”ครูบาน้อย”เปิดหมดเปลือก ปริศนาไม่ตัดผม แต่ทำไมไร้หนวด อยู่ถ้ำไม่อดมีน้ำกิน(คลิป)
ล่าสุด วันนี้ (17ต.ค.60) ที่พุทธสถานถ้ำเชตวัน ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน นายอภิชาติ วังเขียว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสันทะ หนึ่งในลูกศิษย์ใกล้ชิดครูบาน้อย ได้พาทีมข่าวเข้าไปภายในพื้นที่พุทธสถาน ก่อนเล่าว่า ช่วง 3 ปี ที่ "ครูบาน้อย" ปฏิบัติธรรม จะมีรูปเหมือน "ครูบาน้อย" มาตั้งประดิษฐานให้คนที่เลื่อมใสมากราบสักการะ บริเวณด้านหน้าประตูรั้ว ซึ่งจุดนี้จะไม่ให้ใครเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต จะมีเพียงลูกศิษย์ หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปถวายอาหาร น้ำดื่ม บริเวณกำแพงกุฏิได้
เมื่อทีมข่าวเข้าไปในพื้นที่พุทธสถานพบ ศาลาปฏิบัติธรรมหลังใหญ่ วิหารรูปแบบล้านนา พระพุทธรูปนอน เจดีย์ และหอระฆัง ซึ่งก่อนหน้านี้ "ครูบาน้อย" เคยกล่าวไว้ว่า หากสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เสร็จสิ้น จะเข้าไปจำศีล ปฏิบัติธรรมอยู่ภายในถ้ำเป็นระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ทั้งหมดก่อสร้างด้วยแรงศรัทธา "ครูบาน้อย"เปลี่ยนแปลงจากที่รกร้าง ให้เป็นพุทธสถาน ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ปี 2 เดือน 22 วัน
นายอภิชาติ บอกอีกว่า เหตุผลที่ชาวบ้านศรัทธา "ครูบาน้อย" เนื่องจากเลื่อมใสการกระทำ ไม่เกี่ยวกับอายุ รวมทั้งยืนยันว่าไม่เคยมีการเรี่ยไรเงิน ส่วนใหญ่ชาวบ้านนำเงินมาบริจาคด้วยแรงศรัทธา ขณะเดียวกันหากชาวบ้านนำเงินมาใส่บาตร "ครูบาน้อย" จะไม่รับ และส่งคืนกลับไปให้ชาวบ้าน
โดยก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เปิดถ้ำเชตวัน ชาวบ้านสามารถเข้ามาได้เพียงแค่หน้าประตูรั้ว รวมถึงการทำพิธี สวดมนต์ต่างๆ ก็จะนั่งรวมตัวกันตรงพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งหลังจาก "ครูบาน้อย" ออกจากถ้ำมา มีลูกศิษย์เข้ามาหาเป็นจำนวนมาก ทำให้ "ครูบาน้อย" แทบไม่ได้พักผ่อน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าว มีโอกาสเข้าพบ "ครูบาน้อย" ซึ่งอยู่ระหว่างเทศน์ธรรม ภายในถ้ำที่เคยจำศีล โดยลักษณะพื้นที่เป็นกำแพงศิลาแลงสูงกว่า 3 เมตร ล้อมรอบกุฏิ และปากถ้ำเอาไว้ มีประตูเหล็กทึบด้านหน้าและหลัง บริเวณด้านหน้ามีป้ายติดว่า ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต ด้านในรั้ว เป็นกุฏิขนาดใหญ่ สูง 2 ชั้น 1 หลัง และกุฏิไม้ชั้นเดียว 1 หลัง ภายในมีทางเข้าถ้ำซึ่งก็เขียนประกาศชัดเจนว่า เป็นพื้นที่จำศีลครูบาน้อย
ซึ่ง "ครูบาน้อย" เปิดเผยกับทีมข่าวว่า หลังจากที่ตัวเองออกมาจากการจำศีล ก็มีข่าวต่างๆ ที่นำเสนอออกไปในหลายมุม มีลูกศิษย์นำข้อมูลมาเล่าให้ฟัง ซึ่งหลายอย่างมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง
อย่างกรณีที่ระบุว่าตนเองไม่ฉันข้าว ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เพราะตนฉันแต่ผลไม้ น้ำดื่ม นม รวมทั้งขนมปัง รวมถึงกรณีที่บอกว่า ลูกศิษย์ใช้เชือกผูกอาหารหย่อนลงมาให้ ระบุว่าไม่ใช่ความจริง ในกุฏิจะมีอาหาร น้ำดื่มบางส่วน จัดเตรียมไว้ให้ หากต้องการสิ่งใด ตนก็จะเขียนจดหมายทิ้งไว้หน้าประตู ลูกศิษย์จะนำมาถวายด้านหน้าประตูเท่านั้น
"ครูบาน้อย" เปิดเผยอีกว่า ตนมีหลักที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการบรรลุการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ คือ 1.การไม่พบใคร และไม่ให้ใครพบ หากระหว่างที่จำศิลแล้วมีคนพบตน จะเริ่มต้นนับวันที่ 1 ใหม่ 2.ไม่เปร่งวาจาพูดกับใครตลอดที่ปฏิบัติธรรม
ขณะเดียวกันตอนที่ออกมาจากการจำศิล และเห็นว่าผมยาว ไม่มีการปลงผม "ครูบาน้อย" ชี้แจงว่า เพราะอยู่คนเดียว ไม่มีใครปลงผมให้ แต่ปัจจุบันเมื่อตัวเองออกมาแล้ว ก็ปลงผมตามปกติ ส่วนกรณีของหนวดเครานั้น ระบุว่าตัวเองเป็นคนไม่มีขน ไม่มีหนวดเครา ซึ่งเป็นสรีระธรรมชาติของร่างกาย
โดยส่วนตัวไม่อยากให้สนใจเรื่องการปฏิบัติ ที่ตนทำ เพราะเป็นเพียงข้อปฏิบัติที่ตนยึดถือเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่มีกฎตายตัวว่าต้องปฏิบัติอย่างไร สำหรับการจำศิล ระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ก็เป็นการนำหลักปฏิบัติของครูบาอาจารย์ที่ตัวเองเคารพนับถือ มาสานต่อเท่านั้น
พร้อมยืนยันตนไม่เคยอวดอ้างอิทธิฤทธิ์ ไม่เคยนำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าไปบิดเบือน และสิ่งที่ทำไม่ใช่การขังตัวเอง เพราะตลอด 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ตนยังสามารถเดินออกมาเข้าห้องน้ำ สรงน้ำ ในกุฏิที่หน้าถ้ำได้ ทั้งยังออกมาซักจีวรในพื้นที่กลางแจ้งได้ ไม่ใช่ว่าตนเองจะจำศีล โดยไม่เห็นเดือนเห็นแสงตะวัน
นอกจากนี้การจำศีลปฏิบัติธรรมลักษณะนี้ ตัวเองก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว โดยจะทำช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน ของทุกปี แต่นี่คือครั้งแรกที่จำศีลยาวนานถึง 3 ปี 3 เดือน 3 วัน
ส่วนตัวยืนยันว่า "ครูบาน้อย" จำศีลภายในถ้ำ ไม่พบใครตลอดกว่า 3 ปีจริง ซึ่งตนเคยได้รับอนุญาตให้นำอาหารเข้าไปถวายตรงด้านหน้าประตู แต่ไม่เคยได้เห็นท่าน จนเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ "ครูบาน้อย" ออกมาจากการจำศีล ก็รู้สึกคิดถึงตื้นตัน จนน้ำตาไหลออกมา
Cr:::AMARIN TVHD