ชีวิตวันสุดท้ายของนักโทษประหาร ขั้นตอนก่อนถูกฉีดยาพิษ เรื่องจริงที่อยากให้ฟัง (คลิป)
-ขอข้ามไปในวันประหารเลย วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2552
พระครูศรีนนทวัฒน์เข้ามานั่งที่ห้องติดกับห้องสีขาวทั้งสอง ข้าพเจ้าและพี่เลี้ยงอีกห้องให้น.ช.จิรวัฒน์และน.ช.บัณฑิตยืนมองผ่านช่องหน้าต่างและพนมมือไหว้ไปทางท่านพระครู จากนั้นท่านพระครูได้เทศนาธรรมให้แก่นักโทษทั้งสองฟังเป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างฟังธรรมนั้น น.ช.บัณฑิตน้ำตาไหลอาบแก้มตลอดเวลา ส่วนน.ช.จิรวัฒน์พยายามฝืนกั้นน้ำตาได้ดี แต่ก็ตาแดงกล่ำเลยทีเดียว
เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาแล้ว ข้าพเจ้าวิทยุแจ้งให้หัวหน้าชุดพี่เลี้ยงที่อยู่ภายนอกทราบ สักครู่ประตูได้ถูกเปิดออก ข้าพเจ้าหยิบผ้าคาดตามาปิดตาน.ช.จิรวัฒน์ แต่น.ช.จิรวัฒน์จะขอไม่ใช้ผ้าคาดตา ข้าพเจ้าบอกว่าไม่ได้เพราะผิดระเบียบ น.ช.จิรวัฒน์จึงยอมให้ใช้ผ้าคาดตามาปิดตาให้
ในระหว่างที่ประคองน.ช.จิรวัฒน์ไปที่ห้องฉีดสารพิษ น.ช.จิรวัฒน์ได้ทวงถามเรื่องที่จะขอลาและอโหสิกรรมกับน.ช.บัณฑิตอีกครั้ง ข้าพเจ้าจึงบอกว่าเดี๋ยวถ้าน.ช.บัณฑิตเข้ามาเมื่อไรจะบอกให้รู้ น.ช.พยักหน้ารับทราบ
เสร็จแล้วข้าพเจ้าเดินไปพูดใกล้หูน.ช.จิรวัฒน์ว่าน.ช.บัณฑิตอยู่ในห้องนี้แล้ว น.ช.จิรวัฒน์ได้พูดเสียงดังขึ้นว่า "เฮีย เฮีย ได้ยินไหมเฮียบัณฑิต" น.ช.บัณฑิตนอนนิ่งเงียบไม่ยอมพูดโต้ตอบ
ข้าพเจ้าจึงก้มไปพูดว่า "จะกล่าวลาหรือขออโหสิกรรมกันก็พูดไปเลย เขาอยู่ในห้องนี้แล้ว เขาจะตอบรับหรือไม่ก็ไม่เป็นไรหรอก" น.ช.จิรวัฒน์พูดดังๆว่า"เฮียครับ ผมลาก่อน ผมขออโหสิกรรมให้เฮีย และขอให้เฮียอโหสิกรรมให้ผมด้วย เราจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันอีกต่อไปนะเฮีย" ข้าพเจ้าเห็นน.ช.บัณฑิตพยักหน้ารับแต่ไม่ยอมกล่าวคำใดๆออกมา ข้าพเจ้าก้มไปบอกน.ช.จิรวัฒน์ว่าน.ช.บัณฑิตพยักหน้ารับอโหสิกรรมแล้ว น.ช.จิรวัฒน์จึงพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า "เฮียรับรู้แล้วนะ เราหมดกรรมต่อกันแล้วนะเฮีย" จากนั้นก็เงียบเสียงไปและไม่ได้พูดหรือกล่าวคำใดๆออกมาอีกเลย
ข้าพเจ้าก้มไปกระซิบว่า "เอ้หลับไปเลยนะ ให้นึกว่านอนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลับไปเอง" จากนั้นก็เดินไปบอกน.ช.บัณฑิตเช่นเดียวกัน แล้วข้าพเจ้าก็ทำความเคารพนักโทษประหารทั้งคู่พร้อมกล่าว "พุทธังอเจตนานัง ธรรมังอเจตนานัง สังฆังอเจตนานัง สิ่งที่พวกกระผมทำไปในวันนี้ มิมีเจตนาที่จะกระทำ เป็นการกระทำตามหน้าที่ ขอให้อโหสิกรรมด้วย"จากนั้นข้าพเจ้าและพี่เลี้ยงทุกนายได้หลบไปยืนอยู่ริมห้อง
ไฟสีเหลืองสว่างขึ้นเป็นอันดับถัดมา สายที่ข้อมือของน.ช.บัณทิตหลุดออกมาอีก น้ำยาฉีดพุ่งไปทั่วพื้น เจ้าหน้าที่ฉีดยาและสารพิษเข้าไปแก้ไข แต่เมื่อปล่อยน้ำยาเข้าไปใหม่ก็หลุดอีก ข้าพเจ้าเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงหลุดบ่อยและหลุดอยู่รายเดียว พี่พิทักษ์ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเจ้าหน้าที่ฉีดยาและสารพิษบอกข้าพเจ้าว่าสงสัยจะรัดเข็มขัดที่ข้อมือแน่นไปทำให้น้ำยาเดินไม่สะดวก ข้าพเจ้าจึงคลายสายที่รัดข้อมือขวาของน.ช.บัณฑิตออก เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยยาชนิดที่สองซ้ำเข้าไปอีกครั้ง เสียงสัญญาณชีพจรจากเครื่องยังคงดัง "ปี๊ป ปี๊ป ปี๊ป" เป็นจังหวะแต่เริ่มช้าลง
ไฟสีแดงสว่างขึ้นเป็นสีสุดท้าย เสียงสัญญาณชีพจรจากเครื่องตรวจวัดของน.ช.จีรวัฒน์ดังยาว "ปี๊ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป"แสดงว่าน.ช.จิรวัฒน์ได้สิ้นใจไปแล้ว แต่เสียงของเครื่องตรวจวัดสัญญาณชีพจรของน.ช.บัณฑิตยังคงดังเป็นจังหวะช้าๆ
แพทย์เข้ามาตรวจที่ร่างของนักโทษประหารทั้งสอง พร้อมกับกล่าวยืนยันว่านักโทษทั้งสองได้สิ้นใจไปเป็นที่เรียบร้อย
ขออโหสิกรรมต่อดวงวิญญาณของนายจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ และนายบัณฑิต เจริญวานิช ซึ่งข้าพเจ้าและเจ้าหน้าที่ทุกนายได้กระทำตามหน้าที่
ขอชมเชยการตั้งด่านตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จนสามารถสกัดจับยาบ้าจำนวนมากได้ก่อนที่จะไปสร้างความเสียหายให้กับคนไทยทั้งประเทศ