พยานแฉโจรใต้ทมิฬ ฆ่า 15 ศพ 8 นาที ใช้ยุทธวิธีตัววายล้อมทะแยงฆ่า งงหมาไม่เห่า (คลิป)
นอกจากนี้ที่วัดบ้านไร่พัฒนา ซึ่งเป็นที่ตั้งประเภทกุศลศพของนายสุพจน์ จันทร์วิมาน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และ นางธนารัตน์ ไขยปัญญา ชาวบ้านที่ไปร่วมอยู่เวรจุดตรวจ โดยนายต้น (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ลูกชายของนายสุพจน์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ซึ่งอยู่ในอาการเสียใจ และยังคงยืนดูชุดเสื้อผ้าเครื่องแบบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นชุดประจำที่พ่อสวมใส่ พร้อมทั้งเปิดใจว่า ตัวเองไม่คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว เพราะก่อนหน้านี้พ่อปฎิบัติหน้าที่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ไม่เคยรักตัวกลัวตาย ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปืนหรือเสียงระเบิดดังขึ้น ก็จะรีบออกไปดูทุกข์สุขให้กับชาวบ้าน ไม่เคยเกรงกลัวภัยที่จะมาถึง ก่อนหน้านี้ครอบครัวทำใจกับความสูญเสียมาแล้ว เพราะเมื่อ 2 ปีก่อนมีลุงซึ่งทำหน้าที่เป็นชรบ.หมู่บ้าน ก็เคยถูกซุ่มยิงเสียชีวิตในพื้นที่ ไม่คิดว่าวันนี้ครอบครัวจะมาพบกับความสูญเสียอีกครั้ง
วันแรกที่ทราบข่าวรู้สึกเสียใจและทำอะไรไม่ถูก แต่สุดท้ายก็ต้องทำใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่ไม่มีวันยุติได้ ตนเองในฐานะครอบครัวของผู้สูญเสีย อยากจะฝากถึงกลุ่มคนก่อเหตุ อยากจะให้คืนความสุขให้กับ 3 จังหวัดายแดนใต้ และอยากให้เหตุการณ์นี้จบลงเสียที หากไม่เป็นครอบครัวของคนสูญเสียก็คงจะไม่เข้าใจความรู้สึก
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ จุดตรวจสกัดหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางบ้านพยา - บ้านทุ่งสะเดา ต.ลำพยา อ.เมือง จ.ยะลา เป็นถนนภายในชุมชน 2 ข้างทางเต็มไปด้วยสวนยางพารา และสวนทุเรียนของชาวบ้าน ใกล้กับจุดตรวจสกัดเป็นเนินเขาชายป่า
ที่บังเกอร์สีเขียว ภายในศาลาจุดตรวจ พบว่าบนพื้นที่กองเลือดอยู่หลายจุด และกำแพงปูนถูกกระสุนปืนสงครามยิงทะลุพรุน
นางอร (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ตนเองได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนรัวกระหน่ำดังยาวต่อเนื่องกว่า 8-10 นาที ซึ่งตนเองทราบพิกัดว่าจุดดังกล่าวเป็นจุดตรวจที่มีอาสาและชาวบ้านปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่หลังจากสิ้นเสียงปืน ได้มีเจ้าหน้าที่ชรบ. 2 คนวิ่งหนีตาย โดยคนหนึ่งวิ่งมาขอความช่วยเหลือและยืมโทรศัพท์คนในหมู่บ้าน เพื่อประสานงานขอความช่วยเหลือ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ส่วนอีกคนหนึ่งตัดสินใจมุดไปอยู่ใต้ท้องรถ เพราะต้องการหนีวิถีกระสุน จนสุดท้ายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บและรอดชีวิตไปได้อีกหนึ่งคน
ด้านนายเสาร์ (นามสมมติ) อายุ 60 ปี เจ้าหน้าที่อาสารักษาความสงบหมู่บ้าน หรือ อรบ. คนที่รอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เปิดใจว่า ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ภายในบังเกอร์ แต่มีตนเองยืนอยู่นอกบังเกอร์เพียงคน หลังจากนั้นตนขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ระหว่างทางได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ตอนนั้นคิดในใจว่าจุดตรวจโดนยิงถล่ม แต่ก็ไม่กล้าย้อนกลับไป เพราะเสียงปืนดังต่อเนื่องแบบน่ากลัว
โดยช่วงจังหวะที่ตัวเองไปพูดคุยกับชุดชรบ. ที่จุดดังกล่าว สังเกตได้ว่ารอบข้างแม้จะเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวใด แม้กระทั่งสุนัข 2 ตัวที่เลี้ยงเอาไว้ก็ไม่เห่า หากตนไม่ขี่รถออกมาก่อน เชื่อว่าตนเองจะเป็นคนแรกที่ตาย เพราะอยู่นอกบังเกอร์เพียงคนเดียว