เลือดขึ้นหน้า! เมียตำรวจจับโป๊ะผัวพาสาวซุกป้อม
จากกรณี เมียหลวงรายหนึ่งได้ร้องเรียนว่าสามีที่สมรสกัน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมตำรวจ ในพื้นที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แต่ระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ ได้นำผู้หญิงคนอื่นมานอนที่ป้อมตำรวจ เมื่อจับได้ทำให้เกิดทะเลาะวิวาท กระทบกระทั่งกัน เมียหลวงจึงถ่ายคลิปขณะทะเลาะกับสามีไว้เป็นหลักฐานนั้น
วันที่ 10 ส.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมียหลวงได้เดินทางมาติดตามคดีความ รวมถึงมาสอบถามว่าสามียังปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือไม่
นางมิน (นามสมมติ) อายุ 46 ปี เมียหลวง เปิดเผยว่า ตนจับได้ว่า สามีของตนมีผู้หญิงคนอื่นมา 2 ครั้งแล้ว เมื่อปี 2552 ตนจับได้ว่าสามีมีหญิงอื่นที่สวนผึ้ง จ.ราชบุรี สามีของตนได้ไปปลูกบ้าน รวมถึงซื้อรถให้ผู้หญิง และมีการผูกข้อไม้ข้อมือกับหญิงคนที่หนึ่ง แต่ตนไม่ได้ทำอะไร และขอแค่ว่าอย่ามีลูกด้วยกัน ต่อมาปี 2560 ตนจับได้ว่าสามีของตนมีลูกกับหญิงคนหนึ่ง เป็นลูกสาวตอนนี้อายุ 6 ขวบ ตนเลยขอให้ย้ายมาเป็นตำรวจที่ จ.กาญจนบุรี
ก่อนที่จะเกิดเหตุ ตนเริ่มสงสัยว่าสามีของตนนำหญิงคนหนึ่งมาอยู่ด้วย เพราะสามีไม่ค่อยกลับบ้าน แต่ไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวายด้วย กระทั่ง เมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่แล้ว ชาวบ้านได้มาเล่าให้ฟังว่าสามีของตนมีผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งทั้งคู่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน และมาอยู่ด้วยกันที่ป้อมตำรวจ ซึ่งป้อมตำรวจที่เกิดเหตุเป็นทางผ่านบ้านของตน ตนมักจะนำกับข้าวไปให้กิน แต่ช่วงโควิดไม่ค่อยได้ไป
จากนั้นตนจึงมาแอบดู และวันที่เกิดเหตุตามในคลิปวิดีโอ 3 ก.ค. 64 ตนเห็นว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันในป้อมตำรวจ และเห็นว่ามีกระเป๋าวางอยู่ข้างใน ตนเลยขับรถเข้ามาที่ป้อม เมื่อตนเดินปรี่เข้าไปเปิดประตู สามีของตนได้ต่อยเข้าที่หน้าอกและดันให้ตนออกไป ไม่ยอมให้เข้ามาข้างใน ตนเลยบอกว่าให้ออกมา จากนั้นตนได้เดินมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอ เกิดเหตุการณ์ด่าทอกันด้วยคำหยาบคายตามในคลิป กระทั่งสามีของตนออกไป ตนได้ย้อนกลับเข้าไปดูในป้อมตำรวจ พบว่ากระเป๋าของผู้หญิงหายไป แต่มีโทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ จากนั้นตนกับสามีก็กลับมาทะเลาะที่บ้านตั้งแต่ 21.00 น. จนถึงกลางดึก ระหว่างที่ทะเลาะตนได้ถูกทำร้ายร่างกาย แล้วเข้าแจ้งความที่ สภ.ท่าม่วง
ทั้งนี้ตนมีข้อมูลทุกอย่าง แต่สามีของตนไม่ยอมฟัง ตนไม่ทราบเลยว่าตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันไหม เพราะสามีของตนไม่เคยยอมรับว่าเป็นอะไรกับผู้หญิงคนดังกล่าว แต่อ้างว่าไปรับจ้างเพื่อหาเงินกินข้าว เพราะตนยึดบัตร ATM ซึ่งตนยึดบัตรเพราะสามีเคยนำชื่อของตนไปกู้เงิน แล้วนำไปให้ผู้หญิงคนอื่น
นางมิน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ป่วยเป็นฝีในตับ ตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่มาก เหมือนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งที่จดทะเบียนสมรสกัน แต่สามีของตนไม่ไว้หน้ากัน อีกทั้งตนกับสามีไม่เคยฟ้องหย่ากัน ตนกับสามีแต่งงานกันมา 27 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน ลูกสาวอายุ 19 ปี เรื่องของการเลี้ยงดู สามีของตนก็ช่วยดูแลเรื่องเบิกค่าเล่าเรียนและค่ารักษาให้ แต่เรื่องเงินส่วนอื่นตนไม่ได้รับ อีกทั้งตนเคยใช้หนี้ให้เป็นหลักแสนด้วย ตนอยากจะให้สามีของตนออกมาพูดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องตนติดต่อสามีไม่ได้ ตนจึงตัดสินใจร้องสื่อฯ อยากจะให้ทางต้นสังกัดมีการตรวจสอบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่
สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกกับทางสามีว่า ขอให้ออกมาคุยและตกลงว่าจะเอาอย่างไรต่อ เพราะตนไม่อยากจะให้เรื่องบานปลาย และไม่อยากจะให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ได้คิดเรื่องหย่ากัน แต่อยากจะให้สามีออกมาคุยและเลิกพฤติกรรมดังกล่าว
ทั้งนี้ เมียหลวงของ ร.ต.ต.สอ (นามสมมติ) เคยมาปรึกษา และร้องเรียนกับตนหลายครั้ง เกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัว เช่น ติดต่อไม่ได้ สามีไม่จ่ายค่าไฟ เป็นต้น ซึ่งตนก็คอยช่วยพูดไกล่เกลี่ยให้ทุกครั้ง สำหรับ ร.ต.ต.สอ ปัจจุบันยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ย้ายไปประจำที่ป้อมตำรวจอื่น ซึ่งถือว่าเป็นคนที่ปฏิบัติหน้าที่ดี เป็นตำรวจที่ดี แต่เรื่องของครอบครัวก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ส่วนเรื่องที่เมียหลวง ถูกแจ้งความข้อหาลักทรัพย์และหมิ่นประมาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่ได้มีการเข้าข้างใคร ถ้ามีหลักฐานหรือเรื่องจะร้องเรียน เจ้าหน้าที่ก็พร้อมจะรับฟังเสมอ
ทีมข่าวเดินทางที่ทำการตำรวจบ้านสระเศรษฐี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จุดที่เกิดเหตุตามในคลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อม ให้ข้อมูลว่า ตำรวจคนดังกล่าวย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อีกแห่งแล้ว
นางสาวดา (นามสมมติ) พนักงานปั๊มน้ำมันใกล้กับที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เจอ ร.ต.ต.สอ สามีของเมียหลวงมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ก่อนจะมาตรวจที่ปั๊มเป็นประจำ ซึ่งเป็นคนที่อัธยาศัยดี ส่วนเรื่องเจ้าชู้ตนไม่เคยทราบ วันที่เกิดเหตุตนได้ออกเวรไปแล้ว และจุดที่เกิดเหตุอยู่ไกล ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ทั้งนี้ ตนไม่เคยเห็นผู้หญิงมาที่ป้อมตำรวจ แต่เคยเห็นเมียหลวงของตำรวจเข้ามาสอบถามว่า ตำรวจคนดังกล่าวได้มาทำงานด้วยกันไหม อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการพาคนอื่นเข้ามาในป้องจริง ตนก็มองว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นสถานที่ราชการนางเจนจึงถามว่า "ถ้ามาซุ่มตลอด หมายความก็ไปหาไม่ได้ และพี่ต้องเชื่อฟังเมียหลวงตลอดใช่ไหม"
จนช่วงท้ายได้บอกว่า "จะไปรอที่ห้อง"