เปิดชีวิต กระดุม ธนายง เคยโลดแล่นเป็นนักแสดงที่เกาหลี - ขาลงเกเรจนไร้งาน
กระดุม : กระทบมากเลยครับ ครั้งแรกของโควิดไม่เท่าไหร่ เพราะมันหยุดแค่ประมาณเดือนนึง แต่ครั้งนี้ 3 เดือนแล้วครับ นิ่งๆ เลย ทำอะไรไม่ได้
เรื่องค่าใช้จ่าย ต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้ไหม?
กระดุม : ถูกต้องครับ เอาเงินเก็บของตัวเองมาใช้ 3 เดือนแล้ว โดยปกติตัวเองมีรายจ่ายเดือนนึงเกือบแสน ก็หนักอยู่
เรียกว่าควักเนื้อ ไปได้อีกกี่เดือน?
กระดุม : เอาจริงๆ ผมจะมีก๊อก1 ก๊อก2 ก๊อก3 อันนี้คือก๊อก1 อีกสักประมาณ 2-3 เดือนก็น่าจะอืดๆ แล้วครับ หายใจเริ่มติดขัดแล้ว
พี่เข้าวงการมากี่ปีแล้ว?
กระดุม : ผมเข้ามาตั้งแต่ปี 87-88 ประมาณนั้นครับ 36-37 ปีได้ ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะเข้าวงการ เมื่อก่อนจะมีร้านขายเสื้อผ้า โดม่อน แมน เขารับสมัครประกวดหนุ่มโดม่อน แมน เราก็ไปเดินเที่ยวกับพี่สาว เขาบอกว่าประกวดไหม เราบอกไม่เอา ไม่ชอบ เขาก็คะยั้นคะยอ จนเราแบบก็ลองดู พอประกวดมันก็เข้ารอบไปเรื่อยๆ จนเราติด 1 ใน 5 เราก็ไม่ได้คิดว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง รุ่นนั้นจะมีเป็นมอริส เค เขาได้ที่2 ผมได้ที่4
พอเราได้ที่4 แล้วยังไงต่อ?
กระดุม : ก็มีงานถ่ายแบบ เดินแฟชั่นโชว์ ช่วงนั่นจะบูมมาก จะเดินตามเชียงใหม่ แล้วเดินตามดิสโก้ เธค ในผับอะไรอย่างนี้
กระดุม : เกย์ในยุคนั้นมันจะต่างกับยุคนี้ ยุคนั้นคือดูไม่ออกว่าเป็นเกย์นะ จะนิ่ง ไม่มีอาการ ไม่มีทรง รูปร่างก็ไม่ใหญ่เหมือนสมัยนี้ สมัยนี้ถ้าเป็นเกย์คือเราดูออก
แล้วเขามาติดต่อพี่ยังไง?
กระดุม : เมื่อก่อนตอนไปเดินแฟชั่นโชว์ต่างจังหวัด มันก็มีทางเดินระหว่างแต่งตัวเสร็จขึ้นเวที ระหว่างทางเดินกลับถ้าเป็นชุดกางเกงว่ายน้ำโดนล้วงแน่นอน
เขายื่นข้อเสนอเท่าไหร่?
กระดุม : คือมีคนมาทาบทามบอกว่ามีคนอยากจะดูแล สนใจไหม เรียกมาได้นะว่าจะเอายังไง ผมบอกไม่ครับ มันไม่ใช่ทางผม เรามารู้จัก มากินข้าวกันดีกว่า
แล้วจากนายแบบพี่มาเล่นละครได้ยังไง?
กระดุม : พอประกวดเสร็จ ก็มีถ่ายแบบลงหนังสือนู่น นี่นั่น แล้วพอดีช่วงนั้นช่อง3 เขาหานักแสดง นายประชาเขาก็เรียกเราไปเซ็นสัญญา ก็ตกลงเซ็นสัญญาช่อง3 ก็ได้เล่นละครเรื่องแรกเลย พอเซ็นสัญญาเสร็จ เดินออกมาเจอพี่จิ๋ม มยุรฉัตร เขาบอกมาเล่นละครอาเลย
เล่นละครหลายเรื่องไหมกว่าจะได้เป็นพระเอก?
กระดุม : ผมเล่นละครช่อง3 จนหมดสัญญา จากช่อง3 ด้วยความที่เราเกเรก็ออกจากช่องไปอยู่กันตนาพักนึง เสร็จแล้วก็ออกด้วยความเกเรตามประสาเด็กวัยรุ่น จนไปทำงานที่มีเดีย เป็นนักข่าวภาคสนาม โทรศัพท์เข้าช่องคลื่นวิทยุ สัมภาษณ์คนทำงานกลางคืน ก็มีอยู่วันนึงก่อนที่จะมาเป็นพระเอกก็ไปหาอาปื๊ด คุณกิตติ อัครเศรณี สมัยนั้นเป็นอัครมีเดีย เราก็ไปธุระ เสร็จปุ๊บก็ไปเจออาปื๊ดนั่งอยู่ ผมก็ไปสวัสดี เขาก็มองแล้วถามว่า มึงอยากเล่นละครไหม เราก็งง แต่ตอบไปว่า อยากครับอา มึงเป็นพระเอกเลย เขาบอกเดี๋ยวพรุ่งนี้มึงเตรียมตัวให้พร้อม มึงไปฟิตตัวเก็บตัวเลยนะ พออีกวันเราก็ไปฟิต ไปซ้อมดาบ ไปเล่นยิม ต่างๆ ที่เขาพาไป ตอนนั้นเล่นเรื่องขุนศึก คู่ตุ๊ก วิมลเลขา ฉายช่อง9
กระดุม : เพราะว่าเป็นพระเอกอยู่เรื่องเดียว หลังๆ มางานมันหาย สงสัยจะไม่สมพงศ์ ก็เลยมานั่งคิดว่าพระเอกมันคงไม่เหมาะ ก็เลยพยายามหาตัวเอง เปลี่ยนตัวเองว่าคงจะไม่ได้พระเอกแล้ว
ก็เลยทำให้พี่ผันตัวมาเป็นผู้ร้าย?
กระดุม : ใช่ครับ
เป็นผู้ร้ายจนโกอินเตอร์?
กระดุม : ใช่
ผู้กำกับญี่ปุ่นมาเห็น ติดต่อให้ไปเล่น?
กระดุม : ใช่ครับ แต่ที่ผู้กำกับญี่ปุ่นเห็นเนี่ย เขาไม่ได้เห็นจากงานละคร อาจจะเป็นเพราะดวงที่เราอาจจะได้เล่นก็ได้ พอดีทีมงานหนังของญี่ปุ่นมาถ่ายเมืองไทย แล้วเขาเอาทีมไทยผสมกับญี่ปุ่น แล้วพอดีคนที่เขาแคสนักแสดงก็รู้จัก ก็ติดต่อว่าอยากเล่นไหม เราก็ไป ก็ได้เล่นเรื่อง Children of the dark
รายได้ดีไหม?
กระดุม : ตอนญี่ปุ่นไม่ดีครับ มันได้แค่หลักหมื่น มันได้เป็นคิว แต่มาดีตรงที่ไปเกาหลี
กระดุม : มันก็เป็นดวงอีก พอเล่นหนังญี่ปุ่นเสร็จแล้ว พอดีทางเกาหลีเนี่ย เขาจะเตรียมงานหนังเรื่อง The Man from Nowhere ซึ่งความโชคดีของเราก็คือ ระหว่างที่เขาหาตัวนักแสดง ผู้กำกับเขาเห็นเราในหนังเขาก็แคปรูปเราไว้บนบอร์ด เขาเลยติดต่อมาที่บริษัทเอเจนซี่เมืองไทย หาตัวนักแสดงมาแคส เพื่อหาคนนี้ เสร็จแล้วหาไม่ได้จนวันสุดท้ายเพื่อนผม เคยทำงานอยู่กันตนา เขาไปธุระที่นี่ เขาก็เลยถามว่าคุณรู้จักผู้ชายคนนี้ไหม เพื่อนผมก็มองรูป นี่มันกระดุมนิ เขาก็โทรหาผม ให้ไปแคส ผมก็ได้ เขาบอก 2 วันไปเกาหลีเลย ผมก็ถามรายละเอียด เขาบอกอยากให้ไปดูตัว เราก็ถามใครออกค่าตั๋วเครื่องบิน แล้วค่าใช้จ่าย ผมก็เลยบอกว่าขอเงินก่อน 200,000 บาทแล้วก็ตั๋วเครื่องบิน แล้วที่อยู่ เขาบอกโอเคได้ ผมก็เลยซื้อตั๋วไปเลยคนเดียว
พี่ได้ค่าตัวเท่าไหร่?
กระดุม : ก็ได้ประมาณ 2 ล้านกว่า เราอยู่เกาหลีจริงๆ ซ้อมคิวบู๊ประมาณ 6-7 เดือน ไป-กลับ เกือบ 2 ปี อยู่นานสุดประมาณ 15 วัน
ฟังดูก็ดี แต่ทำไมทีมงานบอกพี่อยากกลับบ้านมากเลย?
กระดุม : ตอนไปอยู่ที่นู้น ตอนฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เขาเนี่ยไม่เหมือนบ้านเรา พอไปเปลี่ยนลักษณะการต่อสู้ มันเหมือนกับเปลี่ยนตัวเรา แล้วเราต้องพยายามทำให้ได้เหมือนกับที่เขาอยากได้ แล้วมันกดดันมาก ทุกอย่างจะฟิกหมดเรื่องเวลาการซ้อม 9 โมงเช้ามารับที่โรงแรม อาหารเช้าคือกาแฟกับแซนวิช บ่ายโมงพักเที่ยง อาหารบริเวณยิม จนถึงประมาณ 2 ทุ่มซ้อมเสร็จกลับโรงแรม แวะกินข้าวข้างทาง ชีวิตอยู่แบบนี้ประมาณ 6 เดือน
สุดท้ายหนังออกมาฟีดแบคดีมาก?
กระดุม : ดีมาก
จนพี่คิดไปอยู่เกาหลี?
กระดุม : ใช่ คิดเลย แต่เอาจริงๆ มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด มันหลายๆ อย่าง เพราะเราเป็นคนไทยด้วย แล้วเราไม่ได้มีพาวเวอร์ที่ไปแล้วมันต้อง success เช็กจากทุกๆ คนแล้วมันไม่ง่าย เราก็เลยถอย
เรื่องภาษาล่ะ?
กระดุม : เป็นภาษาอังกฤษที่สื่อสารกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีล่ามเป็นนักเรียนเกาหลีที่เรียนเมืองไทย
กระดุม : มันก็มีบ้าง แต่ความเจ้าชู้ของผมมันจะมีหลายเลเวล คือเลเวลแรกๆ ช่วงเข้าวงการใหม่ๆ อันนั้นคือซัดแหลก กินมูมมาม เลเวลต่อไปเริ่มมีโฟกัสว่าอย่างนี้ไม่เอา เขี่ยออกไม่กิน
จริงหรือเปล่าสมัยก่อนพี่เปลี่ยนผู้หญิงทุกคืน?
กระดุม : คือถ้าออกเที่ยวต้องล็อกคอจบ ผมจะเป็นคนชัดเจนมาก ถ้าผมไปเที่ยวกับเพื่อน 3-4 คน ตัวเองจะไว้ทีหลัง ให้เพื่อนก่อน ล็อกคอมาปุ๊บถามมากับใคร มากับแฟนหรือเปล่า ถ้ามากับแฟนไม่เป็นไร
เคยไหมล็อกแล้วโดนตบกลับ?
กระดุม : มีครับ
คบคนเยอะแบบนี้มันต้องมีรถไฟชนกัน?
กระดุม : มีครับ แต่ผมโชคดีเวลาชนแล้วผมไม่เคลียร์เอง ผมเดินหนี ผมไม่อยู่ ไม่อยากรับรู้
เห็นว่าเคยทำผู้หญิงท้องด้วย?
กระดุม : มันเป็นอะไรที่มีคนบอกผ่านมาว่าผู้หญิงที่เราไปมีอะไรด้วยเขาท้อง เราก็แบบ..ไม่มั้ง เราก็ป้องกันอย่างดีนะ เราก็เลยไปตามหาผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีอะไร แค่เป็นเขาเล่ามา บอกมาเฉยๆ
อันนี้จริงไหม ทีมงานบอกว่าพี่ไม่คบคนในวงการเลย?
กระดุม : จริงๆ ผมเคยแต่งงานกับคนในวงการ แล้วผมก็เลิก มันก็เลยเหมือนมีปม เราก็เลยไม่อยากยุ่ง ซึ่งคนที่ผมเคยแต่งงานด้วยเป็นนักแสดง แต่ไม่เอ่ยชื่อเขาดีกว่า
จริงไหม หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็หมดไปกับนารีและสุรา?
กระดุม : ใช่ครับ ช่วงแรกๆ มันไม่คิดอะไร คิดว่ามีเงินก็เที่ยว กินเหล้า เช้ามาทำงานก็มีเงิน แล้วก็เหมือนเดิม ชีวิตวนอยู่อย่างนี้
กี่ปีพี่?
กระดุม : ตั้งแต่ 18 จนถึงประมาณ 30 กว่า
คืนนึงที่พี่จ่ายทั้งเหล้า ผู้หญิง สูงสุดเท่าไหร่?
กระดุม : ก็หลายหมื่น
กระดุม : ก็คงไม่ทำ มันไม่มีประโยชน์ เก็บเงินดีกว่า แต่ว่ามันก็พูดยาก เงินยุคนั้นกับยุคนี้มันก็ต่างกัน ถามว่าตอนนู้นรายได้ดีไหม ดีระดับนึง
แต่มีอยู่พักนึงที่เราไม่เห็นหน้าพี่บนจอทีวีเลย เกิดอะไรขึ้น?
กระดุม : ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไร มันก็เคว้ง
เราไม่อยากทำหรือมันไม่มีงานติดต่อเข้ามา?
กระดุม : มันมีแต่มันน้อย จากเมื่อก่อนปีนึงหลายๆ เรื่อง เหลือปีละเรื่อง
เห็นว่าปีนึงเคยถ่าย 10 เรื่อง?
กระดุม : ใช่ครับ เคยได้ปีนึงประมาณ 10 กว่าเรื่อง
ตอนนั้นพี่คิดจะกลับเข้าวงการอีกก็เลยคิดจะถ่ายนู๊ด?
กระดุม : ใช่ เพราะมันมีอยู่ช่วงนึง นักแสดงผู้ชายมาถ่ายนู๊ดเยอะมาก เราก็เลยคิดว่าจะเอาดีไหม ก็ไปคุยกับช่างภาพกับเจ้าของหนังสือ คุยกันว่าอย่างนี้ดีไหม พยายามฟิตหุ่นละนะ แต่สุดท้ายพอถึงวันถ่ายจริงๆ มันไม่กล้า
ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?
กระดุม : ประมาณ 30 ตอนนั้นที่เราวางไว้ไม่ได้เป็นนู๊ดจ๋า เรามองเป็นอาร์ตสวยๆ แค่นั้นเองที่เราอยากจะทำ
แล้วอะไรทำให้เปลี่ยนใจ?
กระดุม : ใจเรามันคิดเยอะนะว่าภาพมันจะติดแบบนี้ไปตลอดชีวิตนะ เราก็เลยไม่เอาดีกว่า ก็เลยถอย
แล้วพี่กลับมาในวงการได้ยังไง?
กระดุม : เหมือนกับดวงมั้งครับ ก็เริ่มมีงานกลับมาอีก
พี่ว่าพี่ตัดสินใจถูกไหมที่ไม่ได้ถ่าย?
กระดุม : ถามว่าใจก็อยาก แต่ ณ เวลานี้คิดว่าทำถูกแล้ว
จากวิกฤตที่มันเกิดขึ้น พี่ได้รับบทเรียนอะไรบ้าง?
กระดุม : เยอะมากครับ ก็หลังจากที่เกิดวิกฤตต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตก็เหมือนเป็นครู เป็นบทเรียนสอนเรา เพราะฉะนั้นตอนนี้เวลาทำอะไร เราต้องคิดเยอะเลยว่าทำไปแล้ว ข้อกียังไง ข้อเสียยังไง ตอนนี้คิดเยอะมาก จะทำอะไรต้องมองไปข้างหน้า เราจะมองอยู่กับที่ไม่ได้แล้ว
สาวคนนี้คงมา 10 กว่าปีแล้ว?
กระดุม : 10 กว่าปีแล้วครับ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เที่ยวอยู่ในกลุ่มด้วยกันนี่แหละ จริงๆ รู้จักกันก่อน 10 กว่าปีด้วยนะระหว่างที่เป็นเพื่อนกัน
แสดงว่าเขารู้จักเวอร์ชั่นพี่เมื่อก่อนด้วย?
กระดุม : ชัดเจนมาก
แล้วทำไมเขาถึงตัดสินใจเป็นแฟน?
กระดุม : น่าจะเป็นช่วงที่ต่างคน ต่างไม่มีใคร พออายุมันเริ่มเยอะ เราก็คุยกัน มองกันแล้วก็เออคุยกันว่าเป็นแฟนกัน
จากเพื่อนมันเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกตอนไหน?
กระดุม : จริงๆ มันก็มีการมองกันอยู่แล้ว
ใครขอใครเป็นแฟน?
กระดุม : ผมครับ
แล้วทำไมพี่ถึงหยุดเจ้าชู้เพราะคนนี้?
กระดุม : อาจจะถึงจุดที่เราอิ่มตัว เราไปเที่ยวแบบสุดแล้ว ความที่เราพีค ความระยองของเรามันสุดแล้ว เราก็คิดว่ามันก็น่าจะหยุดได้แล้ว พอหลังๆ ไปเที่ยว เราไม่ได้สนุกแบบเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนเราทำอะไร เราทิ้งตัว ให้ทำอะไรทำหมด แต่เดี๋ยวนี้พอถึงจุดด้วยอายุ
พี่รู้สึกว่าพอมาคบกับคุณนกอยากอยู่กับเขามากกว่าอยากไปเที่ยว?
กระดุม : ก็ส่วนนึงแรกๆ คือเรารู้จักกันมานาน พอเป็นแฟนก็อยู่ด้วยกันมานานจนมันกลายเป็นเพื่อน ทีนี่คำว่าเพื่อน คำว่าแฟนมันต่างกัน พออยู่แบบเพื่อนเขาไม่ได้สติ๊กกับเราเยอะ แต่ต้องไม่เลยเส้นว่าคุณได้ประมาณไหน
กระดุม : ไม่แต่งครับ เพราะเคยแต่งไปแล้วแล้วเราไม่ประสบความสำเร็จกับตรงนั้นเราก็เลยคิดว่าการแต่งงานไม่จำเป็น นี่คือความคิดของผมนะ
พี่ไม่เคยพูดถึงเรื่องความรักที่ไหนเลย?
กระดุม : ใช่ครับ ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน ที่เราอยู่กับเขา ว่าเราดีกับเขาไหม รักเขาไหม เขารักเราไหม คือผมเป็นคนไม่แสดงออกเรื่องความรัก เหมือนกับผมเป็นคนแข็งกระด้าง
แฟนพี่น่ารักยังไง?
กระดุม : เขาเป็นผู้ใหญ่ คือเขาไม่ต้องมาว่า คุณต้อง ก. ข. คือชีวิตคุณเขารู้สันดรอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง
แล้วเขาโอเคไหมที่จะไม่แต่งงาน?
กระดุม : โอเคครับ
อยากมีลูกกันไหม?
กระดุม : เมื่อก่อนคิดอยากมี แต่พอเลยเลข5 ไม่อยากมีแล้วครับ
เคยมีเรื่องให้เขาต้องหึงหวงพี่ไหม?
กระดุม : มีครับ ช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามา มันเป็นเรื่องปกติอยู่ แล้วเขาก็พูดไม่เยอะแค่มอง เราก็โอเคเข้าใจได้
แต่พี่ไม่เคยเปิดตัวนะ?
กระดุม : ไม่เคยเปิดตัวเลย
เขาจะน้อยใจไหม?
กระดุม : ไม่มีเลย
อยากจะบอกอะไรแฟนคุณ?
กระดุม : อยากจะบอกว่าที่อยู่ด้วยกันมาเนี่ย เขาก็ควจะรู้ว่าผมเป็นคนไม่พูด แต่ถามว่ารักไหม รัก ถามว่าห่วงไหม ห่วงแต่ว่าไม่พูด