แพทย์ ชี้! นั่งสับหว่าง รถตู้-รถทัวร์ ไม่ได้ผล เหตุอากาศปิด เชื้ออยู่กว่า 9 ชม.

บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อช่วงเย็น 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังมีประชาชนทยอยเดินทาง มารอขึ้นรถกลับภูมิลำเนา แต่คนค่อนข้างบางตาลง เนื่องจากส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากการสังเกตุของทีมข่าว ส่วนใหญ่ผู้โดยสารจะระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว ไม่นั่งรวมกลุ่มกับคนแปลกหน้า หากไม่ใช่คนรู้จัก

ส่วนบนรถโดยสาร หากเป็นรถทัวร์ที่นั่งเบาะคู่ จะจัดให้ผู้โดยสารนั่งชิดริมกระจกเท่านั้น เว้นที่นั่งแถวกลางริมทางเดินทั้ง 2 แถวเอาไว้

นางบัว ศรีโพนทอง แรงงานชาวสปป.ลาว ที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านผ่านด่านชายแดนจังหวัดเลย ระบุว่า หลังต้องหยุดงานที่ร้านอาหารเป็นเวลาหลายวัน โดยไม่มีกำหนด จึงต้องกลับบ้านที่ สปป.ลาว ไปทำไร่ทำสวนเลี้ยงตัวเองไปก่อน โดยเตรียมกลับไปกักตัวเองที่บ้าน เพื่อไม่ให้เดือดร้อนคนในครอบครัว

ส่วนการใช้ชีวิตบนรถโดยสาร ที่นานกว่า 8 ชั่วโมง แม้จะกังวลเชื่อว่ามีความปลอดภัยพอสมควรเนื่องจากมีการพ่นยาฆ่าเชื้อจากเจ้าหน้าที่ทุกคันอยู่แล้ว ส่วนตัวเองก็ป้องกันโดยสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือตลอด ทุกคนป้องกันตัวเองอยู่แล้ว

นายแพทย์อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศ ไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่กระจายเชื้อไวรัส โควิด-19 ภายในรถทัวร์โดยสารและรถตู้โดยสาร โดยระบุว่า ภายในพื้นที่รถทัวร์หรือรถตู้โดยสาร ลักษณะจะเป็นพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท และมีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีความอันตราย เสี่ยงต่อการแพร่กระจายและติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าพื้นที่ที่เป็นพื้นที่โล่ง

การที่ผู้โดยสารทั่วไปจะติดเชื้อระหว่างเดินทางหรือไม่ หาก ภายในรถมีผู้โดยสารมีผู้ติดเชื้อเดินทางมาด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งระยะทาง ระยเวลาที่ โดยสารอยู่ภายในรถคันดังกล่าว แม้ผู้โดยสารมีการสวมหน้าการอนามัยก็มีสิทธิ์ที่เชื้อจะเล็ดรอดเข้าไปในร่างกายได้ เนื่องจากหน้ากากอนามัยที่สวมใส่กัน เป็นลักษณะที่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้เฉลี่ย 80% และ คุณภาพจะลดลงไปตามการเข้ารูปของหน้ากการกับใบหน้าแต่ละบุคคล

โดยนายแพทย์อมร เปรียบเปรยว่า หากจะสวมหน้ากากแบบปลอดภัย 100% คือต้องนําถุงพลาสติกคลุมหัวแล้วผูกที่ คอเอาไว้ จึงจะไม่ทําให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้

ส่วนที่มีการรณรงณ์เรื่องการอยู่ห่างกัน 2 เมตร เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถ ป้องกันได้เพียงละอองฝอยขนาดใหญ่จากผู้ติดเชื้อ แต่ไม่สามารถป้องกันละอองฝอยขนาดเล็กได้ ซึ่งละอองฝอยขนาดเล็กจะสามารถแพร่กระจายได้ไกล 3-4 เมตร และหากอยู่ในพื้นที่ลักษณใน รถทัวร์ หรือ รถตู้ จะสามารถกระจายฟังไปทั่วรถได้ และเชื้อโรคมีชีวิตอยู่ได้ในอากาศราว 3-4 ชั่วโมง

แต่หากมีผู้ป่วยหลายคนบนรถโดยสาร ยิ่งจะส่งผลให้เชื้อโรคอยู่ในอากาศในรถได้นาน มากกว่า 9 ชั่วโมง เชื้อโรคในอากาศที่อยู่ภายในรถ จะสามารถอยู่กับผู้โดยสาร และเดินทางไปด้วย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้