สาวสองแปลงเพศ หมอต่อผิด อุจจาระเล็กช่องคลอด!

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายว่า เมื่อเดือน พ.ย. 62 ได้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ จากเพศชายเป็นเพศหญิง และหลังจากผ่าตัด ร่างกายเกิดความผิดปกติ ผายลมทางช่องคลอด และ เศษอาหารกับอุจจาระออกจากช่องคลอดนั้น

วันที่ 5 มี.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่ย่านอ่อนนุช กรุงเทพฯ คุณเค้ก (นามสมมติ) ผู้เสียหาย สาวประเภทสอง เปิดใจว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 62 ตนเริ่มการผ่าตัดแปลงเพศ โดยวิธีต่อกราฟ ราคา 100,000 บาท รวมค่ารักษา และค่าที่พักรักษาตัว 6 คืน วิธีการต่อกราฟคือการใช้หนังอัณฑะ ขูดพังพืดออก และนำไปต่อเป็นช่องตลอดแทน ซึ่งวิธีนี้จะไม่ได้ต่อถึงลำไส้ ทำให้ช่องคลอดมีความลึกสูงสุด 6 นิ้ว

กระทั่งวันที่ 19 พ.ย. 62 เป็นวันที่ตนออกจากคลินิกมารักษาตัวที่บ้านได้ 3 วัน ช่องคลอดของตนเริ่มมีอาการผิดปกติ เศษอาหารไหลออกจากคลอดเป็นน้ำ ผายลมทางช่องคลอด และอุจจาระออกมาจากช่องคลอด ซึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หากยิ่งกั้นไม่ให้ผายลมหรือกั้นอุจจาระ ก็จะไหลพรวดออกมาทันที ตนจึงได้กลับไปที่คลินิก และแจ้งอาการกับพยาบาลทันที แต่พยาบาลอ้างว่าเป็นอาการปกติของการผ่าตัดแปลงเพศ

กระทั่งตนสอบถามหมอ หมอก็อ้างว่าสาเหตุมาจากภายในช่องคลอดของตนมีลม ลำไส้ของตนไม่ดี ทำให้ลำไส้ของตนระเบิด และมากระทบกับผนังช่องคลอดหรือผนังไข่ ซึ่งจะต้องแก้ไขโดยการยกลำไส้ และให้ขับถ่ายทางหน้าท้องแทน ต้องเย็บรอยรั่วที่ก้นด้วย

จากนั้น วันที่ 23 พ.ย. 62 หมอก็ได้ทำการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 2 ตนนอนพักฟื้นประมาณ 3-4 คืน และกลับมาใช้ชีวิตที่บ้าน ทำงานปกติ ช่วงนั้นตนจะต้องขับถ่ายและผายลมทางหน้าท้องแทน และเจาะท้องเพื่อใส่ถุงสำหรับใส่ของเสีย หลังจากผ่าตัดประมาณ 4 สัปดาห์ ตนจะต้องไปตรวจอาการทุกวันเสาร์ หมอให้ขึ้นขาหยั่งตรวจสอบว่าบริเวณช่องตลอดมีรอยรั่วหรือไม่ ถ้ามีหมอก็จับเย็บสดทันที โดยไม่ฉีดยาชา ทุกครั้งตนจะรู้สึกเจ็บปวดมาก เจ็บยิ่งกว่าการผ่าตัดแปลงเพศ

กระทั่ง วันที่ 21 ธ.ค. 62 ตนเข้าไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการ หมอให้หันบั้นท้ายให้ และใช้เครื่องมือทางการแพทย์แหวกรูทวารของตน และเย็บสด ขณะนั้นตนก็ร้องไห้ทันที จนหมอต้องฉีดยาชาให้ และเย็บต่อ ทุกครั้งที่เย็บแผล หมอไม่เคยแจ้งก่อนว่าจะเย็บแผล โดยในวันที่ 25 ธ.ค. 62 หมอนัดให้ตนเข้ามาเย็บแผลครั้งที่ 3 ให้ตนดมยาสลบกระทั่งตนตื่นขึ้นมาก็รู้สึกตกใจ เพราะสภาพร่างกายของตนเหมือนแปลงเพศใหม่หมด มีแผลผ่าตัดที่หน้าท้องและถุงพลาสติดที่เคยมีก็หายไป หมอให้เหตุผลว่าทำการผ่าตัดแปลงเพศแบบต่อลำไส้ให้ตน

นอกจากนี้ ปกติตนทำงานเป็นพนักงานบัญชี รายได้เกือบ 30,000 บาท/เดือน ไปทำงานไม่ไหว จึงตัดสินใจลาออกจากงาน ล่าสุด เมื่อวานนี้ (4 มี.ค. 63) ตนได้เรียกร้องให้คลินิกจ่ายค่าเยียวยานอกเหนือจากค่ารักษา ทางคลินิกได้ทำหนังสืออ้างว่าจะส่งตัวให้โรงพยาบาล หลังจากนี้ ทางคลินิกขอปรึกษากันก่อน และนัดให้คำตอบตนในวันที่ 9 มี.ค. 63