แฉไม่หยุด! แม่พาลูกพิการบำเรอกาม งวดนี้ตบทรัพย์บนโรงพัก 6 หมื่น อีกรายกราบเท้าจ่ายเงิน (คลิป)

จากกรณีตำรวจ สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากนายตั้ม (นามสมมติ) อายุ 24 ปี อยู่ที่ ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ว่าถูกนางกัญญ์ณณัฎฐ์ พร้อมนางยิ่งลักษณ์ ชาว ต.น้ำโสม อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ได้นำนางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ซึ่งพิการทางสมอง หรือออทิสติกมาร่วมหลับนอนกับตัวเอง หลังจากนั้นบุคคลสองได้ตามมากรรโชกทรัพย์กับนายตั้ม เป็นเงิน 2.5 แสนบาท และให้นายตั้มทำพิธีหมั้นหมายกับน.ส.เอ หากไม่ตกลงจะแจ้งตำรวจดำเนินคดี ต่อมาพบว่ามีผู้ที่โดนหลอกในลักษณะเดียวกันกับนายตั้มอีกหลายราย

วันที่ 28 ธ.ค. 62 ที่ จ.อุดรธานี นายบอล (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกรายที่อ้างว่าถูกนางกัญญ์ณณัฏฐ์หลอกกรรโชกทรัพย์ เล่าว่า ตนเองรู้จักกับนางสาวเอผ่านทางแอปพลิเคชั่นหาคู่ในวันที่ 26 ส.ค. 62 เวลา 09.00 น. นางสาวเอเป็นคนที่ทักมาพูดคุยกับตนเอง จากนั้นได้ส่งข้อความชักชวนให้ตนเองพาไปกินข้าว และไปหาที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู พร้อมกับส่งภาพถ่ายของเขามายั่วยวนตนเองอีกด้วย ตนเองจึงได้ขับรถยนต์ออกไปเพื่อเจอตัวนางสาวเอที่โรงเรียนดังกล่าว โดยเขามาในชุดนักเรียน จากนั้นตนขับรถพาเขาไปรีสอร์ต แต่ระหว่างทางเขามีท่าทีนิ่งเงียบ นั่งนิ่ง ๆ ไม่พูดคุยกับตนเอง แม้เเต่ชื่อของตนเองเขาก็ไม่เรียก ซึ่งต่างจากตอนที่เขาคุยแชตและคุยโทรศัพท์กับตนมาก ที่ยั่วยวนชวนคุยตลอดเวลา

จากนั้นตนเองเข้าไปในห้องของรีสอร์ตไม่ถึง 5 นาที ก็มีเสียงผู้หญิงมาเคาะประตูห้องตนเอง ซึ่งนางสาวเอได้บอกกับตนว่าเป็นแม่ของเขา ด้วยความตกใจตนเองจึงได้เปิดประตูแล้ววิ่งออกมาขับรถหลบหนี เท่าที่ตนเองจำได้ตอนเกิดเหตุนั้นแม่ของนางสาวเอมาพร้อมกับผู้ชายอีกคน ประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากนั้นแม่ของนางสาวเอได้บุกเข้าไปที่บ้านของตน แต่ขณะนั้นตนหนีไปอยู่ที่อื่น พร้อมกับเรียกค่าเสียหายจากแม่ตนเองเป็นเงิน 200,000 บาท

นอกจากนี้ ตอนที่นางกัญญ์ณณัฎฐ์ข่มขู่แม่ของตนนั้น เขาก็ได้อ้างว่ามีแฟนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ถ้าแม่ของตนเองไม่จ่ายเงินให้เขาก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หลังจากที่นางกัญญ์ณณัฎฐ์มาคุยกับแม่ของตนเองที่บ้านแล้ว จากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ แม่ของตนก็ได้กู้เงินจำนวน 60,000 บาท ไปจ่ายค่าเสียหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ. สร้างคอม ซึ่งวันที่ไปจ่ายค่าเสียหายนั้น ฝั่งของนางกัญญ์ณณัฎฐ์ก็ไม่มีใครเดินทางมาที่โรงพักแม้เเต่คนเดียว

ด้านนางสาวรัศมี (นามสมมติ) แม่ของนายโม (นามสมมติ) ซึ่งยอมรับว่าลูกชายเป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน โดยเล่าว่า วันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ลูกชายได้รู้จักฝ่ายหญิงผ่านทางแอปพลิเคชั่นหาคู่ ลูกถูกฝ่ายหญิงตื๊อจนกระทั่งได้ขับรถออกไปหาและร่วมหลับนอน แต่พอนายโม ลูกของตนขับรถไปส่งก็เจอนางกัญญ์ณณัฎฐ์ และต่อว่าที่ไปกระทำกับนางสาวเอ และบีบบังคับเอาเงิน 4 แสนบาท โดยนางกัญญ์ณณัฎฐ์ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นแม่ของนางสาวเอนั้น ได้บอกว่าลูกสาวของเขาหายตัวออกไปจากบ้านทั้งคืน เขาหาตัวลูกสาวเขาทั้งคืน โดยการติดตามจากสัญญาณ GPS จนมาพบว่าอยู่กับลูกชายของตน

ตอนที่นางกัญญ์ณณัฎฐ์และพวกมาที่บ้านของตนนั้น เขาและผู้หญิงอีกหนึ่งคนจะแต่งกายด้วยชุดข้าราชการสีกากี พร้อมกับอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาล และผู้หญิงที่มาด้วยกันนั้นเป็นเลขาของเขา ส่วนผู้ชายอีกหนึ่งคนคือคนขับรถของเจ้าหน้าที่ โดยนางกัญญ์ณณัฎฐ์ยังบอกอีกว่าพ่อของนางสาวเอมีตำแหน่งเป็นผู้กำกับการโรงพักใน จ.สกลนคร ถ้าพ่อเด็กรู้เรื่องจะไม่มีวันยอมแน่นอน ตัวนางกัญญ์ณณัฎฐ์จึงมาเจรจาเรียกเงินแทน

ตอนที่ตนเองได้ยินคำพูดของนางกัญญ์ณณัฎฐ์ว่าให้นำเงินจำนวน 4 แสนบาทมาจ่าย ตนถึงกับร้องไห้จนนางกัญญ์ณณัฎฐ์นั้นยอมลดเงินค่าชดใช้เหลือ 3.5 แสนบาท ตนเองถึงกับดีใจจนต้องนั่งลงไปกราบเท้านางกัญญ์ณณัฎฐ์ต่อหน้าลูกชาย และสั่งให้ลูกชายลบข้อความที่สนทนากับลูกสาวของนางกัญญ์ณณัฎฐ์ออกให้หมด เพราะกลัวจะมีปัญหา ตนจึงยอมลบข้อความทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความ และโทรศัพท์มาทวงเงินตลอด และขู่ว่าจะจับลูกชายตนเข้าเรือนจำ และสามารถสั่งให้ผู้คุมซ้อมลูกชายตนทุกวันก็ได้

หลังจากนั้นตนได้นำเรื่องไปปรึกษาญาติ กระทั่งญาติของตนไปได้ข้อมูลเกี่ยวกับนางกัญญ์ณณัฎฐ์ ว่ามีประวัติคดีอาชญากรรมติดตัวอยู่ที่ สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี กระทั่งวันนัดมอบเงินชดใช้ค่าเสียหายที่ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ตนจึงได้บอกข้อมูลที่ตนเองทราบกับตำรวจก่อนที่นางกัญญ์ณณัฎฐ์จะมาถึง เมื่อพวกเขามาถึงตำรวจจึงได้เรียกสอบถามคดีเก่า ๆ แต่นางกัญญ์ณณัฎฐ์ อ้างว่าจะไปถ่ายเอกสารแล้วเดินออกจากโรงพักไปโดยที่ตนยังไม่ได้ให้เงินชดใช้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยมาทวงเงินจากตนอีกเลย

ทั้งนี้ ภายหลังเรื่องรายของนายตั้ม ถูกสำเสนอผ่านสื่อ ปรากฏว่ามีข้อมูลผู้ที่อ้างว่าถูกนางกัญญ์ณณัฎฐ์ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนั้นหลายราย พฤติการณ์ดังกล่าวมีมาตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. 61 กระทั่งเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.อุดรธานี 7 ราย จ.สกลนคร 2 ราย จ.เลย 2 ราย จ.หนองบัวลำภู 1 ราย จ.มหาสารคาม 1 ราย และ จ.ขอนแก่น 1 ราย รวมตอนนี้มีผู้เสียหาย 14 รายความเสียหายมากว่า 1.7 ล้านบาท