ลุงป้า ลั่น! ไม่อภัยเด็กคราวลูกก้าวร้าวถุยน้ำลาย มีดขู่ ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด (คลิป)

ความคืบหน้ากรณีหนุ่มหัวร้อน คว้ามีดขู่คู่กรณีให้ถอยรถ ให้ตนเองเข้าซอยได้ โดยมีการนำมีดออกมาขู่ พร้อมกับด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และถุยน้ำลายใส่รถคู่กรณีที่เป็นผู้สูงวัย เหตุเกิดที่ซอยวัดลาดปลาดุก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ล่าสุดวันที่ 11 ต.ค. ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ สอบถามกับนายณัฐ (สงวนนามสกุล) วินมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเรื่องตนได้เข้าไปห้ามหนุ่มหัวร้อน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องรุนแรงขึ้น มองว่าถ้าใจเย็นกันทั้งฝ่ายคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หนุ่มหัวร้อนคนดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ยอมเพราะคงมองว่าขับรถตีโค้งเข้ามาแล้วยังไงก็จะเข้าให้ได้

ขณะที่สภ.บางบัวทอง นายณัฐภัทร ฉันทสุเมธี อายุ 23 ปี ผู้ขับรถเก๋งที่นำมีดมาโชว์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งนายณัฐภัทร ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด

พ.ต.อ.สิรภร อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุนายณัฐภัทรกำลังจะขับรถเข้าบ้าน แต่เห็นว่ารถคู่กรณีก็อยู่หน้าปากซอยเช่นเดียวกัน รถของนายณัฐภัทร ไม่สามารถขับไปได้ แล้วทางด้านรถคู่กรณีก็ไม่ยอมถอยหลัง ก็เลยโมโห จึงได้มีการถ่มน้ำลาย ส่วนเรื่องมีดนั้น นายณัฐภัทร พกไว้ในรถติดตัวอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่ทำลงไปนั้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทาง นายณัฐภัทร 3 ข้อหา ได้แก่ พกพาอาวุธมีด ไปในเมือง ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต , ข่มขู่ผู้อื่นทำให้ตกใจกลัว และข้อหาข่มเหงรังแกผู้อื่น ตำรวจได้ปรับฝ่ายนายสุชาติ 400 บาท เนื่องจากขับรถคล่อมเส้นเหลือง ส่วนค่าปรับคดีอื่นๆ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา

ส่วน นายสุชาติ ดุสิตงามมงคล อายุ 62 ปี คู่กรณี บอกว่า ทุกอย่างจบลงด้วยดี เนื่องจากพ่อผู้ก่อเหตุได้มาขอโทษเเล้ว บอกว่าไม่ค่อยได้อยู่กับลูก ตนจึงให้อภัย มองว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กมีปัญหา เพราะคุมสติไม่อยู่ ขณะที่กำลังให้ปากคำกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เด็กคนนี้ยังเปิดประตูเข้ามาต่อว่า ตนเห็นพฤติกรรมเเล้วก็เอือมระอา ซึ่งทางตำรวจเองก็อยากให้ตนเจรจากับคู่กรณี เเต่ตนยืนยันว่าไม่ขอคุย เพราะตัวเด็กไม่ได้เข้ามาขอโทษ เเละไม่มีท่าทางว่าจะสำนึกใดๆเลย เเละตนมองว่าเด็กคนนี้ยังควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตอนนี้ตนจะไม่โกรธ เเละฟ้องร้องใดๆ เพราะไม่อยากจะยุ่งกับเด็กคนนี้อีกเเล้ว

 

ด้าน นางอำไพ ดุสิงามมงคล อายุ 63 ปี ภรรยานายสุชาติ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ในจังหวะที่รถเก๋งพุ่งเข้ามา ตนก็บอกสามีให้ถอย เเต่จังหวะนั้นสามีก็ตกใจเช่นกัน ประกอบกับร่างกายขอสามีก็ไม่ค่อยเเข็งเเรง เพราะเคยเข้ารับการผ่าตัด ทำให้ปฏิกิริยาการถอยรถอาจช้าไปบ้าง ก็ห้ามสามี บอกให้สามีพูดกับคู่กรณีดีๆ เพราะเห็นคู่กรณีมีอาวุธ เกรงสามีจะได้รับอันตราย เพราะเมื่อก่อนสามีเป็นคนใจร้อน เเต่ทันใดนั้นฝั่งคู่กรณีก็ตะโกนด่าสามีว่า "ไอ้เเก่ ถอยเป็นมั๊ย มีสมองมั๊ย" ตนนั่งอยู่ในรถได้ยินประโยคดังกล่าวเเล้วรู้สึกโมโหมาก เเต่ในใจก็กลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก