เปิดใจ หนุ่มขับกระบะ นาทีเผชิญหน้า “รชฏ” อึ้งด่าไม่หยุด 5 นาที ไม่กล้าโต้หวั่นอิทธิพล (คลิป)

จากกรณีที่โลกโซเชียลแชร์สนั่นคลิป นายรชฏ หนุ่มแว่นขับรถยนต์ซีวิคมีอาการหัวร้อน หลังขับรถชน และเหยียดคู่กรณี ลามถึงด่าคนไทยทั้งประเทศ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณสี่แยกถนนอักษะ ต่อมาบริษัทต้นสังกัดที่หนุ่มดังกล่าวทำงานอยู่ได้ออกประกาศไล่ออกตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ด้าน นายนันทวัฒน์ กมลรัม คนขับรถกระบะที่ปรากฏในคลิป เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 10.15 น. ตนเองขับรถมาบนถนนพุทธมณฑลสาย4 ตรงข้ามกับลานพุทธมณฑล ซึ่งจะเป็นแยกไฟแดงที่เปิดเป็นไฟกระพริบไว้ รถตนขับมาทางตรง ฝ่ายรถเก๋งคู่กรณีขับมาจากฝั่งตรงข้าม โดยกลับรถบริเวณแยกพอดี ขณะนั้นตนมาด้วยความเร็ว และพยายามเบรกชะลอรถแล้ว เนื่องจากคู่กรณีกลับรถมาตัดหน้าตน ตนพยายามบีบแตร แต่คู่กรณีก็ยังไม่หยุดรถ ยังออกรถมาจนกระทั่งชนเข้าที่ข้างรถตนจนเป็นรอยบริเวณประตู

หลังเกิดเรื่องตนก็ขับรถเข้าข้างทาง แต่คู่กรณีไม่ยอมเลื่อนรถ นั่งบีบแตรยาวอยู่กลางแยกขวางรถคันอื่น ๆ ซึ่งรถคู่กรณีพบว่าป้ายทะเบียนที่เป็นป้ายแดงหลุด พร้อมกระจังหน้ารถหลุดออกมา โดยหลังจากลงจากรถ ตนถามคู่กรณีว่าเป็นอะไรหรือไม่ แต่ไม่ได้คำตอบ กลับถูกด่า ต่อว่า และดูถูกตามมา เมื่อเห็นว่าเขาอารมณ์ร้อน ตนตัดสินใจเดินกลับไปที่รถและหยิบโทรศัพท์มือถือมาใส่ที่กระเป๋าเสื้อ และกดอัดวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน

ระหว่างที่เรียกประกัน ตอนนั้นตนหยุดอัดคลิปแล้ว ฝ่ายคนขับเก๋งกลับขึ้นไปที่รถ แล้วก็ขับรถออกไป โดยทิ้งแฟนสาวไว้ให้ยืนรอประกัน ตอนนั้นตนก็ไม่ได้ทำอะไร จากนั้นราว 5 นาที ชายในคลิปก็ขับรถกลับบมาใหม่ เมื่อถึงก็บีบบแตรยาวให้คนแถวนี้ได้ยิน และลงจากรถมาโวยวายอีก จนกระทั่งประกันฝ่ายเก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ นายรชฏก็ยังต่อว่าประกันอีก จึงมีการเรียก 191 ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึงก็ยังคุยไม่รู้เรื่อง มีจังหวะหนึ่ง นายรชฏวิ่งมาผลักอกตน ทำให้มือถือที่อยู่ที่กระเป๋าเสื้อร่วงลงที่พื้น จากนั้นก็ก้มไปหยิบและขว้างออกไปกลางถนน ซึ่งตนต้องรีบวิ่งไปเก็บ เพราะกลัวรถจะทับ

ด้าน นายลภัสศุทธิ์ แก้วงาม ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตอนนั้นรถค่อนข้างติด เพราะรถเก๋งไม่ยอมขยับ จอดขวางถนนไว้ที่เลนที่ 2 มีจังหวะหนึ่งตนเห็นฝ่ายเก๋งจะปรี่มาทำร้ายฝ่ายนายนันทวัฒน์ ซึ่งผู้หญิงที่มาด้วยเขาก็ห้ามเอาไว้ จากนั้นฝ่ายเก๋งยังพยายามทำร้ายผู้หญิงที่มาด้วยกันอีก ตอนนั้นคิดว่าฝ่ายเก๋งคงเก็บอารมณ์ไม่อยู่ จังหวะหนึ่งเห็นฝ่ายเก๋งหยิบมือถือของนายนันทวัฒน์ปาไปที่กลางถนน ส่วนตัวคงไม่ยอม อย่างน้อยต้องแจ้งความ เพราะการกระทำแบบนี้ทั้งหมิ่นประมาท ทั้งทำลายทรัพย์สิน