แท็กซี่ขอโทษสังคม หัวร้อนชกเสี่ยเต็นท์ แฉกลับถูกยั่วก่อนจนโมโห

จากกรณีคนขับแท็กซี่รายหนึ่งทะเลาะกับเจ้าของธุรกิจรับเหมาจ้างจัดงานการเต็นท์ผ้าใบ โดยฝ่ายแท็กซี่ได้มีการด่าทอด้วยคำหยาบ จนคนขับแท็กซี่ได้ปรี่เข้ามาเพื่อจะทำร้าย โดยคู่กรณีได้ถ่ายคลิปไว้ แต่สุดท้ายคนขับรถแท็กซี่ก็ต่อยหน้าคนถ่ายคลิปไป 1 หมัด ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นคนขับรถแท็กซี่อ้างว่า ไม่พอใจถูกคนถ่ายคลิปขับรถแทรกปาดหน้ากระทันหัน

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้สอบถาม นายทวีศักดิ์ บุรุสานนท์ อายุ 38 ปี แทกซี่หัวร้อน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถอยู่เลนซ้ายสุดแต่ต้องการจะเปลี่ยนเลนจึงเปิดกระจกและเปิดไฟเลี้ยวขอทางรถสิบล้อคู่กรณี ซึ่งอยู่เลนกลาง แต่ไม่ได้ขอแทรกเข้าไป เพราะมีช่องว่างพอขับไปได้อยู่ ก่อนจะโบกมือขอทาง แต่คู่กรณีคิดว่าชูนิ้วกลางใส่จึงเกิดเรื่องขึ้นในที่สุด ขณะเกิดเรื่องคู่กรณีมาพร้อมลูกน้องมาอีก 3 คน ถ่ายรูปตนและก็ท้าต่อย โดยพูดขึ้นว่า "มึงเอากับกูไหม" ถึง 3 ครั้ง

แท็กซี่ขอโทษสังคม หัวร้อนชกเสี่ยเต็นท์ แฉกลับถูกยั่วก่อนจนโมโห – เมียวอนหยุดถล่มลูก (คลิป)

จากนั้นคู่กรณีก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเข้ามาประชิดตัว ตนจึงเกิดบันดาลโทสะต่อยหน้าไป ยืนยันว่าไม่ได้เริ่มหาเรื่องก่อน แต่เป็นฝ่ายต่อยก่อนจริง เพราะถูกยั่วโมโห อยากให้สังคมมองทั้งสองด้านก่อนจะตัดสิน จากเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมที่ตนผิดก็อยากจะขอโทษและอยากให้หยุดด่าว่าลูกเมียที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอโทษที่ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายออกไป ไม่ได้มีเจตนาที่จะด่าคนอีสานหรือพาดพิงใครเลย

ด้านนางก้อย (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ภรรยาของคนขับแท็กซี่ บอกว่า สามียื่นมือออกไปโบกรถอีกคันให้ไป ไม่ได้ชูนิ้งกลางใส่คู่กรณีตามที่เป็นข่าว คู่กรณีเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องก่อน ทั้งๆที่สามีก็บอกไปว่า "ไม่เอากูจะทำมาหากิน" ยอมรับว่าสามีได้ด่าทอคู่กรณีจริง ส่วนค่าเสียหายที่คู่กรณีเรียกชดใช้ 5,000 บาท เพื่อยุติเรื่องราว หากสามีทำผิดจริงก็พร้อมจะจ่าย นอกจากนี้ลูกชายก็ได้รับผลกระทบไปด้วย จากคนในโลกโซเชียลที่เข้ามาด่า ลูกชายไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยอยากให้หยุดได้แล้ว

ขณะที่ นายก้อง (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเรื่องเห็นนายเจตนิพัทธิ์ เข้ามาหาเรื่องแท็กซี่ ก่อนจะวอร์เรียกลูกน้องมาอีก 2 คน จึงเข้าไปห้ามให้ทั้งคู่ใจเย็น แต่ไม่มีใครฟัง มั่นใจว่าอีกฝ่ายท้าทายแท็กซี่จริง จนทำให้แท็กซี่ต่อยหน้าคู่กรณี เมื่อจะเข้าไปห้ามก็ถูกลูกน้องนายเจตนิพัทธิ์กันไม่ให้เข้าไปยุ่ง ไม่สามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายไหนเริ่มเรื่องก่อน แต่เชื่อว่าต่างฝ่ายต่างผิดด้วยความใจร้อนกันทั้งคู่ ซึ่งแท็กซี่ผิดที่ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย และคู่กรณีก็ผิดที่ไปท้าทายแท็กซี่ด้วย

ตำรวจ สน.ชนะสงคราม อยู่ในระหว่างการสอบสวน หากพบว่าเป็นความผิดของทั้งสองฝ่ายก็จะมีการให้เจรจาไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งจะมีการตั้งข้อหาทะเลาะในที่สาธารณะ และสมัครใจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน