เพื่อนเผย น้องกาย ป่วยจริง เคยคลั่งหนักบีบคอแฟน อึ้ง! หลุดปาก “อยากฆ่าตัวตาย” (คลิป)

จากกรณี นายศิระ สมเดช หรือกาย อายุ 20 ปี เรียนชั้นปี 2 วิศวะคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคนิคแห่งหนึ่ง ก่อเหตุฆาตกรรมฆ่าหั่นศพ นางยุรีย์ เถาวัลย์ มารดาวัย 42 ปี ก่อนแยกชิ้นส่วนยัดใส่ช่องฟรีซในตู้เย็น ประกอบด้วย ศีรษะตั้งแต่ช่วงคอขึ้นไป แขนตั้งแต่ช่วงไหล่ข้างขวา แขนตั้งแต่ช่วงไหล่ข้างซ้าย บริเวณเอวลงไปจนถึงขา 2 ข้าง ภายในบ้านเลขที่ 17 ซอยท่าข้าม 28 แยก 6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน ก่อนที่นายศิระ จะคว้าปืนมายิงใส่ศีรษะตัวเอง เสียชีวิตเพื่อหนีความผิด ทั้งนี้ทราบว่านายศิระ มีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และเข้ารับการรักษากับแพทย์

ผลชันสูตรศพนางยุรีย์ พบว่า ที่คิ้วขวามีแผลแตก และถูกของมีคมแทงที่ช่องอกทะลุปอดทำให้เสียเลือดมาก ส่วนสภาพศพของนายศิระ ถูกอาวุธปืน .38 ยิงเข้าขมับขวาทะลุฝั่งซ้าย 1 นัด ซึ่งปืนเป็นของนางยุรีย์

เพื่อนเผย น้องกาย ป่วยจริง เคยคลั่งหนักบีบคอแฟน อึ้ง! หลุดปาก “อยากฆ่าตัวตาย” (คลิป)

นายรอน เถาวัลย์ อาของ น.ส.ยุรีย์ มีศักดิ์เป็นตาของนายศิระ พร้อมด้วยญาติ เดินทางไปยื่นเอกสารเพื่อขอรับศพ น.ส.ยุรีย์ ไปบำเพ็ญกุศล โดยนายรอน เปิดเผยว่า ไม่ได้เจอนายศิระ หลานชายนานกว่า 2 ปีแล้ว ปกติหลานชายมีนิสัยร่าเริง พูดคุยตามปกติ ไม่ได้มีนิสัยอารมณ์รุนแรงหรือก้าวร้าว ส่วนกระแสที่ว่าจริง ๆ แล้วหลานชายถนัดมือไหนนั้น ยืนยันว่าหลานถนัดมือขวา เพราะเวลากินข้าว หรือทำธุระก็ใช้มือขวาตลอด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลานชาย เป็นคนลงมือฆ่า น.ส.สุรีย์ แน่นอนไม่เช่นนั้นคงไม่ยิงตัวตายเพื่อหนีความผิด

โดยศพของ น.ส.ยุรีย์ ญาติจะนำไปบำเพ็ญกุศล ที่วัดบ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เป็นเวลา 3 คืน ก่อนจะทำการฌาปนกิจศพในวันที่ศุกร์ ที่ 29 พ.ย. 62

ด้าน นางประสงค์ เถาวัลย์ แม่ของน.ส.ยุรีย์ เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวตนเสียใจมาก ที่ผ่านมาเคยอยู่กับหลานชาย และรู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งก็ได้พาไปหาหมอและกินยาตลอดจนอาการดีขึ้น สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนตกใจมากและยังไม่เชื่อว่าหลานจะเป็นคนทำ เพราะที่ผ่านมาแม่ลูกเค้าก็รักกันดี และหลานชายก็เป็นเด็กดี เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ

ขณะที่เพจเฟซบุ๊กเพจ "ซ้อขอเล่า" ได้นำบทสนทนา จากเพื่อนของนายศิระ และทางเพื่อนได้ตั้งข้อสงสัยว่านายศิระถนัดซ้ายและไม่มีทางจับปืนมือขวาอย่างแน่นอน และอีกอย่างคือ 2 แม่ลูกคู่นี้มีการพูดคุยกันดี ไม่มีคำหยาบใส่กันแม้แต่น้อย จึงยังไม่ปักใจเชื่อว่านายศิระ จะเป็นคนลงมือ อีกทั้งนายศิระ เองเป็นเด็กดีไม่เคยเกเร พร้อมทั้งขอให้ดูพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ริมถนนและผลชันสูตรที่แน่นอนดีกว่าว่าใครคือ ผู้ก่อเหตุกันแน่

ส่วน นายอ้น (นามสมมติ) เพื่อนนายศิระ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายศิระ สมัยเรียนปวช. และห่างกันไปประมาณ 2 ปี ช่วงที่เรียนด้วยกันตนไม่เคยทราบว่านายศิระเป็นโรคซึมเศร้า โดยนายศิระค่อนข้างสนิทกับแม่ เพราะอยู่กัน 2 คนที่บ้าน ซึ่งแม่กับนายศิระจะพูดกันเพราะ ไม่เคยขึ้นเสียง หรือพูดขึ้น "มึง กู" ใส่กัน และตนก็ไม่เคยเห็นนายศิระทะเลาะกับแม่

นอกจากนี้ ตนยังมีข้อพิรุธหลาย เช่น มีดปังตอที่ใช้ก่อเหตุทำไมจึงไม่มีคราบเลือด นายศิระ เป็นคนถนัดซ้าย เวลากินข้าว หรือเขียนหนังสือ จะใช้มือซ้ายตลอด แต่ข่าวที่ออกมาคือยิงจากขมับด้านขวา ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะยิงจากมือที่ไม่ถนัด และทำไมที่เสื้อของนายศิระ ถึงมีเลือดเปื้อนเพียงเล็กน้อย และตนทราบว่าเพื่อนบ้านเคยมีเรื่องขัดแย้งกับนางยุรีย์ ส่วนตัวจึงไม่เชื่อว่าเพื่อนจะเป็นคนก่อเหตุ

ด้าน นายไพบูลย์เกียรติ เจริญบุญ หรือโจ้ เพื่อนที่มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า เจอกับนายศิระครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22พ.ย.62) ที่มหาวิทยาลัย และยังพูดคุยกันตามปกติ แต่นายศิระ พูดให้ฟังว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และเพิ่งไปรับยาที่โรงพยาบาลมา แต่ดูไม่ออกว่ามีอาการป่วย นอกจากนี้ที่ผ่านมานายศิระ มักใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน และชอบเล่นดนตรี แต่เพื่อน ๆ เคยเห็นนายศิระ เช็คอินว่าไปโรงพยาบาลรักษาคนป่วยจิตเวช

ขณะที่ นายกฤษณะ ปัญญะปูน หรือไฟร์ท เปิดเผยว่า นายศิระ เริ่มมาจากการถนัดเขียนมือซ้าย แต่หลังจากเข้ามาเรียนแล้ว โต๊ะเรียนของมหาวิทยาลัยเป็นโต๊ะเลคเชอร์ของคนเขียนมือขวา ซึ่งคนมือซ้ายวางแขนไม่ได้ทำให้นายศิระจึงฝึกเขียนมือขวา จนปัจจุบันเขียนหนังสือ ลอกการบ้าน ดีดกีร์ต้าด้วยมือขวาตลอดจนคล่อง ที่ผ่านมานายศิระเป็นคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนก็ปกติ ไม่มีพฤติกรรมรุนแรงถึงขั้นฆ่าคน แต่เมื่อราว 1-2 สัปดาห์

ก่อนเกิดเหตุ นายศิระเคยหลุดปากว่า "อยากฆ่าตัวตาย" โดยบอกว่าเพิ่งไปหาหมอ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และยังบอกว่าที่ต้องไปตรวจเพราะทะเลาะกับแฟน ถึงขั้นบีบคอ ส่วนเรื่องแม่นายศิระ ดูรักแม่ ไปไหนกับแม่บ่อย พูดถึงแม่ให้เพื่อนฟังก็พูดดี ๆ บอกแม่เข้าใจเขาทุกอย่าง แม่เป็นเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง