ความจริงอีกมุม เผย “อดีตผู้การ” วางแผนมาแต่เช้า ใช้ปืนกล็อกเพราะเป็นอัมพฤกษ์ (คลิป)

จากกรณี พล.ต.ต.ธานินทร์ จันทราทิพย์ อายุ 67 ปี ก่อเหตุยิงคู่กรณีระหว่างเข้ารับฟังการพิจารณาคดี ภายในศาลจังหวัดจันทบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ โจทก์ นายวิจัย สุขรมย์ ทนายโจทก์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายวิชัย อุดมธนภัทร ทนายโจทก์ และนางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ภรรยานายบัญชา

ส่วนพล.ต.ต.ธานินทร์ ผู้ก่อเหตุ ถูกเสมียนศาลยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุสืบเนื่องจากผู้ก่อเหตุและคู่กรณีมีการฟ้องร้องทางแพ่งเกี่ยวกับที่ดินกันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งครั้งนี้ฝ่ายนายบัญชามีการฟ้องทางอาญาด้วยในข้อหาฟ้องเท็จกับ พล.ต.ต.ธานินทร์

วานนี้ (13 พ.ย. )ตำรวจได้ควบคุมตัว นายธนากร หรือ ท็อป วีรวโรดม ซึ่งเป็นเสมียนผู้ช่วยของฝ่ายนายบัญชา ผู้ใช้อาวุธปืนยิง พล.ต.ต.ธารินทร์เสียชีวิต มาสอบปากคำที่ สภ.เมืองจันทบุรี หลังจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี

ความจริงอีกมุม เผย “อดีตผู้การ” วางแผนมาแต่เช้า ใช้ปืนกล็อกเพราะเป็นอัมพฤกษ์ (คลิป)

โดย พ.ต.อ.ณพล นามนารถ รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ได้ความว่าในเหตุการณ์นี้มีผู้กระทำผิด 2 คดี คดีเเรก พล.ต.ต.ธารินทร์ ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นในห้องพิจารณาคดี มีผู้เสียชีวิต 2 คน และได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งเป็นการกระทำผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาถูกอาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย

คดีที่ 2 นายธนากรใช้อาวุธปืนยิง พล.ต.ต.ธารินทร์เสียชีวิต และไม่พบนายธนากรในที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งต่อมาได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่านายธนากรได้ปืนจากตำรวจศาลได้อย่างไร

สำหรับบรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยาของ พล.ต.ต.ธารินทร์ ได้เดินทางมารับศพ โดยน.ส.เขมจิรา เปิดเผยว่า พล.ต.ต.ธารินทร์เข้ามาช่วยเรื่อคดีข้อพิพาทที่ดิน 3,800 ไร่ จนเจ้าตัวถูกฟ้องร้องคดีฟ้องเท็จ จึงความความเครียดเพราะมีการทะเลาะ ถูกเย้ยหยันกันมาตลอด

โดยในตอนก่อเหตุ พล.ต.ต.ธารินทร์ บอกกับทุกคนในห้องว่าใครไม่เกี่ยวให้ออกไป แล้วก่อเหตุดังกล่าวขึ้น พอก่อเหตุเสร็จก็นั่งรออยู่ในห้องให้ควบคุมตัว แต่นายธนากรวิ่งออกไปข้างนอกแล้วเอาปืนมายิง ซึ่งตนคิดว่าเขาทำเกินไปหรือไม่

หลังจากนั้นที่วัดหลวงปรีชากูล อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ครอบครัวของ พล.ต.ต.ธารินทร์ รับศพและเดินทางนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่นี่ หลังรดน้ำศพแล้วเสร็จ ครอบครัวได้ยกโลงศพซึ่งมีร่างของ พล.ต.ต.ธารินทร์มาที่ลานข้างศาลาสวดพระอภิธรรมเพื่อทำพิธีฝังหลอกตามความเชื่อ เนื่องจากเสียชีวิตผิดธรรมชาติ โดยให้ลูกสาวเป็นผู้ทำพิธี ด้วยการใช้จอบทุบที่พื้น 3 ครั้ง

ขณะเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ครอบครัวของนายวิจัย นำโดย นายสาคร สุขรมย์ อายุ 75 ปี พ่อของนายวิจัย เดินทางเข้ารับศพลูกชายด้วยความโศกเศร้า เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม จ.อุดรธานี

โดยนายสาครยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ลูกชายซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องมาจบชีวิตลง เพราะอาชีพที่ตัวเองรัก และเขาตั้งใจทำงานมาตลอด อยากให้คดีนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่เกิดขึ้นในศาล ที่มีการพกอาวุธเข้ามาห้ำหั่นกัน พร้อมให้มีการทบทวนเรื่องการรักษาความปลอดภัยในศาล ส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับครอบครัวคนยิง หากจะมาขอโทษก็ยินดีรับ แต่ขอโทษแล้วได้อะไร ไม่ทำให้ลูกชายฟื้นกลับมาได้ และไม่ขอจองเวรจองกรรมต่อกันอีก

หลังจากนั้นที่วัดป่ามัชฉิมวงศ์รัตนาราม จ.อุดรธานี นายพัฒนกุล พึ่งตระกูล ลุงของนายวิจัย เปิดเผยว่า หลานเป็นทนายความมาหลายปี ตนเองและชาวบ้านทั้งหมู่บ้านก็รู้สึกช็อกเมื่อทราบข่าว รู้สึกเสียใจมาก หลานเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นเสาหลักของครอบครัว ตนเองตั้งข้อสังเกตว่าทำไมศาลซึ่งต้องเป็นที่ปลอดภัยสูงสุด แต่ผู้ก่อเหตุถึงพกพาอาวุธเข้าไปได้ และไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุ 3 ผู้ต้องหาใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อนหลบหนี

นอกจากนี้ ใน รายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 โดย นายเตชนิธิ ชัยณรงค์วิทย์ ทนายความ พล.ต.ต.ธารินทร์ เปิดเผยสาเหตุที่ขณะพล.ต.ต.ธารินทร์ ก่อเหตุ แล้วต้องจับปืน 2 มือ ว่า ในอดีตพล.ต.ต.ธารินทร์เคยป่วยเป็นอัมพฤกษ์เนื่องจากเส้นเลือดแตก เป็นเหตุให้มือขวานั้นอ่อนแรง ซึ่งยอมรับว่าอาจจะมีการเตรียมการมาก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากพล.ต.ต.ธารินทร์ เดินทางมาที่ศาลในเวลาเช้ามาก เข้าจากด้านหลัง ประกอบกับวันดังกล่าวมีผู้ใหญ่มาตรวจราชการที่ศาล จึงทำให้ความสนใจไปอยู่จุดนั้น

ส่วนปมที่เกิดเหตุขณะมีการไต่สวนในชั้นศาลเมื่อวันศุกร์ก่อนเกิดเรื่อง นายบัญชากับผู้การเกิดการวิวาทกันต่อหน้าผู้พิพากษาเรื่องการยื้อแย่งดูเอกสาร จนผู้พิพากษาต้องห้ามปราม และอีกฝ่ายมีการกล่าวพาดพิงพ่อของ พล.ต.ต.ธารินทร์ จนกระทั่งสืบเนื่องมาถึงวันจันทร์และเกิดเหตุดังกล่าว

นอกจากนี้นายยอด นาคหวัง ทีมทนายความพล.ต.ต.ธารินทร์ เปิดเผยภายหลังจบรายการด้วยว่า พล.ต.ต.ธารินทร์เคยฝากฝังว่าถ้าเขาเป็นอะไรไปก็ขอให้ตนช่วยดูคดีนี้ด้วย เขาเป็นห่วงเรื่องคดีนี้มาก กลัวมากว่าผลจะตกไปถึงลูกเขาหรือไม่ เพราะเขารักลูกสาวมาก