ลูกชาย ปู่ย่าฮอกไกโด เครียดสังคมประณาม ยันไร้เจตนาปิดบัง(คลิป)
ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ป่วยปู่ย่าที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงก่อนหน้านี้ แล้วแจ้งแพทย์ช้า ซึ่งตรวจภายหลังพบว่าติดเชื้อไวรัสนั้น ตนขอร้องว่าอย่าโจมตีครอบครัวดังกล่าว เนื่องจากอาจมีเหตุผลบางประการ และได้รับผลกระทบจากโรคไควิด-19 แล้ว คนไทยทุกคนควรหาวิธีป้องกันและยับยั้งสถานกาณณ์การแพร่ระบาดให้อยู่ในระยะที่ 2 (การหาแหล่งที่มาของการติดเชื้อไวรัสได้) และแนะนำผู้ป่วยให้แจ้งกับแพทย์เรื่องการเดินทางไปต่างประเทศทันที เพื่อช่วยรักษาให้ทันเวลา
นอกจากนี้ คนไทยรายแรกที่เสียชีวิตหลังติดเชื้อโควิด-19 ร่วมกับเป็นไข้เลือดออก มีอาการหายใจหอบ ปวดเมื่อยร่างกาย และมีน้ำท่วมปอด ตนมองว่าอาการไข้เลือดออกอาจคล้ายกับการติดเชื้อ และอาจหายใจล้มเหลวจากการติดเชื้อได้เช่นกัน ซึ่งการป่วยไข้เลือดออกอาจมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนจากแบคทีเรียจึงได้มีการตรวจที่ละเอียด จนกระทั่งพบเชื้อไวรัสโควิด-19
นายดรีม ลูกชายของปู่-ย่า ผู้ติดเชื้อไควิด-19 เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่พ่อและแม่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 3 วัน แม่ตนไม่มีอาการไข้ แต่พ่อป่วยปกติ คิดว่าแพ้อากาศหนาวในต่างประเทศ และไม่ได้ออกนอกบ้าน หลังจากนั้นครอบครัวก็ได้รับการตรวจและพบเชื้อไวรัส แล้วได้รับการรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลทันที
ส่วนตนเองตอนนี้ก็อยู่ในช่วงการกักตัว เป็นกลุ่มเสี่ยงคนใกล้ชิดผู้ป่วย ตนได้รับการตรวจหลายครั้งด้วยการใช้เครื่องสอดเข้าทางจมูก และปาก ลำคอ เพื่อเก็บตัวอย่างไปตรวจ รวมทั้งตรวจเลือด นอกจากนี้ พ่อและแม่และน้อง 8 ขวบ มีอาการดีขึ้นตามลำดับแล้ว
นายดรีม กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า "ตนกราบขอโทษทุกคน ไม่มีใครต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตนเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเช่นกัน ขอโทษที่โรงเรียนของลูกชาย 8 ขวบด้วย ที่อาจจะบอกข้อมูลช้าไป ตนอยากให้เข้าใจครอบครัวว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก และเป็นจำเลยสังคม ซึ่งตนก็เห็นใจทุกครอบครัวที่ต้องระมัดระวังตัวมาก และอยากให้ทุกคนช่วยกันแก้ปัญหามากกว่าจะโยนว่าใครเรื่องนี้ใครผิด" นอกจากนี้ มีคนโจมตีพ่อกับแม่ตน ครอบครัวมีความเครียด และพยายามเลี่ยงการอ่านข้อความดังกล่าว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า สำหรับผู้ที่เสียชีวิตรายแรกของไทย มีการสอบประวัติและติดตามคนใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบแล้ว มีพยาบาลที่รักษาผู้เสียชีวิตติดเชื้อและรักษาจนหายแล้ว ขณะที่มาตรการควบคุมให้สถานการณ์อยู่ในระยะที่ 2 นั้นทุกคนจะต้องช่วยกัน และตอนนี้มียารักษาโรคที่ช่วยให้อาการดีขึ้นจนหายขาดได้แล้ว และมีมากเพียงพอสำหรับการดูแลผู้ป่วยในระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยที่มีการขาดแคลน คือหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียว ตนแนะนำว่าหากทุกคนหันมาใช้หน้ากากผ้าหรือทำเอง สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ก็จะทำให้หน้ากากไม่ขาดแคลน และหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวก็จะกลับเข้าตลาดอีกครั้ง และหาซื้อได้ง่ายขึ้นในราคาปกติ ซึ่งผู้ที่ควรสวมหน้ากากไม่ใช่ทุกคน เน้นไปที่บุคคลาการทางการแพทย์ และผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง แต่ประชาชนตระหนก จึงหาซื้อหน้ากากกันเยอะจนของขาดตลาด