นิกกี้ พิ้มลาขาดหนัง18+ ผันตัวเป็นหัวหน้าครอบครัว
หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด คลิปดารา คลิปบันเทิงวาไรตี้ นิกกี้ พิ้มลาขาดหนัง18+ ผันตัวเป็นหัวหน้าครอบครัว
โด่งดังและเป็นขวัญใจของคอหนัง 18+ มานานสำหรับนักแสดงหนุ่ม นิกกี้ พิ้ม ซึ่งวันนึงจู่ๆเจ้าตัวก็หายออกไปจากวงการและมีลูกมีภรรยา โดยไม่ได้ผลงานด้านนี้อีกเลยทำให้หลายคนอยากรู้ว่าจริงๆแล้วทำไมหนุ่มนิกกี้ถึงหายไป ล่าสุดหนุ่มนิกกี้ได้มาเล่าเรื่องราวดังกล่าวในรายการเรื่องลับมาก พร้อมเล่าอาการป่วยของตนเองที่ทำให้คุมอารมณ์ไม่อยู่อีกด้วย
นิกกี้ เผยว่า "เรื่องที่หยุดเล่นหนัง 18+ เพราะผมรู้สึกว่าผมเบื่อ ด้วยอาการก่อน จริงๆ ผมเป็นไบโพลาร์ ผมเริ่มเป็นตอนอายุ 29 เวลาผมอยู่กับคนเยอะๆ ถ้ามีอะไรทำให้โมโห ผมจะโมโหง่ายมาก พอเริ่มรู้ตัว ผมเป็นซึมเศร้า และเบื่อวงการบันเทิง ก่อนหน้านั้นผมไม่เป็น มาเป็นซึมเศร้าตอน 29 อาจเกิดจากการใช้ชีวิตที่หลงผิด อยู่ในช่วงปาร์ตี้บ่อย ก็เกิดเอฟเฟกต์ พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางแล้ว ไม่ว่าการใช้ชีวิตหรืออยู่ในวงการบันเทิง อาการอย่างที่เห็นในข่าว บางทีไปขึ้นโรงพักบ้าง อะไรบ้าง คนก็ไม่เข้าใจ คิดว่าผมไปก่อกวน จริงๆ ผมอยู่ในช่วงอยู่คนเดียว แล้วคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมเป็นโรคไบโพลาร์ที่มีอาการมาเนี่ย โมโหง่าย หลุด ก็เลยเป็นไปตามนั้น หลังจากนั้นมาก็บำบัด เข้าหาแพทย์ กินยาอยู่ 10 กว่าปี 13 ปี จนตอนนี้ผมก็หยุดยามาได้ 2 ปีแล้ว พยายามฝึกสมาธิ ฟังเพลงแจซซ์ อยู่กับธรรมชาติ ดนตรีบำบัด ตอนนี้ผมมีลูกแล้ว ยิ่งทำให้จิตใจผมสงบ เวลาทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง"
"หลังเลิกเล่นหนัง 18+ ที่ผมหายไปเลยส่วนใหญ่เป็นเพราะโรคนี่แหละครับ เวลาทำอะไรขึ้นมาก็ไปได้ดีทุกธุรกิจ โชคดีคือผมแตะอะไรจะประสบความสำเร็จ ไม่เจ๊ง แต่โชคร้ายคือคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่พอผมทำได้ 6 เดือน ปีนึง สองปี ผมทำให้มันเสียหายเอง เพราะคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมก็จะไปอาละวาดกับลูกน้อง จนตอนนี้ผมหยุดยาบำบัดโรคซึมเศร้า ผมคุมตัวเองได้จริง สิ่งที่เปลี่ยนผมไปเกี่ยวกับครอบครัวนะ ภรรยามีส่วนมาก ผมเจอคนดีที่เข้าใจผม คนที่เขาไม่เอาเปรียบผม ทั้งด้านการใช้ชีวิตหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาอยู่กับผมด้วยความรัก เข้าใจและซัพพอร์ต ทำให้ผมเห็นสิ่งที่สวยงามในความรัก ตอนเล่นหนัง 18+ ผมเจ้าชู้ แต่เบื้องหลังผมไม่ได้มีนะครับ แต่ช่วงที่มีข่าว เป็นช่วงที่ผมไม่ได้คบกับใคร ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เราเป็นคนมีชื่อเสียงในตอนนั้นมาก ก็จะมีปาปารัสซีจับภาพที่เราอยู่กับผู้หญิงหลายคนในแต่ละวัน มันก็เลยทำให้สะสมและดูเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่มีข่าวแบบนี้"
นิกกี้ เผยว่า "เรื่องที่หยุดเล่นหนัง 18+ เพราะผมรู้สึกว่าผมเบื่อ ด้วยอาการก่อน จริงๆ ผมเป็นไบโพลาร์ ผมเริ่มเป็นตอนอายุ 29 เวลาผมอยู่กับคนเยอะๆ ถ้ามีอะไรทำให้โมโห ผมจะโมโหง่ายมาก พอเริ่มรู้ตัว ผมเป็นซึมเศร้า และเบื่อวงการบันเทิง ก่อนหน้านั้นผมไม่เป็น มาเป็นซึมเศร้าตอน 29 อาจเกิดจากการใช้ชีวิตที่หลงผิด อยู่ในช่วงปาร์ตี้บ่อย ก็เกิดเอฟเฟกต์ พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางแล้ว ไม่ว่าการใช้ชีวิตหรืออยู่ในวงการบันเทิง อาการอย่างที่เห็นในข่าว บางทีไปขึ้นโรงพักบ้าง อะไรบ้าง คนก็ไม่เข้าใจ คิดว่าผมไปก่อกวน จริงๆ ผมอยู่ในช่วงอยู่คนเดียว แล้วคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมเป็นโรคไบโพลาร์ที่มีอาการมาเนี่ย โมโหง่าย หลุด ก็เลยเป็นไปตามนั้น หลังจากนั้นมาก็บำบัด เข้าหาแพทย์ กินยาอยู่ 10 กว่าปี 13 ปี จนตอนนี้ผมก็หยุดยามาได้ 2 ปีแล้ว พยายามฝึกสมาธิ ฟังเพลงแจซซ์ อยู่กับธรรมชาติ ดนตรีบำบัด ตอนนี้ผมมีลูกแล้ว ยิ่งทำให้จิตใจผมสงบ เวลาทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง"
"หลังเลิกเล่นหนัง 18+ ที่ผมหายไปเลยส่วนใหญ่เป็นเพราะโรคนี่แหละครับ เวลาทำอะไรขึ้นมาก็ไปได้ดีทุกธุรกิจ โชคดีคือผมแตะอะไรจะประสบความสำเร็จ ไม่เจ๊ง แต่โชคร้ายคือคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่พอผมทำได้ 6 เดือน ปีนึง สองปี ผมทำให้มันเสียหายเอง เพราะคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมก็จะไปอาละวาดกับลูกน้อง จนตอนนี้ผมหยุดยาบำบัดโรคซึมเศร้า ผมคุมตัวเองได้จริง สิ่งที่เปลี่ยนผมไปเกี่ยวกับครอบครัวนะ ภรรยามีส่วนมาก ผมเจอคนดีที่เข้าใจผม คนที่เขาไม่เอาเปรียบผม ทั้งด้านการใช้ชีวิตหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาอยู่กับผมด้วยความรัก เข้าใจและซัพพอร์ต ทำให้ผมเห็นสิ่งที่สวยงามในความรัก ตอนเล่นหนัง 18+ ผมเจ้าชู้ แต่เบื้องหลังผมไม่ได้มีนะครับ แต่ช่วงที่มีข่าว เป็นช่วงที่ผมไม่ได้คบกับใคร ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เราเป็นคนมีชื่อเสียงในตอนนั้นมาก ก็จะมีปาปารัสซีจับภาพที่เราอยู่กับผู้หญิงหลายคนในแต่ละวัน มันก็เลยทำให้สะสมและดูเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่มีข่าวแบบนี้"
นิกกี้ เล่าต่อว่า "ผมไม่หลอกตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าภรรยาท้อง ผมเลิกบุหรี่ ตอนนี้เลิกมาได้ปีกว่าแล้ว ไม่ดื่ม ไม่แตะเลย ผมพยายามพูดจาให้เพราะ ไม่ใช้คำหยาบเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความที่สังคมเราต้องพัฒนาขึ้น พยายามแก้สิ่งต่างๆ ที่มองว่าเป็นลบ เป็นเนกาทีฟ ปรับทุกอย่างให้คงที่ และเป็นบวกขึ้น ผมคิดว่าผมเป็นคนที่มีอินเทลลิเจนท์ ระดับหนึ่งเลย แต่ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ใช้มัน เพราะมองว่าการหาเงินบันเทิงในแบบที่ผมทำมันง่ายกว่า แต่วันนี้ผมอยากโชว์สกิลเซตที่ผมได้สะสมเรียนรู้มา เรื่องหนัง 18+ ผมจะกลับมาเล่นอีกไหม ไม่ครับ เอาเงินมาตั้งเป็นร้อยๆ ล้านก็ไม่ครับ หนังอาร์ก็ไม่เอา ถ้าหนังธรรมดาโอเค อะไรที่ไม่ได้ดาร์ก"
"จริงๆ กว่าจะเคลียร์ภาพลักษณ์ได้ให้กลับมา เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ผมทำธุรกิจ ผมเป็นกรรมการผู้จัดการ เป็นเจ้าของ บางคนที่ไม่ได้ตามสตอรี่ผมเลย ว่าผมเปลี่ยนแล้วนะ มีลูกแล้วนะ ดีแล้วนะ ก็จะตกใจ ภาพเดิมยังอยู่ อ้าว เป็นเจ้าของธุรกิจเหรอ ทำโครงการขนาดนี้เลยเหรอ โกหกหรือเปล่า โม้หรือเปล่า กว่าจะทำให้เขาเชื่อใจใช้เวลานานมาก จนทุกวันนี้ บางทีทีมงานผม พูดในรายการนี้รายการแรก ทีมงานผมใหญ่มาก มีตำแหน่ง ผมเป็นตำแหน่งที่อยู่ข้างหลัง เพราะผมรู้ว่าคนติดเรื่องอิมเมจผม ผมเลยทำตำแหน่งผมให้ธรรมดามากเลย"ชมคลิป
VV
VVVVVV
VV
VV
VV
V
VVV
V
VVVVVV
V
VVVV
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น