ศิธาเปิดใจก่อนจะเป็น แด๊ดดี๊ สายฟาด เคยเกือบเป็นโกโบริ
ปุ่น ศิธา ทิวารี เปิดใจก่อนจะเป็น แด๊ดดี๊ สายฟาด เคยเล่นละคร เกือบเสียบแทน "โอ วรุฒ" เรื่องคู่กรรม คาแรคเตอร์ได้ แต่แอคติ้งไม่ได้
นาวาอากาศตรีปุ่น ศิธา ทิวารี อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกถึงฉายา แด๊ดดี๊สายฟาด พร้อมย้อนเล่าอดีต เคยถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ และเล่นละคร มาแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
ไม่มีใครในประเทศเขาไม่รู้เลยว่าพี่ไม่กลับบ้าน เมื่อคืนไปร้องเพลงที่ไหนมา?
พี่ปุ่น : ไปชงเจริญ
แสดงว่าเมื่อวานเป็นวันฉลอง?
พี่ปุ่น : จริงๆ มันก็เป็นกิจวัตรประจำวัน ไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ไม่บ่อยเท่าตอนหนุ่มๆ
เห็นว่าตั้งแต่คลิปออกไปโด่งดังมากขนาดคนในบ้านยังแซวเลย?
พี่ปุ่น : ลูกสาวๆ คือเขาโทรหาผมก่อน เขาต้องโทรแบบกู๊ดไนท์ โทรมาเสียงเพลงลั่นเลย เขาก็ถามคุณพ่ออยู่ไหนค่ะ เราก็บอกว่าพ่อเสร็จแล้วก็มากับพรรคพวกที่ทำงาน แล้วเขาก็สวมรอยแม่เลย คุณพ่อดูแลตัวเองนะคะ แล้วก็นอนไม่ได้เจอกัน แล้วมีคนส่งคลิปมาให้ดูเต็มไลน์เลย กินเมื่อคืนพอตอนเช้ามัน 3 ล้านกว่าวิว แล้วเขาก็บอกว่าเนี่ยพ่อใครค่ะเนี่ย
ถามถึงฉายาดีกว่า หลายคนเรียกว่า แด๊ดดี๊ ที่มาคืออะไร?
พี่ปุ่น : มันผุดขึ้นมาเอง อยู่ๆ ก็เด้งขึ้นมาในอินเตอร์เน็ตแล้วคนก็ตามหมดเลย
ชอบไหม?
พี่ปุ่น : ตอนแรกหงุดหงิด ทำไมไม่เรียกพี่ แด๊ดดี๊มันรุ่นพ่อเลยเหรอ เอาพี่แล้วกันนะ พอสักพักชักเยอะ มันแก้ไม่ได้แล้วไง ก็มอบตัวไปเลย ไม่ต้องเป็นลุง เป็นปู่ ก็จะแด๊ดดี๊ไปเรื่อย
แต่เป็นแด๊ดดี๊สายฟาดคืออะไร?
พี่ปุ่น : เวลาเราพูดเราจะสื่อสารตรงๆ แต่ส่วนมากจะเป็นในเรื่องการเผด็จการ เขาเลยเรียกแด๊ดดี๊สายฟาด กับแด๊ดดี๊ขยี้เผด็จการ ตอนแรกๆ จะไปรู้จักในกลุ่มที่ติดตามการเมืองก่อน
เมื่อก่อนเราจะเห็นแคนดิเบตหรือการสัมภาษณ์อีกแบบหนึ่ง แต่ว่าคุณศิธาจะมีวิธีการรับมือให้แตกต่าง ของแนวคุณศิธาแตกต่างยังไง?
พี่ปุ่น : เอาจริงๆ ก็ไม่ได้แตกต่างนะครับ แต่มันเหมือนมาปิดกั้นอะไรบางอย่างที่เราอยากจะแสดงออก แล้วผมก็เชื่อว่าความเป็นนักการเมือง เข้าไปเป็น สส.คือไปพูดแทนประชาชน แล้วยิ่งไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่ได้มีอะไร ก็ไม่ต้องกังวล เขาเรียกว่าไม่มีกรอบ ผมว่าตอนนี้ผมพูดแทนประชาชนเยอะสุดนะ
แต่ทำไมตอนนี้พี่ไปโผล่ในโซเชียลบ่อยมาก?
พี่ปุ่น : คือคนจะเข้าใจการเมือง ต้องใช้ไอโอ ต้องใช้จัดตั้ง หรือว่าต้องไปเชียร์ให้คนนู้น คนนี้มา หรือว่านักการเมืองเก่าจะเข้าใจว่าพอออกไปปุ๊บต้องโทรหาสื่อขอลงหน้า1 มันไม่ใช่แล้ว ทุกวันนี้มันอยู่ที่ว่าคนเห็นมากแค่ไหนเขาอ่านแค่ไหน เราก็ศึกษาเรื่องนั่น เรื่องนี้ พอดูเรารู้แล้วว่าอินเตอร์เน็ตมันดีที่สุดแล้ว
แล้วก่อนเลือกตั้งผมก็ไปคุยกับคุณแคน เดอะสแตนดาร์ด เขาบอกตอนนี้ติ๊กต๊อกมันแรงมาก เราก็ไม่รู้ แต่เขาบอก ผมก็ฟัง แล้วไปหาข้อมูล แล้วมันก็จริง แล้วทีมที่ทำให้ผม พอมันทำเสร็จ พอคนเยอะ ขายได้ มันแอบไปเปิดของมันเอง แล้วมันก็ไปกันใหญ่เลย แล้วเพื่อนฝูงก็มาบอกว่ามีข้อมูลอะไรส่งมาหน่อย ทีมผมก็ใช้วิธีกระจายมันไม่ต้องเหนื่อย พอตอนหลังกลายเป็นว่าคนที่เล่นติ๊กต๊อก เขามาตามแล้วคอยเสิร์ชชื่อเรา
แต่ผมว่าที่พี่ไปอยู่ในใจประชาชน คือ 1.พี่พูดตรง 2.พี่หล่อ ?
พี่ปุ่น : เรื่องนี้โทษผมไม่ได้ ผมเลือกเกิดไม่ได้
เป็นคนตรงๆ จะไม่ปิดอะไรเหมือนนักการเมืองสมัยก่อนเลยเหรอ?
พี่ปุ่น : คนที่ปิดมันไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตนะ คือตัวกับใจมันต้องอยู่ด้วยกัน ไม่งั้นเราต้องตายไปก่อน เราถึงจะได้ไปที่ชอบๆ
ชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากที่เป็นมีมเยอะๆ แบบนี้ ไปไหนคนรุม?
พี่ปุ่น : ไปตามห้าง ไปที่ซอยละลายทรัพย์ พอลงรถตู้ ตอนแรกเจอ 2-3 คน ก็ถ่ายรูป ตอนแรกมาเป็นกลุ่ม สักพักมาเป็นแถว อยู่ข้างหน้าประมาณ 40 กว่านาที ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ
สมัยก่อนเป็นนักบินด้วยถูกต้องไหม?
พี่ปุ่น : เป็นนักบินครับ
พี่ปุ่น : อันนั้นมมันเป็นอุบัติเหตุมากกว่า คือ คุณแซม ยุรนันท์ เขามีศักดิ์เป็นพี่เขย คุณแซมเขาเป็นคนชวน แล้วแซมเป็นคนที่ดูแลตัวเองมาก แล้วโคตรจู้จี้ ปกติผู้กำกับสั่งอะไรก็ต้องเอาตามนั้น แต่แซมบอกว่าไม่ได้ครับ บทต้องเป็นอย่างนี้ ไปแก้บทเขา แล้วเวลาไปว่าเขา เห้ยแซม มึงเยอะขนาดนี้ใครจะมาจ้าง มันก็สวนมา ผมเยอะแบบนี้ผมถึงดูแลตัวเองมาจนทุกวันนี้
พี่ปุ่น : ในบท แซมเล่นคู่จินตหรา แล้วจินตหรามีแฟนเก่า ท้องด้วยกัน แล้วแฟนไปสงครามเป็นนักบินไปรบแล้วก็ตก ซึ่งเขาเขียนบทเอาคนนั้นคนนี้มา ความเยอะของพี่แซม ไม่ได้ครับ ถ้าบทนี้ผมมีตัวจริง เขาก็ชวนไป ผู้กำกับก็งงๆ แต่ก็ยอม ได้ไปเล่น
แล้วเรื่องคู่กรรมที่บอกว่าพี่เกือบเสียบแทนพี่โอ?
พี่ปุ่น : พอเล่นเรื่องนี้ หลังจากนี้มันจะมีหนังคู่กรรม แล้วตอนนั้นคุณโอยังไม่เข้าวงการ เป็นนายแบบ แล้วเขาก็ดูบอกว่าอยากให้ผมไปเล่นอันนี้ได้ไหม คู่กรรม เขาบอกคาแรคเตอร์ได้เป็นทหาร คาแรคเตอร์ได้ แต่ผมแอคติ้งไม่ได้
สมัยก่อนพี่คอเพลย์บอยตัวพ่อของเมืองไทย?
พี่ปุ่น : ผมเป็นตัวน้องคุณพีเคนะ มันก็ไม่ขนาดนั้น
เห็นว่าเส้นทางความรักกับคุณภรรยาไม่ได้ง่ายเลย?
พี่ปุ่น : ตอนแรกรู้จักในงานก่อน
ทีมงานบอกผมว่าเจอกัน 3 ครั้งถึงจีบ?
พี่ปุ่น : เปล่าๆ จริงๆ ผมก็สเปคกว้างนะ ก็ปิ๊งเยอะ แต่เป็นคนขรึมๆ ไม่แสดงออก
ภรรยาพี่ปุ่นสวยมาก เป็นมิสมอเตอร์โชว์ปี 2005?
พี่ปุ่น : คือบ้านข้างๆ รู้จักกันเอาไปประกวด แล้วเขาไม่เคยประกวดอะไรเลย ก็เกรงใจกัน ไปประกวดแล้วก็ได้ ตอนนั้นผมไม่รู้จักเขา ที่บอกว่าไปเจอกันในงาน คือผมไปงานรับรางวัลอะไรสักอย่างของช่างภาพสื่อมวลชน แล้วเขามาเชิญรางวัล พอเสร็จก็มีงานเลี้ยงต่อ แต่เขาไม่ทาน เขาจะรีบกลับ แต่ก็ไปเจอกันอีกงาน
อายุห่างกันถึง 18 ปีเลย?
พี่ปุ่น : เท่ากัน ตอนแต่งอายุเท่ากันเลย มีเลข 2 กับเลข 4 เหมือนกัน
18 ปี มีปัญหาไหม?
พี่ปุ่น : ไม่มี ผมว่าอยู่ด้วยกันไม่ใช่คนนึงยอม คนนึงไม่ยอม มันต้องให้เกียรติและเข้าใจซึ่งกันและกัน คือคนจะเปลี่ยนตัวเองเพื่ออะไรสักอย่าง มันก็จะเปลี่ยนได้แพ๊บนึง มีอะไรก็ว่าไปตรงๆ
ขึ้นเวทีเป็นสายฟาด แล้วอยู่บ้านกับภรรยาฟาดไหม?
พี่ปุ่น : ไม่ฟาดๆ ก็คุยธรรมดาปกติ
พี่ปุ่น : ไม่มีครับ
พี่ปุ่น : ไม่มีครับ เขาเข้าใจแล้วให้เกียรติกัน แล้วรู้ว่าผมอยู่ในการเมืองมานานแล้ว เขาจะรู้ว่าต้องลงพื้นที่ ต้องอยู่กับชาวบ้าน
แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นพี่ปุ่นลงรูปกับภรรยาหรือโพสต์อะไรสักเท่าไหร่?
พี่ปุ่น : ภรรยาผมเขามีไอจี มีโซเชียลของเขานะ แต่ว่าคนที่เข้าไปดูได้มี 2 คนคือผมกับลูกสาว แล้วเขาเอาไว้ส่องคนอื่น เขาจะชอบความเป็นส่วนตัว
แล้วเส้นทางเรื่องของการเมืองเป็นยังไง?
พี่ปุ่น : เรามีประสบการณ์การเมือง แต่เราต้องปล่อยให้คนรุ่นใหม่เป็นคนบริหาร เป็นคนทำ ทุกวันนี้คือบริหารในองค์กรใหญ่ๆ หรือแม้กระทั่งมหาเศรษฐีของโลก 10 อันดับแรกเป็นคนรุ่นใหม่ 8-9 คนแล้ว เพราะฉะนั้นมันเป็นเศรษฐกิจสมัยใหม่ เป็นสิ่งที่เขารู้ เขาเกิดมากับสิ่งนี้ เราก็พยายามปรับตัว แต่ว่าสิ่งที่เราจะช่วยได้คือเรื่องประสบการณ์ การบริหารคน เราควรจะทำตัวเป็นเหมือนนั่งร้าน เหมือนเกาะให้กับคนรุ่นใหม้ได้ทำงาน
พี่ปุ่น : ไม่ถึงกับอยากอยู่เบื้องหลัง จะอยู่เบื้องหน้าก็ได้ อะไรก็ได้ แต่เราจะไม่ฝืน ไม่ดันทุรัง จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งก็ได้ แล้วทำให้ประเทศมันดีขึ้นได้ก็ทำ