หนุ่ม แฉ!ถูกตร.ยัดฉี่ม่วงไถ 15,000 ผกก.รับลูกน้องแอบตั้งด่านลอย (คลิป)
หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด ข่าว เหตุการณ์ การเมือง หนุ่ม แฉ!ถูกตร.ยัดฉี่ม่วงไถ 15,000 ผกก.รับลูกน้องแอบตั้งด่านลอย (คลิป)
จากกรณีเหตุการณ์เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 28 มี.ค.63 ที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ ชูเพียร ดีเจชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ท่าพระ เรียกรับเงินจำนวน 15,000 บาท หลังตรวจปัสสาวะพบมีสารเมทแอมเฟตามีน แต่เมื่อถูกเรียกตรวจอีกด่านถัดไปในพื้นที่ตลิ่งชัน กลับไม่พบสารเสพติด จึงคาดว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าพระ กลั่นแกล้ง ทำให้ต้องดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด
ล่าสุดทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 7 ถนนรัญสนิทวงศ์ พบเป็นช่วงโค้งใกล้ทางกลับรถสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งด่านเป็นประจำในเวลาประมาณ 22.00-02.00 น. ลักษณะเป็นด่านตรวจอาวุธและยาเสพติด โดยไม่ได้มีการตั้งกรวยยางหรือไฟส่องสว่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะยืนข้างถนน และเรียกรถให้เข้าด่านก่อนตรวจ ส่วนประเด็นการเรียกรับเงิน เคยได้ยินชาวบ้านพูดต่อ ๆ กัน แต่ไม่ทราบเรื่องที่ดีเจดังถูกเรียกเงินจำนวน 25,000 บาทแต่อย่างใด
จากนั้นนายกิตติศักดิ์ ได้โทรศัพท์กลับมาแจ้งตำรวจว่า ตรวจซ้ำอีกครั้งที่ด่านย่านตลิ่งชัน แต่ไม่พบสารแอมเฟตามีน จึงตั้งประเด็นว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลั่นแกล้ง พร้อมให้ชายอีกรายอ้างเป็นทนายพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งชายรายนี้ขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงร้องเรียนผู้บังคับบัญชา
ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เพ็งเภา ผกก.สน.ท่าพระ ระบุว่า ได้เรียกสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นทราบว่า ด่านดังกล่าวเป็นด่านของฝ่ายป้องกันปราบปราบ ซึ่งตั้งขึ้นโดยไม่ได้รายงานผู้บังคับบัญชา เป็นการตั้งกันเองโดยไม่ได้แจ้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุมีทั้งหมด 4 นาย ประกอบด้วยยศร้อยตำรวจโท/ดาบตำรวจ/สิบตำรวจเอก และสิบตำรวจโท นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจบ้านอีก 2 คน โดยขณะนี้ตนได้ทำเรื่องรายงานผู้บังคับบัญชา ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวย้ายไปปฏิบัติงานที่ สปก.กองบังคับการนครบาล 7 และตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เพื่อพูดคุยกับ นายกิตติศักดิ์ ดีเจคนดังกล่าว เปิดเผยว่า วันนี้เวลาประมาณ 01.00 น. ตนกำลังจะเดินทางไปทำธุระปกติ และระหว่างทางตนบังเอิญมาเจอด่านตรวจยาเสพติดของ สภ.ท่าพระ ตนจึงบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ยินดีที่จะตรวจปัสสาวะ เพราะตนเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่เคยใช้สารเสพติดมาก่อน
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตนตรวจซ้ำถึง 3 ครั้ง และทุกครั้งผลตรวจจะขึ้นเป็นขีดจาง ๆ 1 ขีด ทำนองว่า ข้อมูลไม่ชัดเจน ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาตนไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านบางกอกน้อย หลังจากที่ตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดผลให้ดูที่โรงพยาบาล แต่พาตนกลับมาที่ด่านเดิม และผลออกมาว่ามีสารเสพติด
ขณะนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะเรียกค่าปรับครั้งแรก 30,000 บาท และครั้งต่อมา เรียกค่าปรับ 20,000 บาท ซึ่งตนไม่ยอมจ่าย และนั่งรอจนด่านเลิก กระทั่งเวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตนมาที่ สภ.ท่าพระ พร้อมกับเรียกเงินจำนวน 15,000 บาท ขณะนั้นตนยอมจ่าย เพราะ 1.ตนเป็นคนมีชื่อเสียง 2.ตนไม่มีกฎหมายในมือ 3.ตำรวจจะทำอะไรกับตนก็ได้ หากติดคุกไปก็จะเสียประวัติ โดยตลอดเวลาที่พูดคุยกัน ตำรวจไม่ได้ข่มขู่ แต่จะพูดในทำนองว่าจ่ายเงินเรื่องจบ
หลังจากนั้นตนก็เดินทางกลับบ้านตามปกติ และบังเอิญมาเจอด่านตรวจความมั่นคงของตลิ่งชัน และตนได้ตรวจหาสารเสพติดอีกครั้ง แต่ผลตรวจที่ออกมาปรากฎว่า ไม่พบสารเสพติด ด้วยเหตุนี้ตนจึงโทรไลน์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกเก็บค่าปรับทันที เพราะก่อนหน้านี้ได้แลกไลน์กันไว้ เพื่อสอบถามว่าเหตุใดผลตรวจออกมาเป็นแบบนี้ และเรียกเงินค่าปรับได้อย่างไร
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะบ่ายเบี่ยงตลอด ตนจึงให้ตำรวจรายดังกล่าวโอนเงินให้เพื่อเป็นหลักฐานว่า ตนถูกเรียกเงินจริง ๆ โดยตนได้เรียกเงินจำนวน 50,000 บาท จนถึง 1 แสนบาท อ้างว่าหากโอนให้เรื่องจะจบ ซึ่งตำรวจรายดังกล่าวก็เริ่มมีปฏิกิริยา เริ่มโทรมาถี่ขึ้นประมาณ 6-7 ครั้ง และสุดท้ายยอมโอนเงินมาทั้งหมด 42,910 บาท พร้อมกับพูดว่า "พี่โอนเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่ครบ รออีกสักครู่จะโอนไปเพิ่ม" และยังกล่าวต่อว่า "ได้รับเงินแล้วนะ ลบทิ้งให้พี่ด้วย ถือว่าจบ"
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ยอมลบทิ้ง เพราะตนตั้งใจจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และตนไม่อยากให้ใครมาเจอแบบตน ถ้าเป็นคนจนจะทำอย่างไร ล่าสุดตนได้โทรศัพท์หา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อร้องเรียนและวันที่ 30 มี.ค.63 ตนจะเดินทางเข้าพบ ซึ่งท่านได้กล่าวว่า "ถ้าผิดจริง ไม่เอาไว้ "
ทั้งนี้ตนขอฝากไปถึงตำรวจรายดังกล่าวว่า อย่าไปทำแบบนี้กับใครเลย การหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ใช่เรื่องดี และการเป็นตำรวจต้องทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ แต่ทุกวันนี้หลายคนคงคิดว่าระหว่างโจรกับตำรวจ ใครน่ากลัวกว่ากัน และอยากฝากถึงทุกคนให้ลองคิดว่า ถ้าเป็นลูกหลานของตัวเองเจอบ้างจะรู้สึกอย่างไร
vvvvv
vvv
v
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น