พิษรัก แรงชัง ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน เกิดการฆาตกรรมเภสัชกรสาว


พิษรัก แรงชัง ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน เกิดการฆาตกรรมเภสัชกรสาว

ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน เกิดการฆาตกรรมเภสัชกรสาวซึ่งกำลังเข้าสู่ประตูวิวาห์ แต่กลับถูกขัดขวาง เส้นทางรักกลายเป็นโศกนาฏกรรม เรื่องราวที่ไม่ต่างจากนิยายรักรันทดที่เคยได้ยิน

ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน เกิดการฆาตกรรมเภสัชกรสาวซึ่งกำลังเข้าสู่ประตูวิวาห์ แต่กลับถูกขัดขวาง เส้นทางรักกลายเป็นโศกนาฏกรรม เรื่องราวที่ไม่ต่างจากนิยายรักรันทดที่เคยได้ยิน

รับชมคลิป
VVVVVVVV
VVVVVVV
VVVV
VVV

 



>>>>>

ที่นี่อาจไม่ใช่ปลายทางการเดินทางของใครหลายๆ คน แต่เป็นปลายทางของคู่ชีวิตหนึ่ง ที่ความรักนำพาให้เรื่องราวของพวกเขาถูกบันทึกไว้อย่างแสนทุกข์ระทม ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน สายตาผู้คนจำนวนมาก จับจ้องมาที่นี่ ที่ที่เกิดการฆาตกรรมเภสัชกรสาวรายหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์แต่กลับถูกขัดขวางจากใครบางคน เส้นทางรักกลายเป็นโศกนาฏกรรมสุดสะเทือนใจ ที่สังคมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องราวของเธอไม่ต่างไปจากนิยายรักรันทดที่เคยได้ยิน แรงขับจากความชิงชัง แรงอาฆาตที่ซ่อนอยู่ในอก นำไปสู่โศกนาฏกรรมความรักของคนคู่หนึ่ง และทางเดินสุดท้ายของจอมบงการ

การแจ้งความมี 2 อย่างคือ การแจ้งความร้องทุกข์ เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายจากเหตุการณ์ที่มีผู้ทำความผิดนั้นไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่เพื่อต้องการให้ผู้ทำความผิดได้รับโทษตามกฎหมาย ส่วนการแจ้งความกล่าวโทษ เป็นเรื่องของบุคคลทั่วไปพบเห็นการทำความผิด หรือทราบว่าได้มีคนทำความผิด ไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ทราบว่าได้มีการทำความผิดเกิดขึ้นมา การแจ้งความทั้ง 2 แบบ เมื่อตำรวจได้รับแจ้งความแล้ว ถือเป็นการมอบหมายให้ตำรวจให้ไปสืบสวน เสาะหาหรือไปจับกุมคนที่ทำความผิดมารับโทษตามกฎหมาย

วันนี้ ฤดีมาศ สิงห์มณี ไม่ต้องเดินทางเข้าออกศาล หรือตระเวนไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามจับจำเลยหนีคดีคนหนึ่ง เหมือนเช่นที่ผ่านมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้น คือ นางจุรี จันทร์งาม ผู้ที่พรากทั้งความรักและความหวังในชีวิตของเธอไป แต่ความผิดใดที่หญิงชราก่อไว้จนทำให้ฤดีมาศ ต้องเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรม

ในที่สุด 17 พฤศจิกายน 2558... 8 ปีที่ ฤดีมาศ รอคอย หญิงชราคนหนึ่งใช้เล่ห์อุบายทุกอย่างเพื่อหนีความผิด ขณะที่หญิงอีกคนทำทุกวิถีทางเพื่อนำหญิงชรานั้นมาชดใช้สิ่งที่ได้ก่อไว้ เส้นขนานของผู้หญิงสองคนนี้มีต้นตอจากอะไร

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ณ คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา สถานที่ที่บุตรสาวคนโตของ ฤดีมาศ คือ ริ้วแพร โชติการ เภสัชกรประจำโรงพยาบาลควนเนียง ใช้เวลาว่างหลังเลิกจากงานมาทำงานพิเศษ

19.00 น.ของวันที่ 13 ธันวาคม 2550 วันเวลาวิปโยคที่นำไปสู่อีกหลายเหตุการณ์ในเวลาต่อมา ความวุ่นวายกลายเป็นความอลหม่าน เมื่อชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เดินตรงดิ่งมาที่เคาน์เตอร์จ่ายยา และเพียงชั่วลมหายใจ เรื่องไม่คาดฝันก็อุบัติขึ้น

นายแพทย์รังสรรค์ รัตนพันธ์ รีบพา ริ้วแพร ซึ่งบาดเจ็บไปหลบห้องด้านหลังคลินิก แล้วเขาก็ได้รู้ว่า...เสียงปืนอีกสองนัดกระสุนพุ่งไปที่ใคร แต่ความเสียใจนั้น..คงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของผู้หญิงอีกคน ที่หัวใจเหมือนจะแตกสลายไปพร้อมลมหายใจของริ้วแพร

ผู้หญิงที่ชื่อ จุรี คนนี้คือใคร? ทำไม ฤดีมาศ จึงมั่นใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม ริ้วแพร ลูกสาว เป็นไปได้หรือไม่ว่า ปมสังหารจะมาจากเรื่องงานวิวาห์ที่ ริ้วแพร คิดจะล้มเลิก

13 ธันวาคม 2550 เมื่อชื่อของนางสาว ริ้วแพร โชติการ และนายอาดิศร์ ประทีปทัศน์ กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนใจ นั่นย่อมเป็นเรื่องทำร้ายความรู้สึกของใครหลายคน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ต้นเหตุซึ่งนำพาความตายมาสู่เขาและเธอ แต่ นางจุรี จันทร์งาม คือคนร้ายอย่างที่ ฤดีมาศ มั่นใจหรือไม่?

นั่นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวนี้คิดฆ่า ริ้วแพร ว่าที่ลูกสะใภ้จริงหรือ? ในเมื่ออีกเพียง 16 วัน พวกเขาก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว คำให้การจากประจักษ์พยานคนสำคัญ น่าจะบอกอะไรได้ระดับหนึ่ง นั่นก็คือ นายวิกรม คู่หมั้นของ ริ้วแพร ซึ่งเป็นลูกชายของนางจุรี

นายวิกรม ให้การกับตำรวจหลังเกิดเหตุในทันท่วงทีว่า วันนั้นเขามาเฝ้า ริ้วแพร แฟนสาวเป็นวันที่ 4 แล้ว เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่กำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ๆ ริ้วแพร มีชายคนหนึ่งรูปร่างผอมสูง ผมสั้นไม่ไว้หนวดเครา เดินเข้ามาถามหาคนไข้กับ ริ้วแพร หลังจบการสนทนา เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ด้วยความตกใจเขาจึงหลบลงแอบอยู่ใต้โต๊ะ ซึ่งนอกจากเขาจะจำใบหน้าของคนร้ายได้อย่างขึ้นใจแล้ว เขายังรู้ด้วยว่า ใครอยู่เบื้องหลังการสังหาร

ไม่นานตำรวจก็เริ่มสืบถึงผู้ร่วมกระทำผิด 3 มกราคม 2551 นายนรินทร์ จันทร์ฉาย มือปืน และชายอีกคนที่ทำหน้าที่ขับรถ ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดพัทลุง แต่พวกเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เมื่อมือปืนปฏิเสธ การจะเอาผิดถึงตัวผู้จ้างวานก็ยิ่งยาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของตำรวจ อีก 2 เดือนต่อมา 21 มีนาคม 2551 ผู้จ้างวานก็ถูกจับกุม อัยการจังหวัดสงขลา สั่งฟ้อง นางจุรี จันทร์งาม ผู้จ้างวาน และนายนรินทร์ จันทร์ฉาย มือปืน ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถ เนื่องจากอยู่ระยะไกล หลักฐานไม่เพียงพอจึงสั่งไม่ฟ้อง

23 ธันวาคม 2553 ศาลจังหวัดสงขลา พิพากษาประหารชีวิตนางจุรี และนายนรินทร์ ต่อมา 20 กรกฎาคม 2554 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ ประหารชีวิต เมื่อมือปืนและตัวผู้บงการถูกจับกุมดำเนินคดีจนศาลพิพากษาความผิด เรื่องน่าจะจบลงโดยง่าย แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซ้ำร้าย นางจุรี จอมบงการยังสร้างเรื่องใหม่ที่ไม่มีใครคิด

การจำหน่ายคดี คือ การที่ศาลมีคำสั่งให้คดีเสร็จจากศาลไปโดยไม่มีการพิพากษาหรือมีคำวินิจฉัยคดี มี 2 ประเภท คือ การจำหน่ายคดีชั่วคราว และการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยการจำหน่ายคดีชั่วคราวเป็นกรณีที่มีเหตุขัดข้อง/จำเป็นชั่วขณะ เช่น การจำหน่ายเพื่อผ่อนชำระหนี้ระยะยาว, การจำหน่ายเพื่อรอผลคดีอื่น

ส่วนการจำหน่ายออกจากสารบบความ คือ ในกรณีที่จำเลยหลบหนี จำเลยเสียชีวิต หรือผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดต่อส่วนตัว โดยศาลให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความจนกว่าจะจับตัวจำเลยได้

หลังคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลอุทธรณ์ นางจุรี ได้สู้ต่อในศาลฎีกา และขอประกันตัวระหว่างสู้คดี โดยวางเงินประกันสูงถึง 5 ล้านบาท เพื่อขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว และวันสำคัญที่จะชี้ชะตาครั้งสุดท้ายของหญิงชราก็มาถึง 28 มกราคม 2557 ศาลจังหวัดสงขลา นัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา

เมื่อถึงวันนั้น นางจุรี กลับไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลจังหวัดสงขลา จึงออกหมายจับ นางจุรี และปรับเงินนายประกัน พร้อมกับเลื่อนฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 3 มีนาคม 2557

แต่ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษาเพียง 6 วัน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 นางสาวรัศมี ลูกสาว นางจุรี ผู้เป็นนายประกัน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสงขลาว่า นางจุรี มารดาเสียชีวิตแล้วที่จังหวัดชุมพร พร้อมนำใบมรณบัตรมาแสดงเพื่อขอจำหน่ายคดี และขอเงินประกัน 5 ล้านบาทคืน

ในวันที่ลูกสาวของนางจุรี มายื่นคำร้องต่อศาลว่ามารดาเสียชีวิต อัยการคนเดิมที่ทำคดีนี้ไม่อยู่แล้ว มีเพียงนายประโมท พุทธสุภะ อัยการอีกคนที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับคดีนี้มาก่อนอยู่ในห้องพิจารณานั้น แต่สัญชาตญาณนักกฎหมาย ทำให้เขาเห็นพิรุธบางอย่าง จึงคัดค้านการจำหน่ายคดี และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่อีกคดีที่ไม่มีใครคาดคิด

หนทางหนึ่งที่จะพิสูจน์ให้รู้ชัดว่าแท้จริงความตายนั้นเกิดขึ้นหรือไม่ คือการเดินทางไปยังวัดที่ลูกสาวนางจุรี อ้างว่าจัดพิธีศพนั่น คือ วัดมณีสพ ตำบลบางหมาก อำเภอเมืองชุมพร หลายวันที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา กับการเป็นนักสืบเฉพาะกิจหาความจริงจากเจ้าอาวาส สัปเหร่อ และพระที่วัดมณีสพ ทำให้อัยการผู้นี้มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่ได้มากเพียงพอแล้ว และวันสำคัญก็มาถึง 9 มิถุนายน 2557 วันที่ศาลนัดไต่สวนสาเหตุการตายของนางจุรี

การไต่สวนสาเหตุการตายของนางจุรี เสร็จสิ้น รอเพียงคำสั่งศาลว่าจะเป็นอย่างไร แต่ระหว่างนั้น ฤดีมาศ มารดาของ ริ้วแพร ก็ดำเนินการบางอย่างควบคู่ไปด้วย เมื่อทุกอย่างแน่ชัดแผนการจับผีที่ยังมีชีวิตก็เริ่มขึ้น ปฏิบัติการแรก ค้นบ้านพักของนางจุรี ที่อำเภอควนเนียง แต่ไม่เจอตัว เมื่อเป้าหมายแน่ชัด การค้นเพื่อกดดันครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน นางจุรี ก็ตัดสินใจบางอย่าง

แม้คนผิดจะถูกนำตัวมารับโทษได้ตามกฎหมาย แต่การสูญเสียบุตรสาวไปอย่างชั่วนิรันดร์ คงไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ ความรักที่แม่มีให้ต่อลูกของหญิงคนหนึ่ง สร้างพลังให้เธอเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับลูกสาวผู้ถูกจบชีวิต ขณะเธอผู้นั้นกำลังจะสร้างอนาคตกับคนรัก ความรักที่แม่อีกคนมีต่อลูก แต่รักนั้นเป็นเหมือนดั่งยาพิษ และสุดท้ายได้แปรเปลี่ยนเป็นแรงชัง จนนำมาสู่ความรักมรณะ

หากแม้นว่าความรักของหนุ่มสาวคู่นี้ไม่ถูกชิงชัง จนนำมาซึ่งความตาย วันนี้ก็คงมีอีกชีวิตหนึ่ง ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางจุรี

ที่มา tnamcot.com



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์