ไม่อภัย! ญาติเหยื่อถูกยิงผิดตัว เผยมือปืนย่องกราบขมา
จากกรณีเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2561 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ยิงหนุ่ม-สาว ที่นั่งมาในรถยนต์ฮอนด้าแจ๊สได้รับบาดเจ็บสาหัส ลูกกระสุนฟังที่บริเวณท้ายทอย บริเวณถนนเลียบคลองสาม ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี หลังเข้าใจผิดว่าผู้บาดเจ็บแอบพาภรรยาของตนหนี โดยก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุยอมรับว่า ที่ทำไปเพราะเกิดจากความหึงหวงจนขาดสติ ขณะที่ผู้เสียหายเปิดเผยว่ายังไม่ให้อภัย
ล่าสุดวันนี้ (24 พ.ค. 61) น.ส.ดาว (นามสมมติ) น้องสาวของนายรุ่ง ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนตกใจมากเมื่อทราบข่าวว่าพี่ชายไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคนอื่นแบบนี้ เพราะปกติแล้วพี่ชายไม่ใช่คนที่มักมีอารมณ์ฉุนเชียว หรือโมโหร้ายแต่อย่างใด แต่เป็นคนดี และจะเป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารี อีกทั้งยังชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ชาวบ้านละแวกเดียวกัน จะรักพี่ชายกันแทบทุกคน แต่ครั้งนี้ที่ทำให้พี่ชายก่อเหตุ อาจเป็นเพราะอารมณ์หึงหวง ทำให้ขาดสติ
อีกทั้ง ตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ พี่ชายก็ยังคงอยู่ในภาวะเครียดและซึมเศร้า เนื่องจากต้องการขอโทษ และรับผิดชอบต่อผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่สามารถติดต่อผู้บาดเจ็บได้ ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา (23 พ.ค.61) ตนพร้อมด้วยพี่ชาย คุณแม่ของพี่ชาย และภรรยาของพี่ชาย ได้เดินทางไปขอพบกับนายอานนท์ มณีวงษ์ ผู้เสียหาย ที่บ้านพักในย่านคลองสาม จังหวัดปทุมธานี แต่นายอานนท์ไม่อยู่ที่บ้านพัก พบเพียงแต่พ่อและแม่ของนายอานนท์เท่านั้น
โดยพี่ชายได้ก้มลงกราบพ่อและแม่ของนายอานนท์ พร้อมกับขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แม่ของนายอานนท์ ได้ขอให้พี่ชายของตนไปพูดคุยเจรจากับพี่สาวของนายอานนท์ดีกว่า ทำให้ในช่วงสายของวันนี้ พี่ชายตนจึงได้เดินทางไปพบกับพี่สาวของนายอานนท์ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ก่อนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด ส่วนเรื่องรายละเอียดหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ไปเจอกันในวันนี้ ตนก็ไม่ทราบ เพราะตนยังไม่ได้พูดคุยกับพี่ชายถึงเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นน้องสาวของผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากจะขอโทษต่อครอบครัวของผู้เสียหายด้วย และอยากขอให้ทางครอบครัวของผู้เสียหายและสังคมให้อภัยพี่ชายของตน เพราะขณะนั้นพี่ชายอาจทำไปเพราะความขาดสติ แต่อย่างไรก็ตาม ทางพี่ชายก็จะรับผิดชอบเยียวยาครอบครัวผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่แน่นอน
ล่าสุดวันนี้ (24 พ.ค. 61) น.ส.ดาว (นามสมมติ) น้องสาวของนายรุ่ง ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนตกใจมากเมื่อทราบข่าวว่าพี่ชายไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคนอื่นแบบนี้ เพราะปกติแล้วพี่ชายไม่ใช่คนที่มักมีอารมณ์ฉุนเชียว หรือโมโหร้ายแต่อย่างใด แต่เป็นคนดี และจะเป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารี อีกทั้งยังชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ชาวบ้านละแวกเดียวกัน จะรักพี่ชายกันแทบทุกคน แต่ครั้งนี้ที่ทำให้พี่ชายก่อเหตุ อาจเป็นเพราะอารมณ์หึงหวง ทำให้ขาดสติ
อีกทั้ง ตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ พี่ชายก็ยังคงอยู่ในภาวะเครียดและซึมเศร้า เนื่องจากต้องการขอโทษ และรับผิดชอบต่อผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่สามารถติดต่อผู้บาดเจ็บได้ ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา (23 พ.ค.61) ตนพร้อมด้วยพี่ชาย คุณแม่ของพี่ชาย และภรรยาของพี่ชาย ได้เดินทางไปขอพบกับนายอานนท์ มณีวงษ์ ผู้เสียหาย ที่บ้านพักในย่านคลองสาม จังหวัดปทุมธานี แต่นายอานนท์ไม่อยู่ที่บ้านพัก พบเพียงแต่พ่อและแม่ของนายอานนท์เท่านั้น
โดยพี่ชายได้ก้มลงกราบพ่อและแม่ของนายอานนท์ พร้อมกับขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แม่ของนายอานนท์ ได้ขอให้พี่ชายของตนไปพูดคุยเจรจากับพี่สาวของนายอานนท์ดีกว่า ทำให้ในช่วงสายของวันนี้ พี่ชายตนจึงได้เดินทางไปพบกับพี่สาวของนายอานนท์ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ก่อนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด ส่วนเรื่องรายละเอียดหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ไปเจอกันในวันนี้ ตนก็ไม่ทราบ เพราะตนยังไม่ได้พูดคุยกับพี่ชายถึงเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นน้องสาวของผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากจะขอโทษต่อครอบครัวของผู้เสียหายด้วย และอยากขอให้ทางครอบครัวของผู้เสียหายและสังคมให้อภัยพี่ชายของตน เพราะขณะนั้นพี่ชายอาจทำไปเพราะความขาดสติ แต่อย่างไรก็ตาม ทางพี่ชายก็จะรับผิดชอบเยียวยาครอบครัวผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่แน่นอน
ด้าน น.ส.จิตรลดา มณีวงษ์ พี่สาวของนายอานนท์ ผู้เสียหาย ยืนยันว่า
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ นายรุ่งและครอบครัวได้เดินทางมาขอโทษแม่ของตนและน้องชายถึงที่บ้านจริง แต่น้องชายไม่ได้อยู่ที่บ้าน เนื่องจากออกไปทำธุระกับตน มีเพียงแค่คุณพ่อและคุณแม่อยู่ที่บ้านกันเพียงสองคนเท่านั้น คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ช่วงประมาณเย็นๆ ใกล้พลบค่ำ ผู้ก่อเหตุได้มากดกริ่งบริเวณหน้าบ้าน เมื่อแม่ไปเปิดประตูบ้านก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะมาที่บ้านในช่วงเวลายามวิกาลขนาดนี้ จึงไม่ได้ให้ผู้ก่อเหตุและครอบครัวเข้าไปภายในบ้าน
ซึ่งแม่ของผู้ก่อเหตุได้บอกกับแม่ของตนว่า ต้องการจะมาขอโทษสำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ก้มลงกราบเท้าคุณแม่ทันที ทำให้คุณแม่ตกใจและเดินถอยหลังออก พร้อมกับบอกว่าไม่พร้อมจะพูดคุยอะไรด้วยตอนนี้ และขอให้กลับบ้านไปก่อน หากมีอะไรต้องการที่จะพูดคุยหรือเจรจา ก็ขอให้ติดต่อผ่านทางตนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุและครอบครัวก็เดินทางกลับบ้านไป
ซึ่งตนและครอบครัวมองว่า ถึงแม้ผู้ก่อเหตุและครอบครัวจะเดินทางมาขอโทษน้องชายและแม่ถึงที่บ้าน แต่ก็คงไม่ทำให้ตนและครอบครัวให้อภัยกับสิ่งที่ผู้ก่อเหตุกระทำลงไปได้ง่ายๆ เนื่องจากเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำที่อุกอาจ และทำให้น้องชายของตนบาดเจ็บถึงขั้นเกือบจะพิการ และยังทำให้น้องชายต้องเดือดร้อนถึงหน้าที่การงาน ตนจึงอยากให้ผู้ก่อเหตุลองนึกย้อนกลับไปว่า หากในวันที่เกิดเหตุนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนที่ผู้ก่อเหตุรัก หรือคนในครอบครัวจะทำอย่างไร และจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน ส่วนกรณีที่ผู้ก่อเหตุให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนก็ขออยากให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่า ผู้ก่อเหตุเสียใจเท่าใด ทางครอบครัวผู้เสียหายเสียใจมากกว่าหลายเท่า
และส่วนตัวน้องชายเอง เมื่อทราบข่าวว่าผู้ก่อเหตุเดินทางไปขอโทษแม่ถึงที่บ้านในช่วงเวลายามวิกาลเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่สบายใจ และก็ยืนยันว่ายังคงไม่ให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เบื้องต้นตนและครอบครัวก็ยังคงยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุรายนี้ให้ถึงที่สุด และขอให้ขั้นตอนต่อไปเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งอยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่า ตัวผู้ก่อเหตุเองมีหน้าที่การงานเป็นถึงระดับผู้นำชุมชน แต่กลับมาก่อเหตุอุกอาจลักษณะนี้เสียเอง โดยเพียงแค่อ้างว่าบันดาลโทสะ ต่อไปนี้จะให้ชาวบ้านในชุมชนไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวผู้นำชุมชนได้อย่างไร
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ นายรุ่งและครอบครัวได้เดินทางมาขอโทษแม่ของตนและน้องชายถึงที่บ้านจริง แต่น้องชายไม่ได้อยู่ที่บ้าน เนื่องจากออกไปทำธุระกับตน มีเพียงแค่คุณพ่อและคุณแม่อยู่ที่บ้านกันเพียงสองคนเท่านั้น คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ช่วงประมาณเย็นๆ ใกล้พลบค่ำ ผู้ก่อเหตุได้มากดกริ่งบริเวณหน้าบ้าน เมื่อแม่ไปเปิดประตูบ้านก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะมาที่บ้านในช่วงเวลายามวิกาลขนาดนี้ จึงไม่ได้ให้ผู้ก่อเหตุและครอบครัวเข้าไปภายในบ้าน
ซึ่งแม่ของผู้ก่อเหตุได้บอกกับแม่ของตนว่า ต้องการจะมาขอโทษสำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ก้มลงกราบเท้าคุณแม่ทันที ทำให้คุณแม่ตกใจและเดินถอยหลังออก พร้อมกับบอกว่าไม่พร้อมจะพูดคุยอะไรด้วยตอนนี้ และขอให้กลับบ้านไปก่อน หากมีอะไรต้องการที่จะพูดคุยหรือเจรจา ก็ขอให้ติดต่อผ่านทางตนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุและครอบครัวก็เดินทางกลับบ้านไป
ซึ่งตนและครอบครัวมองว่า ถึงแม้ผู้ก่อเหตุและครอบครัวจะเดินทางมาขอโทษน้องชายและแม่ถึงที่บ้าน แต่ก็คงไม่ทำให้ตนและครอบครัวให้อภัยกับสิ่งที่ผู้ก่อเหตุกระทำลงไปได้ง่ายๆ เนื่องจากเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำที่อุกอาจ และทำให้น้องชายของตนบาดเจ็บถึงขั้นเกือบจะพิการ และยังทำให้น้องชายต้องเดือดร้อนถึงหน้าที่การงาน ตนจึงอยากให้ผู้ก่อเหตุลองนึกย้อนกลับไปว่า หากในวันที่เกิดเหตุนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนที่ผู้ก่อเหตุรัก หรือคนในครอบครัวจะทำอย่างไร และจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน ส่วนกรณีที่ผู้ก่อเหตุให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนก็ขออยากให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่า ผู้ก่อเหตุเสียใจเท่าใด ทางครอบครัวผู้เสียหายเสียใจมากกว่าหลายเท่า
และส่วนตัวน้องชายเอง เมื่อทราบข่าวว่าผู้ก่อเหตุเดินทางไปขอโทษแม่ถึงที่บ้านในช่วงเวลายามวิกาลเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่สบายใจ และก็ยืนยันว่ายังคงไม่ให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เบื้องต้นตนและครอบครัวก็ยังคงยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุรายนี้ให้ถึงที่สุด และขอให้ขั้นตอนต่อไปเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งอยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่า ตัวผู้ก่อเหตุเองมีหน้าที่การงานเป็นถึงระดับผู้นำชุมชน แต่กลับมาก่อเหตุอุกอาจลักษณะนี้เสียเอง โดยเพียงแค่อ้างว่าบันดาลโทสะ ต่อไปนี้จะให้ชาวบ้านในชุมชนไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวผู้นำชุมชนได้อย่างไร
ชมคลิป
VVVVVVVVV
VVVVVVV
VVVVVVVV
>>>>>>>>>
Cr::: amarintv.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น