จริงคะ จริงๆ คือมีข่าวเอาไปเขียนว่ามีข่าวซุกลูก แต่พอเปิดเข้าไปในนั้นมีรูปคู่เรากับคุณอนุวัต ทำให้คนคิดว่าซุกลูกคือมีกับคุณอนุวัตหรือเปล่า เหมือนเป็นคู่จิ้นในวงการข่าว จริงๆ เป็นเพื่อนกัน
ข่าวซุกลูกคืออะไร
ฐปณีย์ : เอาลูกน้องชายมาเลี้ยงเป็นลูกตัวเอง เลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เรียกเราแม่แยม พอเราโพสต์โซเชียลคนก็คิดว่าเป็นลูกเราจริงๆ
ตอนนี้มีแฟนมั้ย
ฐปณีย์ : ไม่มีคะ เราก็คุยได้ที่ผ่านมาก็เคยมี แต่พอเราเป็นนักข่าวเราก็ไม่ค่อยมีเวลา เรารู้สึกว่าตัวเองชอบเดินทาง ชอบทำอะไรที่คล่องตัว ถ้ามีห่วงแล้วมันไม่สุด แต่พอมาถึงวัยเราเฉยๆ แล้วกับเรื่องพวกนี้ เวลาแต่ละวันตอนนี้ทำหลายอย่างมาก
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama