“เจ๊ลายดอก” เต็นท์ฉาวคัมแบ็ก สาวแฉถูกฮุบเงินจองหลักหมื่น – เจ้าตัวโต้ส่งเช็กสภาพ ถึงส่งมอบ (คลิป)
จากกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าถูกเต็นท์รถย่านบางแค กทม. โกงและยึดรถ ซึ่ง น.ส.ทัศนีย์ หรือฉายา เจ๊ลายดอก เจ้าของเต็นท์รถ ที่เคยมีคนร้องเรียนพฤติกรรมโกงจนเป็นข่าวมาแล้วเมื่อ ปี 2560 และมีการดำเนินคดีไปแล้ว ล่าสุด ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อเต็นท์รถใหม่แล้ว
จากกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าถูกเต็นท์รถย่านบางแค กทม. โกงและยึดรถ ซึ่ง น.ส.ทัศนีย์ หรือฉายา เจ๊ลายดอก เจ้าของเต็นท์รถ ที่เคยมีคนร้องเรียนพฤติกรรมโกงจนเป็นข่าวมาแล้วเมื่อ ปี 2560 และมีการดำเนินคดีไปแล้ว ล่าสุด ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อเต็นท์รถใหม่แล้ว
ภาพจากคลิปเจ๊ลายดอก คดีเก่า ปี 2560
วันที่ 20 พ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ อ.แก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี น.ส.สุนิสา จารย์อุปการะ อายุ 31 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2561 ตนได้ไปเจอรถเชฟโรเลต ในเว็บไซต์ขายรถมือสอง จึงได้ติดต่อไปทางเต็นท์ย่านบางแค และพบกับนายกี้ เป็นคนดูแลเต็นท์รถ ซึ่งเป็นน้องชายของเจ๊ลายดอก จากนั้น ตนตกลงวางเงินมัดจำไว้ 5,000 บาท ยื่นเอกสารไฟแนนซ์เองทั้งหมด กระทั่งผ่านไป 4 เดือน ตนทำเรื่องไฟแนนซ์ผ่าน ช่วงเดือนมีนาคม 2562 ตนติดต่อกลับไปทางเต็นท์รถอีกครั้ง วันที่ 25 มี.ค. 62 เพื่อซื้อรถ แต่นายกี้ได้นัดให้ไปเต็นท์รถอีกที่หนึ่ง ซึ่งมีเจ๊ลายดอกเป็นผู้ดูแลเต็นท์ เมื่อไปถึงที่เต็นท์รถ นายกี้บอกว่าได้ขายรถคันที่ตนจองไปแล้ว และได้แนะนำให้ตนเลือกรถคันอื่นแทน ตนก็เลือกรถรุ่นเดิม ตกลงในราคา 420,000 บาท ซึ่งจากการตรวจเช็กสภาพ พบว่ารถมีปัญหา แอร์ไม่เย็น และรีโมตเปิดรถไม่ทำงาน แต่นายกี้ยืนยันว่าจะรับประกันให้ 3 เดือน หลังซื้อรถ ตนจึงได้ตกลงซื้อขาย โดยจ่ายเงินไป 34,000 บาท
เต็นท์รถที่เกิดเหตุ
น.ส.สุนิสา กล่าวว่า ซึ่งระหว่างที่ตนนำรถกลับมาใช้ รถก็เริ่มมีปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็น เมื่อนำรถไปซ่อมที่อู่ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,000 บาท ทางเต็นท์ก็รับผิดชอบค่าซ่อมประมาณ 9,000 บาท ต่อมารถมีปัญหาเรื่องไดชาร์จแบตเตอรี่ ตนก็นำรถเข้าอู่ซ่อมอีก และมีค่าซ่อมกว่า 6,000 บาท ตนต้องสำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งเมื่อตนทวงถามไปทางเต็นท์รถ เขาก็เริ่มบ่ายเบี่ยง กระทั่งวันที่ 17 พ.ค. 62 นายกี้นัดตนไปที่เต็นท์รถ อ้างว่าจะนำรถไปตรวจสภาพที่กรมขนส่ง และมีพนักงานหญิงชื่อ น.ส.อ้วน ทำทีมาขอกุญแจรถ อ้างว่าจะไปเลื่อนรถ เมื่อตนมาดูอีกรอบพบว่ารถหายไปจากจุดจอดแล้ว เมื่อโทรไปถาม น.ส.อ้วน ก็บอกว่ากำลังนำรถไปตรวจสภาพที่กรมขนส่ง ตนก็นั่งรออยู่นานถึงเวลาประมาณ 19.30 น. ตนพยายามโทรหา น.ส.อ้วน ก็ตัดสายทิ้ง จึงติดต่อไปทางนายกี้ เจ้าตัวก็บอกว่าใกล้เสร็จแล้ว จากนั้น เวลาประมาณ 20.00 น. น.ส.อ้วน โทรกลับมาหาตน บอกว่ารถมีปัญหาเพราะกรมการขนส่งยึดรถเอาไว้ เพราะมีปัญหาเรื่องลายเซ็นไม่ตรงกัน เนื่องจากเจ้าของรถคนเดิมเป็นฝรั่ง
น.ส.สุนิสา จารย์อุปการะ ผู้เสียหาย
น.ส.สุนิสา พูดทั้งน้ำตาว่า ในนาทีที่กำลังกลับบ้าน ตนรู้ว่าตัวเองถูกโกง เมื่อกลับมาบ้านก็คิดทบทวนว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ซึ่งตนก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์กับคนอื่น ต่อมาวันที่ 18 พ.ค. 62 ตนและตำรวจ สน.ธรรมศาลา ได้ย้อนกลับไปที่เต็นท์รถอีกครั้ง พบว่ารถของตนถูกล้างอย่างสะอาด และถูกนำมาจอดหน้าเต็นท์ เหมือนจะนำมาตั้งขายใหม่ เมื่อตนสอบถาม น.ส.อ้วน ก็อ้างว่าเพื่อนำรถออกจากกรมขนส่งได้ตอนช่วงเช้า แต่นายกี้กลับเดินมาและตะโกนว่า "ผมไม่ขายให้คุณแล้ว" และอีกฝ่ายก็ไม่รับผิดชอบเงินที่ตนจ่ายไปแล้ว 34,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ตนได้แต่ตั้งคำถามว่า กฎหมายทำอะไรกับคนอย่างนี้ได้หรือไม่ ทั้งที่เขาทำผิดซ้ำซากแต่ก็ไม่ถูกจับ เป็นห่วงว่าเต็นท์รถจะไปทำกับคนอื่นอีก เพราะตนได้ย้อนกลับไปดูข่าวเก่า ๆ พบว่าพฤติกรรมของเขาทำเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว
นอกจากนี้ ตนไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนเงินจำนวน 34,000 บาท แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มาแสดงตัวว่าจะเอาเงินคืน และกระบวนการไฟแนนซ์ยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่มีการตกลงกันว่าเงินส่วนนี้จะคืนหรือไม่ นอกจากนี้ ตนอยากให้เห็นใจด้วย เพียงเพราะตนเคยเป็นข่าวมาก่อน ก็ไม่ใช่ว่าจะโกงเขาอีก