แท็กซี่หัวร้อนท้าคู่กรณีจุดธูปสาบานหน้าวัดพระแก้ว ขอให้ตายภายใน 3 วัน 7 วัน

แท็กซี่ : "เหตุการณ์วันนั้นไม่ใช่แบบนั้น ตอนผมติดไฟแดงอยู่ ผมเห็นรถหกล้อคันนี้เขาจอดอยู่เลน 2 ผมกำลังจะเลี้ยวขวาไปหน้าธรรมศาสตร์ เพราะผมมีอบุัติเหตุขับรถชนท้ายอยู่กำลังรอเคลมประกัน ตรงติดไฟแดง ผมก็เห็นรถหกล้อคันนี้ไปทางเดียวกัน แต่ผมค่อนข้างรีบเพราะมีคนรออยู่ ผมก็เปิดกระจกและชี้ไปข้างหน้าว่าผมจะไปตรงหน้าธรรมศาสตร์แค่นี้ ผมโบกปุ๊บ ผมก็ไปจอดเคลมประกันหน้าธรรมศาสตร์ พอผมจอดหน้าธรรมศาสตร์ มีผู้ชาย 4 คนข้ามฝั่งมา ผมเห็นพี่คนนี้เดินมาข้างหลังผม ผมไม่รู้เป็นคนขับรถหกล้อ แล้วมีลูกน้องมาอีก 3 คน คนนี้เข้ามาท้าผมว่าเฮ้ย มาต่อยกับกูมั้ย มาหาเรื่องต่อยกับผม ผมก็ปฏิเสธว่าไม่เอานะผมกำลังเคลมประกันอยู่ ผมทำมาหากิน แล้วเขาก็ถอดเสื้อนอกเขาเดินเข้ามาท้าผมอีกรอบว่ามึงเอากับกูมั้ย มาต่อยกับกูแบบลูกผู้ชาย นี่ครั้งที่สอง ผมก็ปฏิเสธไป ครั้งที่สามเขาเดินปรี่มาหาผม โดยเดินโยกมาหาผมมาประชิดตัวผม ผมเลยชกหน้าเขาไปหนึ่งที เขาก็สวนกลับผมมาแล้วก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จนผมลงไปนอนลงบนพื้นเพราะเขาตัวใหญ่กว่าผม จนหัวผมกระแทกกับพื้น" 

 เจตนิพัทธิ์ : "ก็แล้วแต่เขาจะพูด ถ้าคิดว่ามุมเขาถูกก็แล้วแต่เขา แต่มันไม่จริง จริงๆ ผมไม่ต้องมานั่งเถียงกับเขานะ ไม่รู้จะเถียงทำไม"

เจตนิพัทธิ์ : "เอางี้ เขาก็พูดมุมเขา แต่ไม่มีใครรู้ธุระคุณหรอก ใครรีบไม่รีบเราไม่รู้ แต่เราขับถูกต้องตามกฎจราจร อยู่ในเลนกำลังจะเลี้ยว แต่เขาไม่บอกว่าเขาอยู่เลนไหน คุณตัดหน้าเขามั้ย คุณยื่นมืออออกไปยังไง คำว่าขอทางของคุณ"

แท็กซี่ : "ผมกางแขนสุดแล้วชี้ไปข้างหน้า"

เจตนิพัทธิ์  : "ชี้หน้าผม  ชี้มาหน้ารถผม"

 

แท็กซี่ : "ไม่ได้ชี้หน้าเขาครับ"

เจตนิพัทธิ์  : "เพราะรถพี่อยู่หน้ารถผม ภาษากายเวลาพูดตอนนี้กับเหตุการณ์จริง พฤติกรรมเขาจะเห็นได้ว่าเป็นมิตรหรือไม่เป็นมิตร ลักษณะตาเปิดโพรง เปิดกระจกออกมาเร่งรีบตัดหน้า แทนที่จะขอโทษก่อนขอทาง ผมจะรู้มั้ยว่าคุณไปเคลมประกัน มันนอกประเด็น เอาลักษณะเริ่มต้นคุณอยู่ในเลนที่ผิด คุณต้องทำให้รถหกล้อเห็นทางกายได้ว่าคุณมีความนอบน้อมเพื่อขอเปลี่ยนเลนเขาเพื่อไม่ให้เขาเกิดอุบัติเหตุซ้ำ"

แท็กซี่ : "ผมขับรถมานาน ผมอยู่บนท้องถนนตลอดเวลา ผมก็เปิดกระจก ขออนุญาตแบบคนที่จะขอทางไป ผมยกมืออย่างสุภาพและก้มหัวให้เขาด้วย"

เจตนิพัทธิ์  : "แล้วแต่เขาจะพูด"

แท็กซี่ : "ประเด็นสำคัญเขาเดินมาหาผม ผมเคลมประกันอยู่ ผมมีพยานอยู่ รอกล้องซีซีทีวีของกรุงเทพฯ ที่อยู่รอบสนามหลวงว่าเหตุการณ์เป็นยังไง แต่ที่ผมเดินไปรอบที่สองที่เขาถ่ายคลิปเป็นรอบที่สองแล้ว ที่ชกต่อยกันแล้ว และผมก็เจ็บ หัวผมฟาดฟุตบาธ เขาคร่อมผมอยู่ ภาพตรงนี้ไม่มีนะครับ แล้วรอบแรกที่เขาท้าผมชก เขาได้ถ่ายวิดีโอก่อนหน้านั้นแล้ว พอชกต่อยกันเสร็จ ผมเข้าไปสอบถามเรื่องคลิป ผมไม่ติดใจเรื่องชกอะไรแล้ว แต่พอผมเดินเข้าไป เขาเดินออกมาพร้อมลูกน้อง 6 -7 คน พร้อมในมือถือเหล็กถืออะไรอยู่ทุกคน ผมก็คิดว่าเข้าไปดีๆ ไม่ได้หาเรื่อง ผมเข้าไปกอดคอเขาด้วย"

เจตนิพัทธิ์ : "(หัวเราะเสียงดังร้องโอ้โห)"

แท็กซี่ : "ผมมีอารมณ์ตรงที่ผมก็เจ็บ"

เจตนิพัทธิ์ : "คนแบบนี้ผมไม่ต้องใช้อาวุธหรอกครับ"

แท็กซี่ : "เขาเดินเข้ามาหาเรื่องผม เขามากันสี่คน ผมคนเดียวผมจะเข้าไปหาเรื่องเขาได้ยังไง"

แท็กซี่ : "ไม่ได้คิดเรื่อง ผมขอกล้องกทม.แล้ว ถ้าได้กล้องมื่อไหร่ ก็จะได้ยืนยันภาพชัดเจนขึ้น น้ำเสียงผมอย่างนี้แต่ผมไม่ได้โกหก เรื่องจริงเป็นแบบนี้ ไปดูกล้องรอบบริเวณสนามหลวงได้ครับ"

เจตนิพัทธิ์  : "ขอชี้แจงเรื่องอาวุธ ที่บอกว่าผมไปหาเรื่อง เขาเดินเข้ามาหาผม ผมทำอาชีพเต็นท์ กำลังไปเซ็ทอัพงาน เขากระชากผมไปเพื่อไปกระทืบ ลูกน้องผมกำลังทำงานอยู่ คำว่าอาวุธของเขาอุปกรณ์ก๊อกแก๊กเนี่ยนะครับ เขาเรียกอุปกรณ์ไขเต็นท์ ซึ่งลูกน้องถืออยู่คนนึง แต่คนอื่นไม่มี เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ เข้ามาแบบนั้นผมไม่จำเป็นต้องมีอาวุธหรอกครับ ผมมือเปล่า อาวุธผมคือโทรศัพท์ครับ ถ้าเขาเอากล้องมา ผมเชื่อว่าล้านเปอร์เซ็นต็จะเห็นว่าเขาถืออาวุธ แต่ผมไม่มี อาวุธเขาเป็นท่อนเหล็กยาว 1 ฟุตอยู่ในรถจะเอามาฟาดผม เขาโทรตามพวกมาหาผม"

แท็กซี่ : "หลังชกต่อยกันแล้ว คุณท้าทายผมสามรอบ"

เจตนิพัทธิ์ : "คุณนั่นแหละ ยั่วยุท้าทายผม ไปดูพฤติกรรมคุณกับผมนะ ผมมีการศึกษา ผมไม่เคยท้าใครครับ"

พสิน : "ผมขับรถมาทางผัดไทประตูผี เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยภูเขาทอง เป็นซอยเล็ก รถสวนทางกัน ผมขับช้าๆ แท็กซี่ขับมาหลังผมแล้วบีบแตร ผมหันมาเหมือนเขาพูดอะไรสักอย่างในรถ เหมือนด่าผม แล้วเขาก็ขับไป ผมก็ขับตามมา พอออกจากผ่านฟ้าลีลา เขาขับไปเฉี่ยววัยรุ่น แล้วเปิดหน้าต่างเหมือนว่าเด็กวัยรุ่น ผมก็รู้สึกว่าทำไมทำแบบนี้ บังเอิญตร.ผ่านมาพอดี ผมก็เลยเรียกตร. บอกว่าเขาขับรถน่ากลัวมาก ให้ช่วยดูหน่อย วันที่ 26 ส.ค. เขาคิดว่าผมบีบแตรเขา เขาก็จอดและลงรถมาหาเรื่องผม ของผมถูกพูดชี้หน้าด่า แต่ผมรีบไปหน่อยเลยเอากล้องมาถ่ายที่ตัวเอง"

แท็กซี่ : "วันนั้นเกิดเหตุจริงแต่ที่พี่ผู้ชายเดินลงมา ไม่ได้เดินลงมาแบบอยากคุย ลงมาด้วยอารมณ์โมโหเหมือนกัน ผมยอมรับว่าผมรีบ เขาบีบแตรให้ผมผมก็จอด เขาก็ลงมาจะเอาเรื่องผม เขาก็ท้าทายผมเหมือนกัน ผมก็จำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้ ก็แล้วแต่คนจะคิด แต่ผมไม่ได้หาเรื่องครับ"

พสิน : "มันคิดได้ น้ำเสียงคนหาเรื่องกับคนเคลียร์"

แท็กซี่ : "คุณลงมาหาผมก่อน"

พสิน : "แน่นอนครับเพราะพฤติกรรมการขับรถของคุณไม่เป็นมิตรครับ คุณขับแบบนี้มันอันตราย ตร.มาพอดี ผมก็อยากให้ตร.ช่วยคุยว่าขับรถแบบนี้มันอันตราย"

แท็กซี่ : "ได้ หลังจากนี้ผมรู้ตัวแล้ว ผมใช้อารมณ์มากเกินไป"

 

แท็กซี่ : "คงไม่ถึงขนาดนั้น"

เจตนิพัทธิ์  : "ต้องเลยครับ สมควรเลย"

สมหมาย : "ทุบกระจก ขับรถปาดหน้า และลงมาว่ารุนแรง เสียหาย"

 

พสิน : "พี่สมหมายเป็นแท็กซี่ด้วยกันก็โดน"

สมหมาย : "เขาปาดหน้าผมและลงมาว่าด่าเหมือนในคลิปที่ท้องสนามหลวง"

แท็กซี่ : "มันเป็นเหตุสองคลิป คลิปแรกผมเจอเขาที่นครปฐม คราวนั้นมีการโต้เถียงกัน เขาขับรถมาประกบข้างผม แล้วถามว่ามึงปาดหน้ากูทำไม ผมก็บอกเขาว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจพี่ขอโทษ แล้วก็ขับไป"

 

พสิน-เจตนิพัทธิ์  : "(หัวเราะ) มีแบบนี้ด้วยเหรอ"

แท็กซี่ : "ทำไมแย้งผมแบบนี้ล่ะครับ ให้ผมพูดก่อน เหตุครั้งแรกมาจากนครปฐม ทางออกบ้านแพ้ว วันนั้นผมได้ขับรถเพื่อเข้ากรุงเทพฯ ผมเห็นรถคันนี้ขับรถมาข้างผมแล้วถามว่าเมื่อกี้ปาดหน้าทำไม ผมอธิบายว่าบนท้องถนน คนเราไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้ที่ปาดหน้าก็ขอโทษ"

พสิน : "โอ้โห แล้วที่ลงมาต่อยและด่าเขาล่ะ"

แท็กซี่ : " แล้วแต่จะบิวต์นะครับ อันนั้นคลิปสอง คุณมาเยาะเย้ยผมหลังจากนั้นสองเดือนแล้ว คุณขับรถมาเทียบผมอีกทีและเปิดกระจก เซลฟี่กับผมแล้วพูดว่าจำกูได้มั้ย กูจำมึงได้นะ มึงเปลี่ยนรถอีกแล้วเหรอ ถ่ายคลิปยั่วยุผม ทุกอย่างที่ผมพูดมา เป็นเรื่องจริงหมด แต่สิ่งที่คุณพูดบางคนบิดเบือนไปอย่างละนิดละหน่อย แต่ส่วนตัวผม ผมขอท้าพี่ทั้งสามคนนะด้วยความบริสุทธิ์ใจของผม ขอสาบานวัดพระแก้วหรือวัดโพธิ์ ไปจุดธูปสาบานพี่กล้าไปกับผมมั้ย ในวัดพระแก้ว"

 

พสิน : "เอาวิทยาศาสตร์ เอากล้อง เอาหลักฐานมาคุยกันหน่อย"

แท็กซี่ : "ถ้าเหตุการณ์ทั้งสามคลิปนี้ ถ้าผมหาเรื่อง ขอท้าสาบานที่วัดพระแก้ว หรือศาลหลักเมืองก็ได้ ถ้าผมเป็นคนหาเรื่องคุณทั้งสามคนก่อนโดยไม่มีสาเหตุอะไร ขอให้ผมมีอันเป็นไป ขอให้รถชนตายสามวันเจ็ดวัน ขอท้าพี่ทั้งสามคนครับ กล้าไปสาบานกันผมมั้ยครับ"

พสิน : "ถ้าไม่ยอมรับควมจริงอย่างจริงใจ ไม่มีประโยชน์ขอโทษ เพราะเขายังไม่รู้ตัวเลยว่าเขาทำอะไรไว้ เดี๋ยวกำลังจะมีคู่กรณีติดต่ออีก 3 คนนะครับ"