เหยื่อตร.รีด 5 ล้าน ซัดเดือดร้อนไม่มีกิน-โดนโควิด ยังต้องมาโดนรีดไถ

อนุชา : "เมื่อปี พ.ศ. 2522 มีประกาศกรมประมง ห้ามเคลื่อนย้ายลูกหอยต่่ำกว่า 6 มิลฯ ขึ้นมาขาย เอาขึ้นมาเหนือน้ำก็ผิดกฎหมาย เมื่อก่อน แต่มาพ.ศ. 2558 ได้เปลี่ยนพ.ร.บ.ประมง ว่าการซื้อหอยหรือจับลูกหอย ต่ำกว่า 6 มิลฯ ทำได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องลงน้ำไม่ต่ำกว่า 1 พันเมตร"

กำนัน : "ปกติได้ตั้งแต่ชายฝั่งจนถึงที่มีปัญญาทำมาหากิน"

อนุชา : "ตั้งแต่ชายป่าโน่นแหละครับ"

กำนัน : "ตรงไหนก็ได้ แต่ปีพ.ศ. 2558 มันมีการออมชอมระหว่าง ผู้ประกอบการ และชุมชน ว่าพื้นที่นี้เรากันไว้ให้ชาวบ้าน เป็นที่อนุรักษ์" 

อนุชา : "ก่อนวันที่ 20 วันที่  19 ทางเจ้าหน้าที่ตร.เขามาจับผมที่บ้าน มีหนึ่งนายมาวันที่สอง วันแรกที่มาวันที่ 19 มา 3 นาย ขับรถฟอร์จูนเนอร์สีดำมาที่บ้านผมและจับผม ว่าหอยแคลงที่ขึ้นจากเรือเอามาไว้บนรถเคลื่อนย้ายผิดกฎหมาย ให้ไปคุยกันข้างนอก โดยไม่ได้ไปที่โรงพักก่อน"

อนุชา : "ครับ ไม่ได้มีอาวุธปืนใดๆ มา ผมก็เจรจา โทรหาท่านกำนัน จนแกติดต่อกลับได้ บอกให้ไปคุยที่บ้านท่านกำนัน ตร.ไปด้วย ตอนแรกตร.จะไม่ไป กำนันบอกให้ไปบ้านแก ผมก็ดันไปบ้านกำนันจนได้ ตร.ก็ไม่พอใจ ผมก็ไม่รู้เป็นตร.หน่วยไหนเวลานั้น" 

กำนัน : "วันนั้นผมก็คุยว่าตอนนี้ประชาชนเขาตักหอย และผู้ประกอบการมาซื้อหอย เริ่มกระจายหอยเลี้ยงในอ่าวบ้านดอน  มีพื้นที่สัมปทาน ก็ถามว่าคุณจับข้อหาอะไร เขาก็ไม่กล้าตั้งข้อหา"

กำนัน : "วันนั้นก็ไม่ได้เรียกเงิน เขาก็กลัวเรื่องคลิป ผมก็รับรองว่าจะไม่มีเรื่องคลิป ก็ต่างคนต่างแยกไป เขากลัวมีคนถ่ายคลิป แต่ไม่มีใครถ่าย" 

อนุชา : "ตอนเช้าผมก็ไปตักหอยธรรมดา กลับมาผมจอดหน้าท่า ผมเห็นแล้วเจ้าหน้าที่วิ่งมา รถฟอร์จูนเนอร์สีขาว วนอยู่ 2 รอบ ผมก็ไม่เอะใจ เพราะวันที่ 19 ผมยังถามกำนันว่าผมตักหอยได้มั้ย กำนันบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่มาวันแรกว่าได้ ผมก็ไปตักเหมือนเดิม จนเวลาบ่ายสามโมงกว่า ผมเอาหอยขึ้นรถ 23 กระสอบ 700 กิโล หลังจากนั้นเขาก็ลงมาแล้วจอดฟอร์จูนเนอร์หน้าบ้านน้าสาว ตรงนั้นเป็นชุมชนบ้านบังยวน เขาลงมาแล้วถามว่าหอยเป็นของใคร ถามคนขับรถซึ่งเป็นพี่ชายผม พี่ชายก็บอกว่าเป็นของผม พอผมเดินขึ้นมาแกก็ขู่เลยว่ามึงจะเอาหอยไปไหน เมื่อวานมึงก็เอาไป"

"ผมก็บอกว่าเมื่อวานถามกำนันแล้ว เขาบอกไม่เกี่ยวกัน แล้วคนมีปืนลงจากรถ แกก็ให้มานั่งตรงศาลา สองคนที่มาวันแรกคนนึง คนมีปืนนั่งคู่ผม ปืนที่เห็นในคลิปหันกระบอกมาที่เอวผม เขาใส่แจ็กเก็ตคลุมอยู่ปลายกระบอกหันมาที่ผมเลย มีรูปอยู่ เขาก็พูดว่ามึงพูดหมอนักใช่มั้ย ผมก็บอกว่าไม่ได้หมอ ท่านกำนันที่ผมและชาวบ้านรักและเทิดทูนด้วยหัวใจ เพราะแกช่วยชาวบ้านทุกเรื่อง เขารับประกันแล้วด้วยชีวิตด้วยศักดิ์ศรีของเขา ผู้ว่าฯ เขาก็ประกาศ นายอำเภอก็ประกาศแล้วว่าจับได้ซื้อขายได้"

"ผมถามว่าคุณเป็นตร.หน่วยไหน มีเอกสารอะไรบ้าง จะได้รู้ ทำถูก เขาบอกมึงไม่ต้องรู้มาก มึงไปคุยกับกูข้างนอก ผมบอกว่าผมไม่ไป เขาก็บอกว่างั้นเอาเงินมาเลย 5 ล้าน แต่ที่ตรงนั้นไม่มีคลิปไม่มีอะไร แต่มีเด็กเด็กแถวนั้นเล่นอยู่ เด็กมันเห็นปืนมันก็ร้อง ชาวบ้านก็ออกมา น้าก็ออกมามันจะอุ้มผม น้าก็ออกมาหมด ซอยนั้นเป็นซอยตัง เขาเอาซาเล้งขวาง พวกนั้นก็ถอยหลังอย่างไว ไอ้คนถือปืนขึ้นคนสุดท้ายพื่อน เพราะคนมาเยอะแล้ว เอาปืนห่อเสื้อไป ผู้หญิงอยู่บ้านหลังแรกวิ่งมาดัก เขาก็ถอยรถชนเลย ชาวบ้านมาล้อมเลย"

อนุชา : "ประมาณ 3 พัน เกือบ 4 พันมาล้อม ไม่ใช่ 200-300 ครับ เพราะมาทุกคลอง ชาวประมงชายฝั่งมาทุกคลอง จนกำนันท่านอยู่ท่าชนะ แล้วมีผู้การ ผบ.กาญจนดิษฐ์มาไกล่เกลี่ย ชาวบ้านเขาไม่ยอม ก็ขอพบท่านกำนันคนเดียว ท่านกำนันที่รับประกันเราได้"

อนุชา : "สี่โมงเย็นไปถึงสองทุ่ม"

กำนัน : "ผมก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง แต่มีคนบอกให้ผมมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ผมก็ติดงานอยู่ 3-4 งาน แต่บังเอิญเรื่องนี้มันร้อน ผมก็รีบกลับมา ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วันที่ผมเข้าไป ผมก็คิดว่าจะทำยังไงไม่ให้เกิดความรุนแรง ก็เข้าไปคุยกับฝ่ายประชาชน แล้วก็คุยกับฝ่ายเจ้าหน้าที่" 

กำนัน : "ผู้บังคับบัญชา"

 

อนุชา : "เขาไม่เปิดกระจกมาคุย แย้มมานิดนึง ไม่เจรจา ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่สี่มาคุยก็ไม่คุย ตำรวจป้อมมาคุยก็ไม่คุย แม้กระทั่งกำนันในพื้นที่ ผู้การมาก็ไม่คยอะไรทั้งนั้น" 

อนุชา : "เป็นป้ายสุราษฎร์ฯ แล้วในรถก็มีป้ายเชียงใหม่ ป้ายวงกลมเสียภาษีก็ไม่มี"

สรุปรถคันนี้ที่มีแจ้งเข้ามา เจ้าของรถบอกว่ารถคันนี้เป็นของกำนันคนดังคนหนึ่ง ซึ่งเคยถูกชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 4 เข้าค้นบ้าน และตรวจสอบทางทะเบียนครอบครองอาวุธปืนถึง 13 กระบอก นอกจากนี้พบว่ากำนันคนดังกล่าว และพี่ชายพัวพันอุ้มฆ่า และเก็บค่าคุ้มครองจากคอกหอยที่ไม่มีโฉนด จนสามารถสร้างบ้านราคาหลายร้อยล้านบาทได้ในพื้นที่สุราษฎร์ธานี ทราบหรือยังว่าเป็นรถของเขา?

กำนัน : "ผมยังไม่ทราบ"

อนุชา : "ผมเป็นรายที่ 9 ที่ 10 แล้ว ในระยะตักหอยมาเกือบ 20 วัน เจ้าหน้าที่ชุดนี้ทำแบบนี้ตลอด ชาวบ้านอยู่กับความหวาดกลัวระแวงเจ้าหน้าที่ ถ้าท่านกำนันไม่ลงไปวันนึงวันใด ก็อยู่กันไม่มีความสุข" 

 

พ.ต.อ.กฤษณะ : "ได้รับการยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการสืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เมื่อทราบเรื่องแล้ว ท่านจักรทิพย์ ชัยจินดา ก็สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาและให้รวดเร็ว เท่าที่ทราบ เจ้าทุกข์บางส่วนมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนแล้ว ช่วงบ่ายจะให้ปากคำเพิ่มเติม ในส่วนของการดำเนินการวินัย ได้มีการให้เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนไปปฏิบัติราชการที่สปค. ภาค 8 หากมีความชัดเจนในเรื่องการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการต่อไป ให้ออกไว้ก่อนหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็อยากให้แยกในส่วนของการทำหน้าที่ของร. มีทั้งส่วนดีและไม่ดี"  

พ.ต.อ.กฤษณะ : "มีการขยายผลแน่นอน แต่ต้องเริ่มที่ 3 รายนี้ก่อน ถ้าหากขายผลแล้ว มีใครมีความผิด มีความเชื่อมโยง ก็ให้อยู่ในกระบวนการ เราดำเนินการอยู่แล้ว มีความชัดเจนว่าเราทำเรื่องนี้มาโดยตลอด"

พ.ต.อ.กฤษณะ : "ได้ครับ อยากให้มาให้ข้อมูลด้วย จะได้เป็นประโยชน์กับการดำเนินคดี ใครทำดีก็ต้องช่วยกัน ใครทำไม่ดีก็ต้องแยกแยะกัน"

พ.ต.อ.กฤษณะ : "ต้องไปดูว่าเจ้าของรถมีส่วนรู้เห็น หรือมีการยืมมาใช้งาน ต้องให้กระบวนการตรวจสอบออกมาก่อน จริงๆ แล้วเรื่องการหาความเชื่อมโยงต้องดูตั้งแต่ต้น ว่าใครเป็นผู้ชี้เบาะแสให้เข้ามาตรวจสอบ สองการเข้ามาตรวจสอบนั้นเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่อย่างไร สามการรับเงินทองนั้นจริงหรือไม่อย่างไร มีความผิดที่สมบูณ์แบบหรือไม่อย่างไร"

พ.ต.อ.กฤษณะ : "ผมเรียนแบบนี้ ในกลุ่มพี่น้องประชาชน ท่านน่าจะทราบดีว่าถ้าท่านทำผิด เจ้าหน้าที่ตร.ไปตรวจท่าน ท่านก็คงต้องรับทราบข้อกล่าวหา ในมุมตร. ถ้ามีชาวบ้านกระทำความผิด หน้าที่ตร.คือดำเนินคดี จริงๆ เป็นเรื่องที่มองกันคนละมุม ผมไม่อยากเห็นน้ำผึ้งหยดเดียว ว่าในส่วนชาวบ้านทำผิดแล้วไม่ยอม หรือตร.เองก็ใช้ช่องทางเรียกรับผลประโยชน์ก็คงไม่ได้ อยากให้มองเรื่องนี้ไปเรื่องเดียวกัน ถ้าท่านทำความผิดท่านก็รับสารภาพว่าท่านทำความผิดก็ถูกดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ในมุมตร.ถ้าทำผิดก็ถูกดำเนินคดี อย่าอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายมาเรียกทรัพย์สิน"

พ.ต.อ.กฤษณะ : "ถูกต้องครับ เท่าที่ทราบมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมตอนบ่าย จะดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องห่วง"

อนุชา : "ยังไม่สบายใจ ต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงไปชี้แจงกับชาวบ้าน เงินเยียวยาอะไรไม่เคยได้ อยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ลงไปพูดคุยบ้าง เขาไม่มีทีทำกินเหมือนเกษตรกร เขามีที่ปลูกบ้านนิดเดียว ทำอาชีพตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงตอนนี้ ผมขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ได้เล็งเห็นและไปชี้แจงให้ชาวบ้านและให้ความมั่นใจกับชาวบ้าน ผมต่อสู้กับพวกสีเทาอันตราย กฎหมายอยู่ในมือเขา นี่เขายกเลิกปี 58 แล้วมาจับผมปี 63 เขายกเลิกแล้วยังทำได้ ยังจับอีก ผมถามว่าแบบนี้ใครผิดใครถูก ผู้รักษากฎหมายยังอ่านกฎหมายไม่คล่องเลย มาใช้กับประชาชน แล้วประชาชนไม่ได้รู้กฎหมาย ต้องมาเสียเงินฟรี เขามีกฎหมายอยู่ในมือ ผู้มีอำนาจสูงสุดย่อมรู้ว่าลูกน้องอะไรแบบไหน ต้องเอาให้ออกจากสังคมนี้ ผมเป็นผู้เสียภาษีด้วย เขาเอาเงินภาษีผมไปใช้แล้วมาจับผม เขามีจรรยาบรรณในการเป็นตำรวจมั้ย"

"ผมถามท่านผู้การ ผู้กำกับการทั้งหลาย ท่านมีจรรยาบรรณไปสาบานรับวุฒิที่จะมาทำงาน มีจิตสำนึกมั้ย ผมอยากถามแค่นี้ ชาวบ้านตอนนี้ยากจนไม่มีจะกินกันแล้ว วันนึงงมกันหน้าดำได้ 400 บาท เจ้าหน้าที่มาไล่จับซ้ำเติมมั้ย ตั้งแต่มีโรคระบาด มาซ้ำเติมชาวบ้านให้จนลงมั้ย ผมถามว่าในจังหวัดสุราษฎร์ธานีถ้าไม่มีท่านกำนันท่านนี้ ชาวบ้านชายฝั่งจะอยู่แบบไหน แกไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่แกออกมาเข้าข้างประชาชน"

อนุชา : "ที่เดือดร้อนนับไม่ถ้วน ไปดูเลย เดือดร้อนทุกหมู่บ้าน ตังค์หาแต่ละบาทแทบไม่มี ข้าวก็ไม่มีกิน แล้วยังโดนแบบนี้อีก ผมถามว่าจรรยาบรรณที่ได้เรียนมา สัญญาว่าจะไม่มีคอรัปชั่นต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ถามว่าทำไมไม่เอาหัวใจประชาชนมาบริหารบ้าง ขอแค่นี้ ฝากถึงนายกฯ ฝากถึงท่านจักรทิพย์ ชัยจินดาด้วย ขอให้ท่านลงไปดูบ้าง"