ติ๊ก แจงที่มาเงินปลดหนี้พนัน ร่ำไห้ไหว้ขอโทษ-ตั้งเป้าคืนเงินล้าน หนุ่ม
"จริงค่ะ และจะไม่กลับไปเล่นอีก จะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับมัน หรือการนำติ๊กไปสิ่งพวกนั้น จะไม่ขอยุ่งเกี่ยว"
เลิกนานหรือยัง?
"นานแล้วค่ะ"
กล้าสาบานมั้ย?
"หนูเคยไปสาบานปฏิญาณตนหน้าศาลหลักเมืองแล้วค่ะ แล้วติ๊กก็ไลฟ์สดในทุกๆ ช่องทาง ประกาศมา 3 เดือนกว่าแล้ว ตั้งแต่เริ่มออกรายการนึงและบอกว่าตัวเองจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสิ่งนั้นอีก และหนูก็ทำมาตลอด"
สิ่งที่ทำให้เลิกคืออะไร?
"ลูกค่ะ หนูต้องการแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ดีขึ้น ต้องการปรับปรุงตัวจริงๆ หนูไม่อยากให้ลูกโตขึ้นมาเห็นข่าว ถ้าย้อนกลับมาดูเป็นภาพที่ไม่ดี หนูต้องการเปลี่ยนเป็นแม่ที่ดี ต้องการทำจริง และแก้ไขจริง เท่านั้นเองค่ะ (เสียงสั่นเครือ) และไม่ขอย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องเก่า หนูต่อสู้ผ่านทุกอย่างมาด้วยตัวของหนูคนเดียว หนูพยายามออกจากสิ่งที่เจ็บปวดในทุกๆ วัน หนูไม่อยากกลับไปพูดหรือเอ่ยถึงอดีต หนูอยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ เป็นแบบอย่างที่ดีจริงๆ และอยากเป็นแบบอย่างสำหรับคนติดการพนันด้วยว่าเราสามารถเลิกได้"
"หนูไม่กลับแน่นอน หนูให้ทุกสิ่งทุกอย่างตัดสินหนูได้เลย 2 3 4 ปีหนูยังอยู่ในวงการนี้แน่นอน 5-6 ปี ถ้ามีข่าวว่าหนูเล่นก็รุมหนูได้เลย เพราะหนูปฏิญาณตนต่อศาลหลักเมือง วันที่หนูศาลหลักเมือง ชีวิตหนูพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ หนูมีชีวิตที่ดีขึ้น หนูสารภาพผิดว่าหนูทำอะไรไปบ้าง และหนูจะไม่ทำอะไรบ้าง ต่อไปนี้จะเป็นคนดี ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาหนู ปกป้องหนู คุ้มครองหนูให้เจอแต่สิ่งดีๆ นำพาหนูไปทางที่ดีๆ ได้มีงานที่ดีๆ ได้ปลดหนี้ได้ แล้วหนูก็มีวันที่ดีจริงๆ วันที่หนูไปหนูยอมรับทุกอย่างได้ในความผิดที่ผ่านมา ตอนนั้นหนูนั่งรถไปคนเดียว ขอกล่าวคำปฏิภาณตนและระบุว่าหากหนูเดินกลับไปอีก ขอให้ชีวิตหนูล้มละลาย พินาศ พังฉิบหายทันที และถ้าหนูคิดดีทำดี ขอให้สิ่งศักดิสิทธิ์ช่วยให้หนูปลดหนี้ได้ หนูร้องไห้ตั้งแต่ข้างหน้ายันข้างใน กลับมาหนูก็มีงานต่อเนื่องกัน"
การพนันทำให้เสียอะไรไปบ้าง?
"หนูไม่ได้ใช้คำว่าติด หนูใช้บางช่วงที่หนูไม่สามารถยืมเงินใครมาหมุนได้ ไม่สามารถเอ่ยกับใครได้ หนูเลยใช้วินาทีนั้นในการปั่นหมุนเงินคิดว่าจะได้ แต่มันไม่ได้ ถ้าหนูติดหนูคงเอาเงินที่เข้ามา ที่ใช้หนี้ได้ 4.6 แสน คงเอาไปเล่นแล้ว คงเลิกไม่ได้ คงหัวปักหัวปำ คงไม่สามารถให้กำลังใจคนที่อยู่หลังบ้านในไอจีได้ว่าเลิกเถอะ ถ้าไม่เลิกชีวิตจะพังเหมือนพี่"
ใช้หนี้ไปทั้งหมดเท่าไหร่?
"4.6 แสน แต่ก้อนล่าสุดรวมทั้งหมดก็ 6 แสน"
เคลียร์หนี้นอกระบบแล้ว?
"หนี้ดอกร้อยละ 20 ไม่มีแล้ว แต่ยังเป็นหนี้สิ่งที่หนูอยากคืนให้กับคนๆ นึง"
"หนูติดค้างพี่หนุ่ม อยากสบายใจ อยากคืนให้ หนูรู้สึกว่าหนูสร้างปัญหาให้พี่เขา อยากทำงาน และค่อยๆ คืนให้ พี่หนุ่มไม่ได้ทวงนะคะ แต่หนูอยากจะให้ พี่หนุ่มจะเก็บไว้ให้ลูก นี่คือสิ่งที่ตั้งใจเพื่อคืนให้พี่หนุ่มเพื่อเก็บไว้ให้วีจิ มีค่ามาสก์ 9 แสน ที่กดออกไปจากบัตรเอทีเอ็ม 4.5 แสน แล้วก่อนหน้านี้ที่พี่หนุ่มให้มา 3.5 แสน หนูอยากคืนให้พี่หนุ่มทั้่งหมด"
เคยบอกหนุ่มไปมั้ย?
"หนูเคยบอกผ่านทนายของพี่หนุ่มช่วงแรกๆ เพราะหนูตั้่งใจแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่มาตั้งใจตอนนี้นะ พอไปนั่งคิดทบทวนมีสติ ก็คิดว่าอะไรแก้ไขแล้วนำพาให้เราไปทางที่ดีขึ้น เราสบายใจขึ้น ก็ควรแก้ไขให้มันดีทุกด้าน"
4.6 แสน ในระยะเวลา 2-3 เดือน เอาเงินจากไหน?
"ติ๊กใช้วิธีการนั่งและคิดว่าช่วงที่ไม่มีโอกาส มันยากจังเลยที่ต้องแก้ไข ติ๊กเลยดึงความสามารถของติ๊ก ขายไอเดีย ขายความสามารถ งานต่องาน ในการที่เขาจ้างแนะนำสินค้า ติ๊กทำเหมือนโฆษณาหนังสั้นขึ้นมา ถ่ายทั้งวันเพื่อแลกกับหนึ่งนาที หรือนาทีครึ่ง เป็นงานต่องาน งานนี้ได้บัดเจ็ดนิดนึงเพื่อให้คนเห็นว่าเราทำงานได้ และขายท่าที่ไม่น่าที่ผู้หญิงหลังคลอดคนนึงและประสบปัญหาเยอะๆ จะสามารถลุกขึ้นมาได้ ติ๊กขายความแข็งแรง เป็นคิวบู๊ เช่นขี่มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ ออกกำลังกายตอนเช้าให้ตัวเองน้ำหนักลดลงมา ดูเฮลท์ตี้ขึ้น และคิวบู๊เสี่ยงๆ ท่าตีลังกา ที่เราไม่สามารถทำได้ เอาสตั๊นมาประยุกต์ใหม่ เรามีความสามารถตรงนี้ เลยเอาตรงนี้มาขาย"
ได้เงินต่องานเท่าไหร่?
"บางงานก็ 2.5 หมื่น บางงาน 3.5 หมื่น บางงานก็ 4.5 หมื่น แล้วก็เถิบมาเรื่อยๆ เป็น 5.5 หมื่น เถิบมาเป็น 7.5 หมื่น และเป็น 2 แสนค่ะ ติ๊กลงทางไอจีกับติ๊กต่อก มียูทูปเล็กน้อย เพจเล็กน้อยเท่านั้น แต่ส่วนมากจะหมกตัวอยู่ในไอจีนี่แหละค่ะ ก็เป็นของกิน ของใช้ หมวก ครีม บางทีก็ค่ายมวย"
"ใช่ค่ะ หนูเช็กอย.ทุกอย่าง เพราะตอนนี้หนูไม่ต้องการพลาด หนูกลัวจนกลายเป็นโรค กลัวพลาด อย่างอื่นหนูกล้าหมด ยกเว้นอะไรที่ผิดพลาดมาแล้ว กลัวมาก ระวังเป็นพิเศษ"
ที่ตั้งใจเคลียร์หนี้สิน คนเป็นแรงบันดาลใจเราคือลูก ตอนนี้ได้เจอหรือยัง?
"ยังไม่ได้เจอค่ะ แต่มีวิดีโอคอลคุยเกือบทุกๆ วัน"
เลิกกับหนุ่มได้เจอลูกน้อยมาก?
"ก็น้อยค่ะ ที่ผ่านมาได้เจอ 3 ครั้ง รอบแรกเดือนนึงครั้่งนึง รอบที่สองเดือนนึงได้สองครั้ง และรอบนี้ยังไม่ได้เจอ แต่ต้องบอกก่อนว่าพี่หนุ่มไม่ได้กีดกัน แต่เป็นเพราะสถานที่ที่เจอลูก ตอนแรกๆ จะเจอลูกโดยติดต่อผ่านทนายพี่หนุ่ม เขาจะเห็นสมควรหรือไม่สมควร ถึงเวลาหรือไม่ เขาก็ดูด้วย แต่พอตอนนั้นลูกห่างอกไป เราไม่ได้คิดอะไรเลย มันเพ้อ มันหลุดทุกอย่าง มันโดนกดดันทีเดียว กลายเป็นอย่างอื่นไม่สนใจแล้ว ไม่สนใจพัฒนาตัวเอง ไม่สนใจแก้ปัญหา ไม่สนใจหาเงินใช้หนี้ สนใจอย่างเดียวจะได้เจอลูกมั้ย ลูกอยู่ไหน จะได้เจอลูกเมื่อไหร่ ช่วงแรกพี่หนุ่มให้เจอลูกที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวบ้าน ครั้งนึงอยู่ด้วยไม่นานประมาณ 2 ชม. แต่ช่วงหลังเปลี่ยนสถานที่ หนูเป็นคนเลือกเอง ตอนนั้นอยู่ในหัวลูกๆๆ ลูกคือกำลังใจ เวลาพี่หนุ่มนัดจะตรงมั้ย จะเลื่อนอีกมั้ย หรือจะไม่ให้เจอ หนูอยากได้ความแน่นอน หนูกลัวไปเองค่ะ ต้องขอบคุณมูลนิธิทำให้หนูได้เจอลูก มีคนกลางประสานงานให้ พอได้เจอจริงๆ เจอแล้วไม่คิดอะไรแล้ว ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น โหยหาลูก แค่ครั้งที่เจอครั้งสุดท้ายเดือนกันยายน หนูเริ่มรู้สึกว่า พอลูกอึ มันไม่ใช่ที่อำนวยความสะดวกกับเด็ก สองที่นอน วีจินอนเกือบ 2 ชม.บนตักหนูกว่าจะตื่น พอกินข้าวคนก็เยอะมาก ไม่มีที่นั่นทานอาหารได้แน่นอน มันไม่สะดวกกับลูก หนูอยากอยู่กับลูก อาจเป็นความอยากของหนู ความเป็นแม่ เราเลยรูสึกว่าอยากเดินจูงมือลูก อยากพาลูกไปว่ายน้ำ แต่ก็พี่หนุ่มคงไม่สบายใจ ถ้าเรายังมีหนี้ร้อยละ 20 อยู่"
"หนูไม่เคยได้คุยกับพี่หนุ่ม แต่สิ่งที่ผ่านมาตอนแรกๆ หนูดูเขาผ่านหน้าจอทีวี ก็คิดว่าน่าจะเป็นอันนี้ เพราะพี่หนุ่มบอกว่าเป็นความปลอดภัยของลูกและแม่ที่ต้องมีคนมาทวงหนี้ หนูดูจากรายการก็พอเดาได้ และจากการที่เคยเป็นภรรยาพี่หนุ่มมา หนูค่อนข้างรู้ว่าเขารักลูก รักแม่มาก แล้วร้อยละ 20 มันอันตราย"
เราเลยเลือกเอง ยังไม่เจอลูกจนกว่าจะเคลียร์หนี้เสร็จก่อน?
"หนูคิดเองค่ะ แล้วสถานที่แบบนั้นไม่เหมาะด้วย งั้นเดือนนี้เราไปวิ่งทำงานหางาน ปลดหนี้ให้ได้มั้ย ถ้าเราปลดหนี้เราได้เร็ว พี่หนุ่มน่าจะเมตตาให้หนูได้นอนกับลูก หนูเจอลูกเดือนละครั้งก็ได้"
สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือให้ลูกได้นอนค้างกับเรา?
"ใช่ค่ะ เดือนนึงครั้งนึงก็ได้ จะดีใจมากๆ จะมีพลังในการต่อสู้ไปได้"
เคยส่งข้อความไปสื่อสารกับหนุ่มมั้ย ว่าอยากให้ลูกมานอนค้าง?
"แรกๆ เคยค่ะ เคยคิดว่าเดี๋ยวพี่หนุ่มก็หายโกรธ ลืมมองความผิดของตัวเองไป คิดตื้นไป คิดง่ายไป มีหลายอารมณ์ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ส่งไปในไลน์เรื่อยๆ ว่าทำไมใจร้ายจัง หนูอยากอยู่กับลูก ไม่รักหนูไม่คิดถึงหนูแล้วใช่มั้ย หลายอย่างค่ะ ส่วนใหญ่ต่อว่าด้วยความน้อยใจ บอกว่าขอเหอะ ถ้าเป็นพี่จะอยู่ได้มั้ยโดยไม่มีลูก แบ่งลูกมาให้หนูบ้าง แต่พอช่วงที่เขาเงียบและไม่ตอบ เสียงเงียบนั้นทำให้หนูได้นั่งคิด"
"แรกๆ มีอ่าน มีตอบบ้าง แต่อยากให้เราได้สำนึกว่าเราทำอะไรลงไป ก็เลยไม่ตอบ หลังๆ มาสองเดือนกว่าแล้ว อันสุดท้ายวันที่ไปเจอลูกเดือนกันยายนครั้งแรก เขาได้ไลน์กับหนู ส่งคลิปหนูอุ้มลูกให้หนู และบอกว่าจะคุยเฉพาะเรื่องลูกเท่านั้น สุดท้ายอาจดูแล้วว่าหนูไม่นิ่งพอมั้งคะ พี่เขาก็เงียบหายไป ก็โอเค ไม่เป็นไร พอ 3 เดือนหนูเริ่มรู้เรื่องทีละนิด พยายามให้เวลาเขา ไม่กดดัน และให้เวลาตัวเราด้วย"
คิดมั้ยว่าไม่ใช่แค่ฝ่ายเราที่เจ็บปวด อีกฝ่ายก็เสียใจและเจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกัน?
"ตอนนั้นไม่คิดค่ะ มองไม่ออกว่าตัวเองผิดอะไร (ร้องไห้) ตอนนั้นคิดว่าความผิดเราน่าจะให้อภัยได้ง่ายๆ ไม่ได้คิดถึงตัวเองว่าผิดอะไรมา มองไม่ออก ไม่ได้มีช่วงเวลาต้องอยู่กับตัวเอง ตอนนั้นคิดแต่เรื่องลูกอย่างเดียว แต่พอช่วงที่พี่เขาเงียบ เราได้มีเวลานั่งทบทวน คิด พอคิดออกมันก็หนักนะ คิดถึงตอนอยู่ด้วยกัน จะมีใครบ้างหาข้าวให้เรากิน 3 มื้อทุกวันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เวลาติ๊กไม่สบายพี่หนุ่มดูแล ทั้งที่พี่หนุ่มถ่ายละครอยู่ พยายามหาและทบทวนว่าพี่เขาไม่รักเราเหมือนที่เราคิดเหรอ มันไม่ใช่ เขารักเรา เราทำตัวเอง เรารับผิดกับสิ่งที่ก่อ และเริ่มแก้ไข โดยไม่คาดหวังกับอะไรทั้งนั้น แต่ทั้งหมดคือพลังแห่งลูก หนูอยากมีภาพดีในโซเชียลเป็นแม่ที่ผิดแต่แก้ไข ผิดแล้วไม่กลับไปทำซ้ำ ผิดแล้วให้สังคมช่วยดู ช่วยด่า หนูมีกำลังใจ มีเพื่อน หนูเปิดใจยอมรับหมดทุกอย่าง ตอนแรกหนูทดสอบตัวเองในโซเชียล ว่าหนูรับได้มั้ยกับคำด่า หนูเอาตัวเองไปอ่านทุกอัน และตั้่งแต่วันนั้นจนวันนี้หนูไม่เคยตอบโต้ใครหรือใช้นิสัยเก่าๆ หนูยอมรับผิดทุกอย่าง"
"หนูมั่นใจมาก เพราะพี่หนุ่มชอบพูดว่าเขาเหมือนมีลูก 2 คน แต่คนโตดื้อ และหนูก็ดื้อจริงๆ ซึ่งบทลงโทษนั้นก็เหมาะสม เขาเคยพูดว่าถ้าลูกคนโตทำความผิดที่แรงมาก ก็ต้องตีให้หนักมากๆ (ร้องไห้) และหนูก็เจ็บมากๆ ในการถูกลงโทษครั้งนี้ และตอนนี้แผลยังไม่หายสนิท แต่ก็เริ่มๆ หายขึ้น เริ่มๆ ดีขึ้น เพราะหนูตั้งใจจะแก้ไขจริงๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ"
บทลงโทษนั้นพี่หนุ่มก็เจ็บปวด?
"หนูคิดว่าเป็นแบบนั้นค่ะ แต่ตอนแรกๆ บอกตรงๆ ว่าไม่คิดเลย คิดสั้นและคิดน้อยมาก มันก็เหมาะสมค่ะ กับบทเรียนครั้่งนี้ หนูเริ่มคิดได้จริงๆ กลางเดือนของเดือนที่แล้วค่ะ หนูเริ่มทำงาน เริ่มมีความคิด มีสติ หนูเริ่มคิดได้ เริ่มทบทวน เริ่มหาจุดยึดเหนี่ยวจิตใจ มองเป้าหมาย และคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีมากๆ นั่นคือพิสูจน์ตัวเอง อะไรจะเลวขนาดนั้น การให้อภัยคือให้อภัยหนูในการได้เจอลูก"
ตอนนี้พร้อมเจอลูก?
"จริงๆ พี่หนุ่มไม่ได้กีดกันเรื่องลูก แต่หนูอยากเจอลูกในสถานที่ที่มันเหมาะสำหรับลูก เอาง่ายๆ ที่สิริชัยก็ได้ หรือที่ห้างสรรพสินค้า หรือว่ายน้ำ พาลูกไปทำกิจกรรม พี่หนุ่มก็ให้คนยืนดูหนู ให้หนูพาลูกไปทำแอ็กติวิตี้ที่ไหนก็ได้"
"เราอาจรักกันเร็ว และเป้าหมายที่ปักไว้เวลาออกรายการและพูดเอาไว้คือกำลังใจและสุขภาพพี่หนุ่มเท่านั้น ที่หนูต้องทำ จับมือกันไป และเรื่องอะไรที่ต้องเกิดขึ้น เรื่องที่ต้องไปปรึกษาให้รบกวนสภาวะจิตใจ หนูก็ไม่กล้าพูด ซึ่งหนูผิดเอง เพราะกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วจะทำให้พี่เขารู้สึกไม่ดี"
ให้กำลังใจพี่หนุ่ม อยากพูดว่าอะไร?
"หนูอยากพูดว่า หนูขอโทษ หนูผิดไปแล้วทุกอย่าง ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น ในการตัดสินใจเจอลูกในแต่ละครั้่ง มันสมควรแล้ว หนูพร้อมแก้ไข หนูให้เวลาตัวหนูเองและให้เวลาพี่หนุ่มจนกว่าพี่หนุ่มจะสบายใจ ปลอดภัย เหมาะสมที่หนูจะเจอลูกได้ในสถานที่ที่หนูต้องการจูงลูกไป หนูให้พี่หนุ่มเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างเวลาพร้อมดีกว่าค่ะ หรือโลกโซเชียลอะไรก็ตาม อยากบอกว่าหนูผิดเอง ที่ทำลายหัวใจคนที่รักหนู จนทำให้เขาไม่สามารถเชื่อใจหนูได้"
VVV
V