ผัวรับฆ่าเมียฝังดินไม่ตั้งใจ พลั้งมือตีตาย ข้อเท้าหายถูกหมาแทะ – ร่างทรงโผล่ เห็นตอนมรณะ (คลิป)
ในระหว่างการทำแผน นายอนุชาสารภาพว่า วันที่ 12 ก.ย. เวลา 18.00 น. ได้ไปดื่มเหล้าอยู่บ้านเพื่อนรวมกัน 4 คน มีตายาย ตนเองและผู้ตาย จากนั้นระหว่างทางกลับมาบ้าน ได้มีปากเสียงกันกับนางปราณี โดยนางปราณีต่อว่าตนเองจนทนไม่ไหว จึงได้มีการทุบตีทำร้ายร่างกายระหว่างทาง จนกระทั่ง 20.00 น. มาถึงบ้าน ทั้งคู่ยังอยู่ในอาการมึนเมา ก็ยังทะเลาะเถียงกันไปมา รุนแรงจนทำให้นายอนุชาบันดาลโทสะ คว้าเอาไม้คนข้าว ขนาดยาว 1 ฟุต ฟาดที่หัวนางปราณีนับครั้งไม่ถ้วน จนนางปรานีนิ่งเงียบไป ตนเองคิดว่าหลับไปแล้ว ตนเองจึงได้นอนหลับไปอยู่ข้าง ๆ
จนกระทั่งเวลา 05.00 น. ของวันที่ 13 ก.ย. ตนเองตื่นนอนขึ้นมา จับไปที่ตัวของนางปราณีพบว่าตัวเย็น แข็งไปแล้ว จึงได้กลัวความผิด ใช้จอบขุดดินฝังศพข้างบ้าน และตนเองก็ออกไปทำงานรับจ้างตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั้งผ่านไป 4-5 วัน ศพเริ่มเน่าส่งกลินเหม็น เพราะฝังดินไม่ลึก หมาแถวสวยลำไยมาขุดศพจนเห็นร่างนอนอยู่ในหลุม แต่หมาได้กัดข้อเท้าขวาของศพไปกิน ตนเองจึงได้รีบกลบดินเอาไว้ดังเดิม
ผ่านไปอีก 3-4 วัน ตนเองได้เดินไปที่สวนตรงข้ามบ้าน ไปขุดหลุมใหม่ไว้รอ หวังจะย้ายศพ เพราะกลัวหมาจะมาขุดกินอีก เมื่อขุดหลุมเสร็จก็ได้ย้ายจากหลุมข้างบ้านไปหลุมในสวน ซึ่งตอนนั้นย้ายช่วงค่ำ กระทำเพียงคนเดียว แต่ด้วยสภาพศพที่เน่าจึงได้นำผ้ามาห่อ แล้วอุ้มออกไปฝัง จากนั้นนำผ้าห่อศพมาทิ้งในบ้านดังเดิม และเก็บเสื้อผ้าเตรียมหนีไปทำงานที่ จ.ยะลา พร้อมกับน้ำรถไปฝากบ้านพ่อแม่ ซึ่งก็ได้ไปเล่าให้พ่อแม่ฟังหลังถูกถามถึงภรรยาว่า หนีตามชายอื่นและไปทำงานอยู่ที่อื่นแล้ว กระทั่งญาตินางปราณีฝันและมาตามหาจนเจอศพ
ด้าน นายทึ่ง ปิงขอด พ่อของนางปราณี บอกว่า ตนเองอยากจะตะโกนถามผู้ต้องหาไปในช่วงระหว่างที่ทำแผนว่า "มาทำกับลูกผมได้ยังไง ขอให้เวรกรรมตามสนอง ไปชดใช้เวรชดใช้กรรมซะ" และขอให้ได้รับโทษตายตามกับลูกสาว โดยถูกประหารชีวิต ซึ่งแม้ผู้ต้องหาจะสารภาพความจริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวรู้สึกดีขึ้น เพราะทุกภาพการกระทำที่โหดร้ายเกินกว่าที่จะให้อภัย อีกทั้งยังสงสัยและไม่ตัดความสงสัยนี้ออกไป คือ เรื่องการเคลื่อนย้ายศพ เชื่อว่าต้องมีคนรู้เห็นร่วมกันย้าย ไม่มีวันที่นายอนุชาจะย้ายศพเองได้
อย่างไรก็ตาม นายทึ่งเล่าว่า วันนี้แม้จะนำร่างไร้วิญญาณลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ แต่ด้วยอวัยวะ เช่น ข้อเท้าของลูกสาวก็ยังไม่ได้มา เชื่อว่าจะทำให้ชาติหน้าเกิดมาไม่สมบูรณ์ ใจจริงอยากหาให้ครบ แต่ไม่รู้จะหาที่ไหน ทำได้เพียงทำบุญให้ลูกเยอะ ๆ เผื่อจะเป็นกุศลให้เกิดมาครบ 32 ประการ
นอกจากนี้ ภายหลังการทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ขณะญาตินางปราณีกำลังจะเดินทางกลับ จ.กำแพงเพชร ได้มีร่างทรงวัย 68 ปี คนในพื้นที่ปรากฏตัว และบอกกับญาติว่าตนเองสามารถสื่อสารกับผู้ตาย และให้ครอบครัวสอบถามสิ่งที่ค้างคาใจได้ โดยให้เดินทางไปที่บ้านเพื่อประกอบพิธี โดยเมื่อถึงบ้าน ร่างทรงได้ใส่เสื้อขาวมัดผมเดินมาที่โต๊ะนั่ง ให้ญาติเตรียมของไม้ขาว 3 คู่ ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม พร้อมกับเงิน 199 บาท เพื่อขึ้นขันครู ญาติได้ยกขึ้นแนบหน้าผาก ยื่นจานดอกไม้ให้กับร่างทรง เมื่อร่างทรงรับขันแล้วก็ได้ขอตัวเดินขึ้นไปประกอบพิธีเงียบ ๆ บนบ้านไม้ ผ่านไป 1-2 นาที ก็ได้ยินเสียงคำราม กระทืบและตีพื้นเสียงดังลั่น สร้างความตกใจให้กับญาติ พร้อมกับพูดภาษาแปลกประหลาดออกมาตลอดเวลา จนสามีของร่างทรงต้องเดินไปตาม และพาลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน มานั่งอยู่ที่โต๊ะนั่งเพื่อให้ญาติ ๆ ได้สอบถามและพูดคุย
ทั้งนี้ จากการสังเกตพบว่าพฤติกรรมของหญิงวัย 68 ปีเปลี่ยนไปจากเดิม คือจากเป็นคนที่เดินไม่มีแรงเพราะความชรา แต่เมื่ออ้างว่ามีการประทับทรงก็ดูลักษณะแข็งแรง กำยำมากขึ้น เดินฝายอกลงมาคุยกับญาติ ซึ่งมีบางช่วงที่อ้างว่าเป็นครูบาอาจารย์ จะใช้ภาษาที่อ้างว่าเป็นภาษาเขมรสื่อสาร บางช่วงก็จะใช้คำพูดคล้ายพระ และการสื่อสารร่างทรงบอกกับญาติว่าให้เวลาเพียง 2 นาที ในการตอบข้อสงสัย และสื่อสารกับดวงวิญญาณผู้ตาย
โดยเมื่อญาติถามร่างทรงว่านางปราณีตายอย่างไร ใครทำ วิธีไหน ซึ่งร่างทรงไม่ยอมตอบแต่ใช้ท่าทางกิริยาสื่อว่ามีคนทุบหัว บีบคอ จนทำให้ต้องตาย และบอกว่าไม่ได้ตายเพราะตกรถ แต่โดนฆ่า เมื่อถามว่าก่อเหตุกี่คน ย้ายศพกี่คน ก็ได้คำตอบว่า 1 คน จากนั้นผ่านไป 5-6 นาที ร่างทรงก็ออกจากพิธี ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น