‘รักแท้แพ้คนลวง’ ถูกสาวหลอกแต่งงาน สูญเสียทรัพย์สินเกลี้ยง
เฉลิมศักดิ์จึงตั้งใจกลับเมืองไทยมาเพื่อแต่งงาน โดยช่วงก่อนจะเดินทางกลับ ได้โอนเงินไปให้ทางผู้หญิงจำนวน 5 หมื่นบาทโดยอ้างว่าเป็นค่าชุดและแหวนแต่งงาน เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ชวนให้ฝั่งผู้หญิงเข้าไปคุยกับพ่อแม่ นัดเจอกันที่กรุงเทพฯ ทางผู้หญิงคนดังกล่าวก็บอกอีกว่าตนเองเป็นอิสลาม ต้องมีค่าทำพิธีทางศาสนาอีก 7 หมื่นบาท ด้วยรักและไว้ใจเฉลิมศักดิ์ก็ได้โอนเงินจำนวนนี้ไปให้ และรอที่จะได้พบกันในวันนัดหมาย
แต่เมื่อถึงวันนัดหมายที่ฝ่ายผู้หญิงบอกให้ไปรับที่สนามบินดอนเมือง เมื่อไปถึงกลับพบกับผู้หญิงอีกคนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่สาว พาเฉลิมศักดิ์ไปเปิดโรงแรมบอกว่าให้พักที่นี่รอไปก่อน แล้วน้องสาวจะเดินทางตามมาหา จนผ่านไปสองคืนก็ไร้วี่แวว และเริ่มติดต่อไม่ได้จึงรู้ตัวว่าตนเองโดนหลอก รู้สึกเสียใจมากเพราะเงินที่โอนไปให้ก็เป็นเงินเก็บที่ตนเองไปทำงานหามาจากประเทศไต้หวัน แถมยังมีบางส่วนที่ไปกู้มาเพิ่มเติมอีก และยังไม่มีโอกาสได้ใช้ในการดูแลครอบครัว
ตอนนี้เฉลิมศักดิ์ได้ไปแจ้งความที่สน.ท่าข้าม เพื่อทำเรื่องขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงแรม ก่อนมาแจ้งความที่สภ.ประตูน้ำจุฬา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในเขตพื้นที่ที่ตนได้โอนเงินไป แต่ถูกบอกให้กลับไปที่สน.ท่าข้ามอีก แต่เมื่อมาถึงสน.ท่าข้าม กลับได้รับแจ้งว่าจะทำเรื่องกลับมาที่สภ.ประตูน้ำจุฬาอีก ตนอยากให้ดำเนินเรื่องเร็วๆ เพราะเหมือนตอนนี้ตำรวจกำลังโยนคดีไปมาอยู่
ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ให้แนวทางการในกรณีนี้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรเร่งดำเนินคดีอย่างจริงจังเพราะมีอายุความสั้น ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนเท่านั้นซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการโยนคดีกันไปกันมาเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ โดยต้องดำเนินคดีทั้งหญิงสาวผู้ที่มาหลอกและผู้ร่วมขบวนการซึ่งอ้างว่าเป็นพี่สาว สามารถขยายผลจากภาพที่จับได้จากกล้องวงจรปิด และตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้หญิงคนดังกล่าวว่าเป็นของจริงหรือไม่หรือแอบอ้างคนอื่นมาใช้ ควรรีบจับกุมเพราะอาจทำงานเป็นขบวนการและเดินหน้าหลอกผู้ชายคนอื่นต่อได้
Cr:::amarintv.com