หมอธีระวัฒน์ ซัด!เฝ้าระวังคนไทย แต่ปล่อยต่างชาติเข้ามา ก็ไม่มีประโยชน์อะไร(คลิป)
อาจารย์เป็นคนแรกออกมาบอกว่ามีชายไทยเสียชีวิต?
มุมคนเสียชีวิตคนแรกในประเทศไทย เป็นชายอายุ 30 กว่าๆ ชายคนนี้เท่าที่ทราบ ออกแถลงการณ์จากห้างคิงเพาเวอร์ เขาบอกเป็นพนักงานของเขา การติด ติดได้ยังไง?
"ตรงนี้เราไม่สามารถบอกได้เลย เขาอาจสัมผัสใกล้ชิด ซื้อขายของมั้ยตอบไม่ได้ ไม่ได้ทราบรายละเอียด แต่อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ก็เป็นเครื่องชี้บ่งว่าในสถานที่ที่ต้องติดต่อกัน อาจด้วยการพูดคุยหรือผ่านทางวัตถุสิ่งของซึ่งมีการยื่นหยิบ"
แสดงว่า ณ ตอนที่ตรวจเขาไม่ได้เป็น?
"ณ ตอนที่ตรวจไม่มีหลักฐานอะไรที่บอกว่าเขาเป็นไข้เลือดออก หลังจากนั้น 4-5 วันก็เจาะเลือดซ้ำ หลักฐานที่บอกว่าเป็นไข้เลือดออกตรงนั้น ยิ่งยืนยันว่าเป็นมาไกลแล้ว ณ ขณะที่ไปรพ. ไม่ได้มีเรื่องไข้เลือดออก อธิบายจากไข้เลือดออกไม่ได้เลย"
แล้วทำไมเสียชีวิต?
"เพราะตัวไวรัสก่อให้เกิคดวามเสียหาย ก่อให้เกิดความอักเสบของเนื้อปอด เรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่าปอดพัง พอปอดพังไปแล้วถึงแม้ตัวผู้ร้ายจะหายไปแล้ว แต่ตัวปอดพัง จะเยียวยาหรือใช้เครื่องช่วยอะไรต่างๆ ก็ตาม การที่ปอดพังก็กระทบอวัยวะส่วนอื่น ทำให้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าดีใจที่รพ. ที่ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้รับยาในวันเดียวกัน เช่นเดียวกัน ปรากฎว่าเชื้อก็หายไปเร็ว แต่มีความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ตรงนี้เรายังไม่ทราบว่าความเสียหายตรงนี้จะถาวรหรือกลับมาได้มั้ย ตรงนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจบุคลากรางการแพทย์ สาธารณสุข เภสัชทุกคน ว่าความยากลำบากในการวินิจฉัยมันยากอยู่แล้ว แล้วมีผลเรื่องห้องปฏิบัติการทำให้มันรวนเร ซึ่งเรื่องตรงนี้เนเรื่องปกติ กรณีอย่างนี้อยากเรียกร้องผ่านรายการ แพทย์ เภสัช พยาบาล แม้กระทั่งคนกวาดขยะในรพ. ถ้าเกิดอะไรขึ้น ควรมีค่าชดเชย แม้ในนักวิทยาศาสตร์ที่ห้องปฏิบัติการ"
เห็นบอกว่าอาจมีรายที่ 2?
"จริงๆ แล้วข้อมูลตรงนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงเป็นลำดับ ก็เป็นคนไข้ซึ่งอยู่มานานพอสมควร เหมือนกับคนที่ไข้ที่เสียชีวิตอยู่ที่รพ.บำราศนราดูร ป่วยมานานพอๆ กัน สิ่งที่เรากังวลก็คล้ายๆ กัน คือผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับยาตรงนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นไวรัสหายหมดเช่นเดียวกันแต่ก็มีความไม่เสถียร มีเรื่องปอดพัง จริงๆ เป็นปฏิกิริยาที่สำคัญ เมื่อเริ่มมีการอักเสบเกิดขึ้นก็ทำให้หลั่งไหลของน้ำที่อยู่ในเส้นเลือดออกมา ปอดไม่มีที่ที่จะรับออกซิเจนปล่อยออกซิเจนให้เลือด ขณะเดียวกันตามรายทางการอักเสบตรงนี้ก็ไปกระตุ้นเซลล์อีกหลายตัว มีกลไกอีกอย่างคือมีเนื้อเยื่อพังผืดเกิดขึ้น ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์หลายๆ ประเทศรวมทั้งจีนก็คิดสองประเด็น เรื่องการลดการอักเสบ ซึ่งเรื่องการลดการอักเสบตรงนี้ ขณะนี้เราก็ประจักษ์ชัดแล้วว่าเราไม่ใช่สเตียรอยด์ เพราะถ้าใช้สเตียรอยด์จะกดภูมิคุ้กันด้วย แม้จะลดการอักเสบ เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ควรใช้ สองเราใช้ยาต้านมาลาเรีย ที่รู้จักมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว มันก็มีความดีสองประการคือลดปริมาณไวรัสลงได้ สองคือลดการอักเสบลงได้ ประการที่ 3 มีความพยายามที่จะลดเจัาตัวกระบวนการที่ทำให้เกิดเยื่อพังผืด"
หมายถึงในคนที่สอง?
การกักตัวคนไปประเทศกลุ่มเสี่ยง 14 วัน ทำไมไม่ออกเป็นกฎหมายไปเลย?
"(ถอนหายใจ) ประเทศที่เขารับทราบในหลัหการเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เขาไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น อย่างจีนถึงแม้ตอบโต้เรื่องนี้ช้าไปบ้าง แต่ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ปิดประเทศปิดบ้าน ขณะนี้สามารถสง่างามมากเลย คนไข้กลับบ้าน ตอนนี้ต้องมีความกล้าหาญพอที่จะต้องยอมทำทุกมาตรการเพื่อทำให้ควบคุมโรคได้ ก่อนหน้าอู่ฮั่นปิด จะมีเมืองเล็ก ๆรอบๆ เขาปิดบ้าน ปิดเมืองก่อนปิดอู่ฮั่น เมืองนี้ประชากร 1 ล้านคน ติดเชื้อน้อยกว่าเมืองอื่นๆ 10 เท่า มาตรการเหล่านี้ถ้ายิ่งทำเร็วที่สุด รายได้อาจต้องคำนึงจริง แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา ถ้าผลกระทบที่ตามมมารพ.เกิดมีคนไข้และแพร่ไปผู้ปวย บุคลากรมีคนไข้ ถึงวันนั้นจะไม่มีรพ. เหลืออยู่เลย"
ตอนนี้มีข่าวเรื่องหน้ากากอนามัย ทางอเมริกา มีอาจารย์แพทย์ออกมาบอกว่าคนถ้าใส่หน้ากากมีสิทธิ์ติดโควิดมากกว่าคนไม่ใส่?
"หน้ากากอนามัยเรารับทราบกันทั่วไป เราใส่หน้ากากเพื่อแพทย์พยาบาล ไม่ให้ละอองฝอยมาหาเรา คำถามว่าถ้าประชาชนทั่วๆ ไป เดินถนนเจอคนหนาแน่นโดยไม่ทราบว่าคนๆ นั้นติดเชื้อหรือเปล่า แล้วคนๆ นั้นมีการพูด การไอ การจาม ตกลงประชาชนทั่วไปจะไม่ใส่หน้ากากหรือ ในเมื่อแพทย์พยาบาลเมื่อไปดูคนไข้ต้องใส่ ประชาชนต้องไปเรียนหมอก่อนแล้วต้องใส่เหรอ ผมว่าตรรกะเสื่อม คิดแบบกำปั้นทุบดินก็ได้ ในเมื่อเราต้องการป้องกันรพ.บุคลากรทางการแพทย์ ต้องการป้องกันเชื้อที่มาจากผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าตรงนั้น"
เขาบอกในรพ.ให้หมอใช้กันไป ประชาชนข้างนอกไม่ต้องใช้ก็ได้ มันมีโอกาสดึงเข้าดึงออก มืออาจจะไปโดน อาจติดไปง่ายกว่า?
"มันคนละประเด็นกัน ถ้าใส่และถอดถูกวิธีก็จบ อย่าเอาประเด็นเรื่องการใช้ผิดมาเป็นประเด็นว่าทำให้ติดมากขึ้น ถ้าใช้ผิด ใช้อะไรทุกอย่างมันก็ผิด เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่ต้องใช้แค่นั้นเอง แต่ถ้าไปยืนในสวนลุม เดินชมนกชมไม้ มีคนเดียวเดินก็ไม่ต้องใส่ เราใส่เมื่อไปปะปนในที่คนหนาแน่น แล้วเราทราบดีว่าโควิด 80 เปอร์เซ็นต์ไม่มีอาการ หรือการน้อยนิดแต่แพร่เชื้อได้ มาตรการตรงนี้ จริงๆ ใส่หน้ากากผ้าก็ได้ แค่นั้นเอง"
ประเด็นที่เริ่มมีกระแสว่าอย่าเอาคำพูดนี้ไปบูลลี่คนที่ไปประเทศกลุ่มเสี่ยงว่าเขาไม่รับผิดชอบต่อสังคม?
"คนกักตัวอยู่ที่บ้านอย่างถูกวิธีตรงนั้นเราต้องยกย่องส่งเสริม อย่างคุณมอส ปฏิภาณต้องยกย่องเขา เต็มใจด้วยจิตสำนึก แต่ทีนี้ในคนที่คิดว่าตัวเองผ่าน 1-2 วันแรกไปแล้ว ไม่ต้องไปตรวจก็ได้ถ้าไม่ไปสัมผัสคนมีความเสี่ยงสูง กักตัวอยู่บ้านเฉยๆ และหากไปตรวจครั้งแรกแล้วบอกว่าตัวเองเป็นโรค ไม่ใช่ อย่าไปหลอกชาวบ้าน ถ้าจะตรวจตรงนี้แล้วไปตรวจอีกทีวันที่ 14 ก็ไม่เสียหายอะไร ไม่ใช่ไปตรวจวันนั้นแล้วบอกว่าตัวเองไม่เป็น แล้วไปลหลอกชาวบ้านต่อ และหลอกตัวเองด้วย"
เขาบอกว่าเขาไปตรวจแล้ว มาบูลลี่เขาทำไม อย่าเอาเอาคำว่าไม่รับผิดชอบต่อสังคมมาบูลลี่เขา?
"จริงๆ แล้วถ้าไปตรวจ เขามีความรับผิดชอบตัวเองอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปบูลลี่เขา แต่เขาก็ยังไม่ปลอดภัย ต้องรอให้พ้น 14 วัน แค่นั้นเอง"
ให้คนไทยไปกลุ่มเสี่ยงกักตัว 14 วัน แต่ไม่กักตัวนักท่องเที่ยว ดูย้อนแย้ง?
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกักอะไรเลย จะแพร่ก็แพร่ไป จะเอาเช่นนั้นหรือ"