เปิดใจแกร็บ เหยื่อรถบัสเมากินเลน ฉะไร้สำนึกชนเก๋งดับ สลดคนตายอีก 1 ชม. ถึงบ้านหาแม่ (คลิป)
วันที่ 29 ธ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านวัสดุก่อสร้าง ภายในซอยเฉลิมพระเกียรติ 11 เป็นถนน 4 เลนสวนกันโดยไม่มีเกาะกลางถนน มีเพียงเส้นแบ่งช่วงเกาะกลาง
นายหวัง คนงานร้านวัสดุก่อสร้าง เล่าว่า ช่วงเที่ยงวานนี้ ระหว่างนั่งพักหลังทานข้าวกลางวันเสร็จ ได้เสียงดังสนั่น ตอนแรกตนไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเป็นเสียงรถขนของในร้านชนท้ายกัน จนเพื่อนวิ่งมาบอกให้ออกไปช่วย เมื่อออกมาถึงหน้าร้าน เห็นรถชนกันทั้งหมด 3 คัน เป็นรถบัสคันใหญ่ จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน เลยไปทางป้ายรถเมล์ รถเก๋งสีแดง หมุนมาชนอยู่ติดกับฟุตพาทหน้าร้าน ในสภาพพังยับ ทั้งกระจกบานหน้าและหลังแตกทั้งหมด ส่วนรถจักรยานยนต์ กระเด็นขึ้นมาอยู่บนฟุตพาท
คนขับรถเก๋งติดคารถอยู่เป็นผู้ชายอายุไม่เกิน 40 ปี รูปร่างใหญ่ กระอักเลือดเต็มปาก แต่ยังไม่เสียชีวิต กู้ภัยใช้เวลาเกือบ 20 นาทีจึงนำตัวไปส่งโรงพยาบาลได้ แต่ทราบว่าไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ที่น่าสงสารคือ ชายรายนี้น่าจะกำลังกลับบ้าน เพราะที่กระโปรงหลังรถมีอาหารทะเล และเงินในกระเป๋าประมาณ 30,000 บาท ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์ ที่ลอยขึ้นไปอยู่บนหลังคารถเก๋ง เป็นพนักงานขับแกร็บถูกช่วยเหลือลงมานอนอยู่บนเตียงปฐมพยาบาล บาดเจ็บที่ขา
นายชาตรี กาฬภักดี พ่อเลี้ยงของผู้เสียชีวิต เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ลูกชายไปทำงานอยู่ที่ จ.เพชรบุรี ขณะเกิดเหตุกำลังจะกลับมาหาแม่ที่ซอยเฉลิมพระเกียรติ 39 โดยคุยกันครั้งสุดท้ายตอนถึงมหาชัย นายวันชัยบอกแม่ว่าอีกชั่วโมงเดียวก็เจอกันแล้ว แม่จึงทำกับข้าวรอ แต่ผ่านไป 2 ชั่วโมงลูกชายก็ยังมาไม่ถึง มารู้ข่าวอีกทีลูกกลายเป็นศพไปแล้ว ส่วนเรื่องขอขมาศพ ตามหลักควรจะมา แต่ศพอยู่ไกลเขาคงไม่มา ฝากถึงคนที่ใช้รถใช้ถนนช่วงปีใหม่ ขอให้เห็นใจคนคนสูญเสียบ้าง
นายสัมฤทธิ์ สีทอน อายุ 24 ปี ผู้บาดเจ็บ ที่ขับรถจักรยานยนต์ เล่าว่า ระหว่างที่ตนกำลังขับรถไปส่งอาหารให้ลูกค้าย่านถนนเฉลิมพระเกียรติ ช่วงเที่ยงวานนี้ เห็นรถเก๋งสีแดงขับอยู่เลน 2 ขณะที่รถบัสขับมาเลนสวน ไม่รู้ว่าหลับในหรือไม่ พุ่งกินเลนมาทางรถเก๋ง แต่กลับให้การกับตำรวจว่ารถเก๋งขับมาชนเอง ตนยืนยันว่ารถบัสเป็นคนหักมาชนรถเก๋ง เพราะตอนนั้นตนมีสติครบถ้วนทุกอย่าง แต่เบรกไม่ทัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มารู้ตัวอีกทีตอนที่ขึ้นไปนอนอยู่บนหลังคารถเก๋งแล้ว
หลังเกิดเหตุ ยังไม่เคยได้รับการติดต่อจากรถบัสคู่กรณี อาการตอนนี้ยังบาดเจ็บจากข้อมือซ้ายหักผิดรูป ผ่าตัดใส่เฝือก เย็บที่แขนหลายที่ ชาซ้ายเดินไม่ได้ เพราะกล้ามเนื้ออักเสบ ทั้งนี้ ฝากถึงคนขับรถบัสให้เป็นบทเรียน คุณประมาทแค่คนเดียว แต่ทำคนตายไป 1 คน และตนก็เสียโอกาสหาเลี้ยงครอบครัว อยากถามว่าสำนึกผิดบ้างหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าทางคดี จากการสอบปากคำนายประยุทธ เลพล อายุ 39 ปี คนขับรถบัส ให้การรับสารภาพว่า กำลังจะขับรถกลับไปที่บริษัทย่านพหลโยธิน แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถกลับเสียหลักข้ามเลนไปชนกับรถเก๋ง ยอมรับว่าเมา ส่วนผลตรวจแอลกอฮอล์พบมีปริมาณสูงเกิน 100 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ จึงแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต และขับรถขณะมึนเมาสุรา โดยมีคนของบริษัทเดินทางมาขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาท