หนุ่ม สันติสุข เปิดใจเหตุขายบ้าน เคลียร์ชัดๆ อำลาวงการจริงเหรอ?
หนุ่ม สันติสุข : ใช่ คือบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังแรกที่ซื้อจากน้ำพักน้ำแรกตั้งแต่เข้าวงการ คือผมเข้าวงการมาตั้งแต่ปี 2529 แล้วบ้านหลังนี้ซื้อตอนปี 2531 ทุกวันนี้ก็มีอายุ 33 ปี ก็มีความผูกพันธ์เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ที่นี่จนท่านเสียไป ส่วนสาเหตุที่ต้องขายก็คือ ลูกโตขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น เริ่มเดินชนกันในบ้าน ก็เลยไปสร้างบ้านใหม่ ใกล้ๆ แล้วบ้านใหม่ก็เสร็จพอดี ตอนแรกตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้เป็นมรดกลูกๆ แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโควิดมันทำให้เราทำงานไม่ได้ รายได้ก็ไม่เข้ามา ก็เลยไม่สามารถเก็บไว้ได้
ลูกๆ ทราบไหมว่าขายบ้านเพราะพิษโควิด
หนุ่ม สันติสุข : ก็คงจะรู้เหมือนกัน เพราะช่วงหลังเราอยู่บ้านนาน แต่เขาเข้าใจ ว่าเราจำเป็นต้องตัดใจกับบางสิ่งบางอย่าง บางทีมันเกินความจำเป็นที่มีอยู่
คนเม้าท์ขายบ้านเพราะพิษโควิด
หนุ่ม สันติสุข : จริงๆ จะพูดอย่างนั้นก็ได้ เพราะตอนนี้ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ถ่ายละคร ยังมีคาราอยู่ 2 เรื่อง คาซังอยู่เรื่องหนึ่ง แล้วรอเปิดอีก 3 เรื่องทำอะไรไม่ได้เลย แล้วมีรายการที่เปิดกับน้องเป๊กกี้ ก็หมดวาระไป ทุกวันนี้ไม่มีรายได้ ก็ใช้เงินเก็บอย่างเดียว
แฟนๆ กังวลว่าจะอำลาวงการ แล้วไปทำไร่ที่เชียงราย
หนุ่ม สันติสุข : ก็มีข่าวออกมาว่าหนีพิษโควิดจะไปอยู่เชียงราย จริงๆ แล้วบ้านที่เชียงราย ผมซื้อและสร้างไว้ 20 กว่าปีแล้ว เพราะว่าตอนนั้นไปถ่ายละคร แล้วเห็นว่าสวยดีก็เลยซื้อไว้ แล้วก็มีการต่อเติมจนมีไร่มีนา เราก็ทำตามเศรษฐกิจพอเพียง มีพื้นที่ 20 ไร่ ก็มีปลูกข้าวสามไร่ ปลูกไม้ใหญ่ เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ถามว่าเรามีการนำพื้นสร้างรายได้ไหม ก็ให้คนที่เฝ้าอยู่เขามีรายได้ คือเราก็ให้ที่เขาไปทำกิน เขาก็เฝ้าที่ให้เรา พอช่วงปีใหม่ อากาศดีๆ หนาว ๆ เราก็พาลูกไปตกปลาบ้าง ไปดำนาบ้างจะได้รู้ว่าเขาปลูกข้าวกันอย่างไร ลูกก็ชอบ ปีหนึ่งก็ไป 2-3 ครั้ง ถามว่าจะมีโอกาสไปอยู่ถาวรไหม เราก็มีวางโครงการไว้ ว่าวันหนึ่งถ้าลูกเต้าเราสบายแล้วเราก็อาจจะไปอยู่นานหน่อย แต่ถ้าให้ไปอยู่เลยเราคงไปอยู่ไม่ได้
หนุ่ม สันติสุข : เครียดเหมือนกันเพราะว่าเวลามันผ่านไป อายุเราก็มากขึ้น เปรียบเสมือนเรากำลังวิ่งไปข้างหน้าแล้วเชือกรองเท้าหลุด เราก็ต้องหยุดเพื่อผูกเชือกรองเท้า เสียเวลาไป 2 ปี โดยที่เราทำอะไรไม่ได้ อย่างเด็กที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิต เฟรสชี่ ไม่ได้รับน้องอะไรเลย ต้องเรียนออนไลน์ ชีวิตช่วงนั้นก็หายไปเลย
เห็นว่าบ้านใหม่อยู่ใกล้บ้านหลังเก่า
หนุ่ม สันติสุข : ก็เลยไป 2-3 ซอย จากบ้านเดิม สร้างมาตั้งแต่ปี2559 ก็ใช้เวลาสร้าง 4 ปี เพราะสร้างมาปีแรกผู้รับเหมาหนี ก็เลยต้องหยุดไป 1 ปี กว่าจะมีคนมาทำบ้านต่อก็ติดโควิดอีกก็เลย 4 ปี บ้านหลังใหม่ก็หมดไปหลายสิบล้านเหมือนกัน เพราะทำบ้านถมเงินเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ถมหายๆ แต่บ้านก็เป็นสิ่งที่เราสร้างให้กับครอบครัว ให้ลูกด้วย ลูกก็จะมีพื้นที่ของตัวเอง มีห้องของตัวเอง เพราะตอนนี้ลูกๆ เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว
หนุ่ม สันติสุข : เจอกันที่กองถ่าย ตอนนั้นเขามาเป็นเอ็กซ์ตร้า ตอนนั้นเขายังเรียนหนังสืออยู่ เรียนอยู่ปี 4 เป็นพระเอกนางเอกเราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เอ็กซ์ตร้าดีกว่า ก็เหมือนตลก เขาไม่จีบนักร้อง เขาจีบเด็กเสิร์ฟ อันนี้พูดเล่นๆ แต่จริงๆ ก็คือ ตอนนั้นที่เรามาเจอภรรยา เราโสดอยู่ โสดมาหลายปีแล้ว
ครั้งแรกที่เจอภรรยารู้สึกอย่างไร
หนุ่ม สันติสุข : ก็ธรรมดาทั่วไป เพราะตอนนั้นก็เป็นพ่อพวกมาลัยนิดหนึ่ง เพราะว่าโสดและเล่นหนัง เล่นละคร และเรายังเป็นพระเอกอยู่ ซึ่งสมัยก่อนโซเชียลมันยังไม่รุนแรง นักข่าวสมัยก่อนจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของนักแสดง
เลเวลความเป็นพ่อพวงมาลัย ระดับไหน
หนุ่ม สันติสุข : ก็เหมือนทั่วไป เวลาเจอผู้หญิงสวยก็อยากไปจีบ ถ้าเลเวลระดับรร้อย เราให้ตัวเอง เก้าสิบ ตอนที่จีบภรรยา เราก็คิดว่าอายุเราก็ไม่น้อยแล้ว เราจะไปจีบรุ่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็จะแต่งงานไปหมดแล้วก็เลยต้องมาจีบรุ่นเด็กๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ยังไม่คิดเรื่องมีครอบครัว
แล้วเรื่องช่องว่างระหว่างวัย
หนุ่ม สันติสุข : แรกๆ ก็ไม่มี คือ 20 กว่า กับ 30 กว่า มันกำลังดีเพราะดูช่วงอายุจะเท่าๆ กัน แต่ถ้าเป็น 40 กว่า กับ 50 กว่า จะดูห่าง
คุณพ่อภรรยาดุมาก
หนุ่ม สันติสุข : เขาหวงลูกสาวมาก เพราะว่าโดยอาชีพของเราเป็นดารา เป็นนักแสดง เป็นพระเอกอีก ใครมีลูกสาวเขาก็หวงทั้งนั้นแหละ เขาก็กลัวว่าเราจะไปชอบลูกสาวเขาจริงหรือ
หนุ่ม สันติสุข : ตอนนั้นก็เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ตอนที่เข้าวงการใหม่ๆ ไม่ได้เลย
เห็นว่าจีบภรรยากลางกองละคร
หนุ่ม สันติสุข : สมัยก่อนการที่นักข่าวจะเข้าไปในกองถ่ายมันเป็นเรื่องยากมาก ถ้าทางกองไม่อนุญาติเขาก็เข้าไม่ได้ เพราะมันเป็นพื้นที่ส่วนตัว นักแสดงอาจจะนอนอ่านบทอยู่กับพื้น อาจจะกินข้าวโดยใช้ชามพาสติก ซึ่งภาพมันอาจจะไม่น่ามอง แล้วเราก็ไม่คิดอะไรเพราะเราโสดอยู่ การที่เราจะจีบใครมันก็ไม่ผิดอะไร
จีบอย่างไร
หนุ่ม สันติสุข : ส่วนใหญ่จะใช้สายตา ผมว่าแค่มองเขาก็รู้แล้วหล่ะว่าเราจะจีบเขา
ภรรยาเชื่อไหมว่าเราจีบจริงๆ
หนุ่ม สันติสุข : เชื่อ แต่ว่าตาลจะไม่เหมือนคนอื่น ดูเผินๆ เขาก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่เขาเป็นคนจริงจัง ดูเรียบร้อยไม่เหมือนวัยรุ่นทั่วไป
ทำไมเลือกคนนี้เป็นแม่ของลูก
หนุ่ม สันติสุข : หลังจากที่คบกันได้ 6 ปี ก็ไปมาหาสู่ เราก็ทำตามกระบวนการทุกอย่างเราก็เห็นว่าเขาเป็นคนที่จับต้องได้ เขาเหมาะที่จะเป็นแม่ของลูก เขาไม่เหลาะแหละ จริงใจ พูดตรง และมีมุมมอง ในการใช้ชีวิตตรงกัน
ตอนจะแต่งเพื่อนๆ งงกันหมด
หนุ่ม สันติสุข : ก็คือคนเราก็มีจุดลิมิตของตัวเอง พอเราใช้ชีวิตโสดเต็มที่ พอถึงจุดหนึ่ง เราจะรู้สึกพอแล้ว เพราะเราก็ผ่านอะไรมาเยอะ เราควรจะมีครอบครัวได้แล้ว แล้วเราก็มาเจอคน ที่ใช่เราก็ควรจะหยุด คือผู้ชายเจ้าชู้ได้ อะไร แต่พอแต่งงานแล้วต้องหยุด ตอ้งให้เกียรติผู้หญิง ไม่ใช่แต่งงานแล้วค่อยๆ ซา
หนุ่ม สันติสุข : ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้จัดการของเรา พี่สมเกียรติ เขาจะเป็นคนพาเที่ยว ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันจะเป็นคนนอกวงการมากกว่า
เห็นว่าต้องเที่ยวทุกวันจริงไหม
หนุ่ม สันติสุข : (พยักหน้า) ต้องเที่ยว ทุกคืน บางทีเที่ยวถึงเช้าแล้วก็ไปถ่ายละครต่อ อาจจะเป็นเพราะวัยด้วย คือถ้าวันไหนไม่ได้เที่ยวจะหงุดหงิด คือแต่ก่อนถ่ายหนัง ซึ่งหนังจะไม่ค่อยถ่ายกลางคืน กลางคืนเราก็จะได้เที่ยว ก็เที่ยวทุกคืน
ตอนสมัยเจ้าชู้รถไฟเคยชนกันบ้างไหม
หนุ่ม สันติสุข : ก็มีบ้าง เราก็ใช้วิธีล่องหนหายตัว ก็ทิ้งทั้งคู่ ส่วนสาวๆ ก็มีบ้างเพราะเราเป็นดาราหน้าตาดี แต่เราก็แค่สนุกๆ ด้วยวัยเพราะว่าการทำงานของเรา ถ่ายหนังถ่ายละคร ก็ค่อนข้างจะเหนื่อยและเครียดพอสมควร ซึ่งสมัยก่อนก็จะไปเที่ยวแถวซุปเปอร์ไฮเวย์ เดอะพาเลซ เป็นผับใหญ่ที่สุดในยุคนั้น คนอายุ 40 -50 ปี ต้องรู้จัก
สมัยก่อนเวลาไปถ่ายหนังก็ต้องยกกองไปเลยเดือนหนึ่ง ไปอยู่เป็นเดือน เพราะเราเป็นเด็กค่าย ก็จะเล่นหนังค่ายอย่างเดียว ถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง เดือนเดียวก็จบแล้วเพราะเราถ่ายทุกวัน
แม้จะหยุดแล้วแต่ก็ยังทำให้ภรรยาไม่ไว้วางใจ คือเรื่องอะไร
หนุ่ม สันติสุข : ก็อาจจะเป็นด้วย อายุที่ห่างกัน ตอนเป็นแฟนไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นครอบครัวต้องอยู่ด้วยกันตลอด โดยอาชีพของเราเขาอาจจะไม่เข้าใจ อย่างเรื่องแหวนแต่งงาน บางทีเราไปถ่ายละคร บางเรื่องตัวละครที่เราแสดงไม่ได้แต่งงานเราก็ต้องถอดเก็บ แต่พอภรรยาเขาดูเห็นเราไม่ใส่แหวนก็คิดว่าเราไม่อยากให้ใครรู้ว่าแต่งงานแล้วใช่ไหม กลับมาเราก็อธิบาย อยู่ๆ ไปเขาก็เริ่มเข้าใจ มันก็เรื่องธรรมดาที่เขาเข้าใจยาก
หนุ่ม สันติสุข : ก็มีบ้างเพราะเราหน้าตาดี โดยอาชีพของเราเวลาไปไหนมาไหนก็จะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูป คือเราก็เห็นใจเขาเหมือนกันเวลาออกไปไหนแล้วมีคนเข้ามาขอถ่ายรูป ขอกอดหน่อย และบางทีไปต่างจังหวัด ไปเจอคุณยายเขาก็จะถามว่า คุณหนุ่มวันนี้คุณจินตราไม่มาเหรอ คือเราเข้าใจนะ ว่าแฟนคลับเขาอินกับหนัง แต่ภรรยาเราก็อยู่ข้างๆ
แต่งงานกับภรรยามากี่ปีแล้ว
หนุ่ม สันติสุข : คบกัน 6 ปีแต่งมา 19 ปี รวม 25 ปี
อยากจะบอกอะไรกับภรรยาบ้าง
หนุ่ม สันติสุข : ก็อยากจะบอกตาลนะว่า ขอบใจมากๆ เลยที่มาเป็นภรรยาพี่ และมาเป็นแม่ของลูกๆ ทั้ง 3 คน รู้เลยว่าตาลเหนื่อย เพราะบางทีพี่ก็มีโลกส่วนตัวเยอะ คนเป็นนักแสดงก็เป็นแบบนี้แหละเพราะต้องใช้จินตนาการเยอะ บางทีก็ต้องทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ก็ต้องขอโทษด้วย
ลูกมีอยู่แล้ว 3 คนทำไมจะมีเพิ่มอีก
หนุ่ม สันติสุข : ก็มีอยู่แล้ว 3 คน คนโตน้องโฟกัสตอนนี้อายุ 18 ปีเขาก็จะเป็นคนนิ่งๆ และมีโลกส่วนตัวเหมือนเรา เขาเป็นคนเรียนเก่ง เขาได้ทุนที่โรงเรียน ส่วนคนที่สองและสามเป็นฝาแฝด น้องฟอสกับน้องเฟมตอนนี้อายุ 14 แล้ว ก็เป็นแฝดธรรมชาติ แม้จะเป็นแฝดแต่เขาไม่เหมือนกัน นิสัยก็ไม่เหมือนกัน ฟอสจะเอาตัวรอดหน่อย จะเจ้าเล่ห์นิดๆ ส่วนเฟมจะเป็นคนชอบช่วยเหลือ เวลาให้ช่วยอะไรเขาจะอยู่เป็นคนสุดท้าย
เห็นว่าต้องโฟกัส มีแฟนแล้ว และภรรยาก็เป็นคนพาลูกไปหาแฟนด้วย
หนุ่ม สันติสุข : คือช่วงหลังๆ จะเรียนออนไลน์กัน เขาก็จะไม่ค่อยได้เจอกัน แล้วพอดีกับแฟนของโฟกัสเขาอยากเรียนทำขนม เพราะตาลเขาทำขนมเก่ง ก็เลยไปสอนที่บ้าน ส่วนลูกที่ว่าเพิ่มมา คือสุนัข ตอนนี้อายุ 8 เดือนแล้ว คือลูกชายอยากเลี้ยงมากชื่อน้องฮีโร่ เป็นพันธ์ อากิตะ