เพื่อนเซลส์สาว แฉ “เสี่ย” ขู่ “ฆ่าไม่ติดคุก” – ผัวเก่าเชื่อนิสัยท้าทายยั่วโมโหชนวนตาย (คลิป)
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองโดน จ.สระบุรี ตรวจสอบสภาพรถคันเกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานประกอบเพิ่มเติม โดยจากการสันนิษฐานเบื้องต้น รถน่าจะเอาส่วนหน้าลงน้ำ และน่าจะเป็นการขับ หรือปล่อยให้ไหลลงคลอง พร้อมทั้งจะนำเรียนผู้บังคับบัญชา เพื่อประสานนำรถของเทศบาล นำน้ำมาฉีดล้างรถ ซึ่งเปรอะเปื้อนดินโคลน เพื่อหาหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ แต่การทำงานต้องทำอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายหลักฐาน
ด้าน ป้าสวย เเม่ค้าในตลาด ที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ น.ส.กลิ่นเกสร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตมาเช่าตึกเเถว บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เดือนละ 6,000 บาท เปิดร้านสเต็กได้ประมาณ 1 ปี ก่อนจะหายตัวไป เสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ย ตนเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก่อนที่จะหายไป ผู้เสียชีวิตยังดูปกติ ไม่ได้มีท่าทีเเปลก ๆ เเต่อย่างใด หลังจากพบโครงกระดูก ตนเองก็รู้สึกสงสารมาก ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูกผู้เสียชีวิตจริง ๆ เเต่ก็ไม่คิดว่าจะเห็นผู้เสียชีวิตในสภาพเเบบนี้ คนที่ทำโหดร้ายเกินไป
ความสัมพันธ์ของผู้ตาย ที่ผ่านมา คบกับชายสูงอายุ ซึ่งเป็นเสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยเเห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี คบกันประมาณ 4-5 ปี ก็เลิกรากันไป จากนั้นต่อก็ไปคบกับผู้ชายคนใหม่ เเต่งงานเเละมีลูกด้วยกัน 1 คน เเต่ไม่นานก็เลิกรากัน เเละต่อก็กลับมาคบกับเสี่ยคนเดิมอีกครั้ง เเละได้ทำงานเป็นเซลล์ในบริษัทของเสี่ยคนดังกล่าว
ส่วน นายไพโรจน์ กลำกิน อายุ 64 ปี ชาวบ้านที่เคยเห็นรอยล้อรถตกคลองเมื่อ 3 ปีก่อน เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน จำได้ว่าเป็นช่วงเช้า เวลา 06.00 น. ตนเองขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านจุดดังกล่าว สังเกตเห็นพงหญ้าล้มเป็นแนวราบ คล้ายกับมีล้อรถไถลลงคลอง ซึ่งตนเองได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับเพื่อนฝูง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ จึงไม่กล้านำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งความ กระทั่งมีคนพบรถของ น.ส.กลิ่นเกสร ห่างจากจุดที่ตนเองเคยเจอรอยล้อประมาณ 300 เมตร ช่วงที่เจอรอยล้อนั้น เป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูงเกือบถึงตอม่อสะพาน และกระแสน้ำไหลค่อนข้างแรง
ขณะที่ นายเเทน (นามสมมติ) เพื่อนสนิท น.ส.กลิ่นเกสร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทราบมาโดยตลอดว่าต่อคบกับเสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ย ซึ่งเป็นคนขี้หึงมาก มักจะทะเลาะกันบ่อยเรื่องหึงหวง เวลาต่อไปไหนเสี่ยรายนี้ก็จะขับรถตามประกบคล้ายสะกดรอยตาม เคยได้ยินต่อเล่าพูดให้ฟังว่า "คนอย่างเสี่ย ฆ่าคนตายก็ไม่ติดคุก" ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการข่มขู่ โดยทั้งคู่ทะเลาะกันก่อนที่ต่อจะหายตัวไปเเค่ 1 สัปดาห์
ด้าน นายสุรเดช อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยในรายการต่างคนต่างคิด ว่า หลังพลิกรถขึ้นมาได้ครึ่งคัน ขณะตรวจสอบในรถไม่ทราบเลยว่าเป็นผ้าปูที่นอน เพราะถูกปลกคลุมไปด้วยโคลน กระทั่งตอนเปิดผ้าปูที่นอนออกมาก็เจอ โครงกระดูก ซิลิโคลนหน้าอก สก็อตเทปที่ใช้แล้ว (คล้ายเอาไว้พันข้อมือคน) เสื้อชุดนอนสายเดี่ยว กางเกงใน แหวน ต่างหู สร้อยข้อมือ นอกจากนี้ตนเองเป็นคนขยับเกียร์ไปอยู่ที่ตัวP เพื่อให้ดึงรถขึ้นได้ ตามหลักเกียร์จะอยู่ตรงกลาง ที่ตัวD หรือตัวN
นอกจากนี้ นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เปิดเผยในรายการต่างคนต่างคิด ว่า จากที่ตามคดีนี้มา เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมจากคนใกล้ชิด เสื้อชุดนอนสายเดี่ยว กับกางเกงใน ที่พบในรถ เชื่อมโยงได้ว่าผู้ตายถูกฆ่าในห้องนอน และคนร้ายนำผ้าปูที่นอนมาห่อศพไว้ ก่อนจะมีการนำศพมาใส่รถแล้วปล่อยทิ้งลงน้ำเพื่ออำพราง ซึ่งไม่มีใครที่ไหนไม่ใส่เสื้อใน หรือกางเกง ขับรถออกจากบ้านไปไหนมาไหนกลางดึก
นอกจากนี้สงสัยว่าอาจมีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยอีก 1 คน เพราะคนเดียวไม่สามารถทำได้ โดยมีอีกคนขับรถมารับหลังทำลายหลักฐานเสร็จ ส่วนการเสียชีวิตในครั้งนี้มั่นใจว่าเป็นการฆาตกรรมที่ประสงค์จะเอาชีวิต ไม่ได้ประสงค์จะเอาทรัพย์ของผู้ตาย เพราะของมีค่าทุกอย่างอยู่ครบ อีกทั้งคนร้ายรู้ว่าหากเอาทรัพย์หรือนำของบางอย่างของคนตายติดตัวไป ย่อมถูกตามจับตัวได้ง่าย
ยอมรับว่าเป็นคดีที่ยากต่อการสืบสวนแน่นอน เพราะเวลาผ่านมาหลายปี หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะสืบหาตัวคนร้ายหายไปหมด แต่ยังเชื่อฝีมือตำรวจจะสามารถตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด